ปอทะเล

นกตะวัน

พอข้ามคลองหักมาแล้ว ป่าชายเลนยังคงสมบูรณ์อยู่เช่นเดิม แล้วค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นที่โล่งจนแลเห็นออกไปทั้งสองข้างได้กว้างไกล เข้าใจว่าคงถูกชาวบ้านลักลอบเข้ามาโค่นตัดเอาไม้ไปทำฟืนแล้วทิ้งไว้ให้รกร้าง แลเห็นแต่พื้นดินแฉะๆที่มีต้นปรงไข่หรือปรงทะเลขึ้นอยู่เป็นหย่อมๆตามคันดิน คงอีกนานกว่าพื้นที่ส่วนนี้จะฟื้นตัวเป็นป่าขึ้นมาใหม่ แต่ตามริมทางเดินมีต้น ปอทะเล ขึ้นเรียงรายเป็นแถว น่าเสียดายที่ไม่มีต้นใดมีดอกให้เห็นเลย
สองข้างทางกลางป่าพฤกษาโปร่ง		
แต่ไม่โล่งมีไม้ใบแน่นหนา
ปอทะเลเทเอียงเฉียงเอนมา			
เมื่อลมกล้ากร้าวพัดสัมผัสใบ
ใบค่อนกลมสมส่วนล้วนปลายแหลม		
ออกเรียงแซมรกแน่นแผ่นใหญ่หนา
หลังใบเขียวเหลียวมองจ้องเต็มตา		
ท้องใบจ้าจางเทาสวยเข้าที
ยามมีดอกออกเดี่ยวต้องเอี้ยวจ้อง		
เหลืองเรืองรองราวชบาเจิดจ้าสี
ล้อแสงแดดแผดเผางามเข้าที			
สวยเช่นนี้น่าถนอมขึ้นย้อมพนา
ครั้นดอกเหี่ยวเหลียวไปให้แปลกจิต		
สีกลับบิดเบือนไปไร้เหลืองหนา
เปลี่ยนเป็นแดงแต่งใส่ได้ทันตา		
แล้วอำลาหล่นร่วงควงสู่ดิน
ปอทะเล (Beach Hibiscus; Hibiscus tiliaceus) เป็นไม้ต้นขนาดเล็กในวงศ์ Malvaceae วงศ์เดียวกับชบาและพู่ระหง ดอกจึงมีลักษณะคล้ายคลึงกับชบา แต่สีเหลืองอมแสด แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อดอกใกล้โรย เป็นดอกเดี่ยวที่ออกมาจากซอกใบทางตอนบนของลำต้น ปอทะเลชอบขึ้นอยู่ตามคันดินขอบป่าชายเลนหรือบนพื้นที่สูงในป่าชายเลน มีใบใหญ่ค่อนข้างกลม กว้าง 5-15 ซม. แต่ปลายใบแหลมสั้น หลังใบสีเขียวอ่อน และท้องใบสีจางเทา
จากคลองน้ำเชี่ยว เลี้ยวมาเขาสอยดาว 6
16 ตุลาคม 2547