หางติ่งปารีส
นกตะวัน
เราเดินต่อมาถึงคลองท่าด่าน แต่ไม่มีนกให้ดูจึงเดินกลับ เวลา 12.00 น. ปริญญ์ขับรถต่อจนมาถึง หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ผากล้วยไม้ โชคดีเหลือเกินมีเต็นท์กางอยู่ไม่กี่หลัง เราจึงเลือกทำเลกางเต็นท์ได้ตามใจชอบ ปริญญ์ซึ่งถือเต็นท์โดมติดมือมาลงมือกางเต็นท์ใต้ร่มเงาของไทรพันต้นหนึ่ง ส่วนผมเดินไปยังร้านอาหารเพื่อสำรวจนกข้างหลังร้าน แต่พอเดินมาถึงแค่หน้าร้านผมสะดุดตากับ ผีเสื้อหางติ่งปารีส (Paris Peacock) จำนวนมาก
กลางพื้นทรายกระจายเกาะช่างเหมาะยิ่ง
เหล่าหางติ่งปารีสกรีดปีกก่าย
เผยสีสันอัญมณีเขียวปี๋คล้าย
มรกตฉายเฉสะท้อนอ้อนสายตา
ดุจเจ้าชายกรายย่างวางมาดดี
สวยเต็มที่ถูกแสงส่องแรงหา
กางปีกแผ่แลเหลียวงามเฉี่ยวตา
เขียวแกมฟ้ากระทบแดดแผดเผาทอ
ปีกล่างงามตามสไตล์ใส่ติ่งหาง
ยื่นชูกางก่ายเกะเตะตาหนอ
แต้มชมพูดูพราวแวววาวลออ
เท่จริงหนอหนุ่มปารีสกรายกรีดองค์
ทรงจากทรอยคอยคู่อยู่เขาใหญ่
ตากแดดไปเปรอะทรายเรียงรายหลง
จนบ่ายคล้อยน้อยแสงแดดแรงลง
บินเข้าพงไพรพนาป่าริมธาร
ผมเดินกลับมาตามปริญญ์ไปดูผีเสื้อหางติ่งปารีส ปริญญ์กางเต็นท์เสร็จพอดีเดินมาพร้อมกับผม แลเห็นผีเสื้อเหล่านั้นที่หน้าร้าน เราเดินต่อไปยังหลังร้านซึ่งเจ้าของนำข้าวสุกและเศษอาหารมาทิ้งไว้เป็นประจำ แต่ไม่พบนกชนิดใดออกมากินอาหารเลย เห็นแต่กวางป่า (Sambar Deer) รุ่นหนุ่ม 1 ตัว เขายังอ่อนๆอยู่ กับผีเสื้อหางติ่งปารีสอีกมากมาย แล้วจึงออกมานั่งหน้าร้านเพื่อสั่งมื้อเที่ยงมารับประทาน เพราะเลยเวลาอาหารมานานแล้ว
ปลายฝน บนเขาใหญ่ 6
11 กันยายน 2547