นิราศเรื่องที่ 2 ของสุนทรภู่นี้มีความยาว 462 คำกลอน แต่งขึ้นภายหลังจากกลับมาจากพระพุทธบาทแล้ว เล่าเรื่องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี โดยพายเรือขึ้นไปตามลำน้ำเจ้าพระยา เข้าคลองตะเคียน คลองสระประทุม คลองหัวรอ ขึ้นบกที่ท่าเรือ แล้วเดินทางต่อด้วยช้างจนถึงพระพุทธบาท ทั้งยังเล่าประวัติของสถานที่ และเหตุการณ์ต่างๆในท้องถิ่นที่ผ่านไป สะท้อนให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในสมัยนั้น สุนทรภู่ครูเราเข้าใจแต่ง ท่านแถลงถ้อยคำฉ่ำนักหนา ถึงที่ใดได้เพียรเขียนพรรณนา ด้วยภาษาอักษรเป็นกลอนงาม เล่าประวัติชัดแจ่มแย้มเปิดเผย มิละเลยหลายเรื่องเมืองสยาม ประเพณีที่เห็นเด่นงดงาม ทั่วเขตคามคราวผ่านทุกย่านมอง เรารู้เรื่องเมืองไทยสมัยนั้น สารพันสรรหามาสนอง เหมือนนั่งอยู่คู่กันครั้งนั้นมอง ใคร่เรียกร้องพวกเราอ่านเข้าใจ แล้วหันมาพรรณนาบ้างอย่างท่านภู่ ให้คนรู้เรื่องราวคราวไปไหน เป็นมรดกตกทอดตลอดไป ดังเห็นในนิราศพระบาทกลอน นายตำรา ณ เมืองใต้ แสดงทัศนะไว้ว่า การไปพระบาทที่สุนทรภู่บันทึกเรื่องไว้ในนิราศพระบาทนั้น แสดงอารมณ์ครึกครื้นของคนหนุ่มไว้ดีจริงๆ ทำนองกลอนก็มีชีวิตจิตใจ เชิงพรรณนาก็เด่นชัด ชวนให้นึกเห็นภาพ คำกลอนที่ไพเราะที่สุดของนิราศเรื่องนี้ที่ผู้อ่านจดจำกันได้ดีคือ เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น ระวังตนตีนมือระมัดมั่น เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน ถ้าพลั้งพลันจะเจ็บอกเหมือนตกตาล ซึ่งสุนทรภู่พรรณนาไว้เมื่อผ่านวังวัดเทียนถวาย สุนทรภู่ กวีสี่แผ่นดิน สมัยรัชกาลที่ 1 (2329-2352) บทที่ 17
16 กันยายน 2547 11:29 น. - comment id 332426
นกตะวัน เชิญรับฟังเรื่องเหยี่ยว วันที่ 9 ตุลาคม 2547 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึงเวลา 16.00 น. ขอเชิญนักกลอน และผู้สนใจทุกท่าน เข้ารับฟังการบรรยายเรื่องเหยี่ยว โดย นกตะวัน และคณะทำงาน พร้อมทั้งเลือกซื้อหนังสือ เข็มกลัด และเสื้อยืดที่ระลึก ณ ห้องบรรยายที่ 1 อาคารเรียนและปฏิบัติการ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เพื่อต้อนรับงานเทศกาลดูเหยี่ยวอพยพ ประเทศไทย ครั้งที่ 3 ที่บ้านอู่ตะเภา ตำบลท่ายาง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร
19 กันยายน 2547 18:25 น. - comment id 334386
เหมือนได้อ่านนิราศเตรียมสอบไปด้วยกลาย ๆ ^^แล้วถ้าสนใจไปถึงเข้าไปได้เลยหรือคะคุณลุง^^
19 กันยายน 2547 20:04 น. - comment id 334453
ก็ต้องหัดแต่งกลอนพรรณนาหนทาง สถานที่ สิ่งที่พบเห็นตามทาง ที่เราผ่านไปบ้างไงเล่าคะหลานฟา