บังไพร
นกตะวัน
เดินมาได้สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือของใครคนหนึ่งดังขึ้น เจ้าชุงบอกว่านายโต้งกับเจ้าแป้นกางบังไพร (Blind) ไว้ให้พร้อมแล้วให้รีบเข้าไปดูนก พวกเราไม่รอช้ารีบนั่งรถตู้ที่แล่นตามหลังมาอ้อมป่าด้านหลังและเลียบบึงน้ำจนมาถึงด้านข้างพระตำหนัก ผ่านสันเขื่อนแล้วเลี้ยวซ้ายมาตามถนนจนมาถึงหัวโค้งที่สอง พอลงจากรถตู้นายโต้งกับเจ้าแป้นพาพวกเราไปตามทางเดินรกๆแคบๆมายังกลางป่าซึ่งมีบังไพรหลายหลังตั้งอยู่ เราแยกย้ายกันเข้าไปหลบอยู่ในบังไพร
เต็นท์ผ้าใบใหญ่โตไม่โอ่อ่า
สร้างขึ้นมามีช่องแอบมองหลาย
ใช้ซ่อนตัวมัวมิดปิดบังกาย
นั่งแล้วหน่ายเหนื่อยอ่อนทั้งร้อนจัง
อยากเห็นนกวิหคใดในป่านี้
อดทนดีได้มองจ้องสมหวัง
นกมาใกล้ไม่หนีมีผ้าบัง
บังไพรตั้งติดแอ่งแหล่งน้ำกิน
อยู่ข้างในใกล้ตานกมาสู่
ได้แอบรู้เหล่านกมาผกผิน
ลงเล่นน้ำฉ่ำสนานนานอาจิณ
มิถวิลถอยห่างย่างใกล้เรา
ดั่งอยู่ใกล้ได้ชิดติดกับนก
มีวิหคเห็นกันมิทันเหงา
นั่งสบายกายใจใต้ร่มเงา
รอนกเข้าค่อนวันสุขสันต์จริง
นกชนิดแรกที่บินลงมาเล่นน้ำให้ผมเห็นคือ นกมุ่นรกตาขาว (Brown-cheeked Fulvetta) แม้ว่าเป็นนกเล็กๆสีน้ำตาลที่มีคิ้วสีดำจางๆไม่สวยเลย แต่อากัปกิริยาของนกขณะลงมาเล่นน้ำน่ารักน่าเอ็นดูมาก มองผ่านกล้องผ่านช่องของบังไพรแล้วเห็นแม้กระทั่งแววตาของนกและหยดน้ำที่กระเซ็นมายังเส้นขน สวยยิ่งกว่าภาพถ่ายภาพวาดใดๆที่เคยเห็นมา สวยยิ่งกว่าได้เห็นนกในกรงขังหลายพันเท่านัก เป็นภาพชีวิตที่น่าติดตามมองอยู่รำไปจนไม่อยากลุกจากไปไหน
ชมหมู่ปักษา กลางป่าภูเขียว 10
13 พฤศจิกายน 2547