ปลายปี พ.ศ. 2350 ในขณะที่สุนทรภู่มีอายุได้ 22 ปี และยังอยู่ในช่วงที่โกรธกับแม่จันอยู่ สุนทรภู่ตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี ในฐานะมหาดเล็กผู้หนึ่ง จึงต้องพายเรือไปเองเช่นเดียวกับมหาดเล็กผู้อื่นจนปวดเมื่อยไปทั้งตัว ขบวนเรือเสด็จจากพระราชวังหลัง ล่องขึ้นไปตามลำน้ำเจ้าพระยา แล้วไปขึ้นบกที่ท่าเรือ จากนั้นจึงเดินทางต่อโดยนั่งบนคอช้าง จนกระทั่งถึงพระพุทธบาท จากวังหลังนั่งเมื่อยเหนื่อยล้ามาก ภู่ลำบากพายเรือเหงื่อซกหลาย ปวดเมื่อยหลังนั่งทนจนช้ำกาย ให้แหนงหน่ายนักหนาคราล่องเรือ แล้วยังนั่งหลังช้างเดินกลางป่า ทรมาทรกรรมบอบช้ำเหลือ กว่าถึงเขาเฝ้าพระบาทอนาถเจือ ช่างน่าเบื่อเสียจริงยิ่งกว่าใคร พอถึงวัดทัศนาอารามทอง มีเพื่อนพ้องผองมิตรจิตแจ่มใส แต่ยังคิดติดจันจนหวั่นใจ กลัวไม่ได้ดอกฟ้ามาเคียงครอง ต้องแยกกันหันหน้าลาร้างใหม่ เจ้าทิ้งให้พี่หวงห่วงจนหมอง จนครบเดือนเพื่อนใจไม่มามอง ใยนวลน้องหน่ายภู่อยู่มิคลาย ในการตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาทครั้งนี้ สุนทรภู่ต้องพักอยู่ที่พระพุทธบาทเป็นเวลา 4 วัน แต่ทำให้มีโอกาสพบกับสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ซึ่งจะเป็นผู้อุปถัมภ์ชีวิตของสุนทรภู่อยู่ช่วงหนึ่งในขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัดพระเชตุพน หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมด้วยขบวนเรือ ล่องจากท่าเรือลงมาตามลำน้ำเจ้าพระยา ใช้เวลาวันครึ่ง จึงเดินทางมาถึงวัดระฆัง ริมพระราชวังหลัง สุนทรภู่ กวีสี่แผ่นดิน สมัยรัชกาลที่ 1 (2329-2352) บทที่ 16
15 กันยายน 2547 07:03 น. - comment id 331743
สวัดีครับ............. ผมเข้ามาอ่านกลอนเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่แสนดี หาก ผลิใบ ยังอยู่ก็จะคอยให้ความอบอุ่นเช่นนี้ตลอดไป กำลังใจจากข้างในส่วนลึก ไม่ต้องฝึกต้องหามาให้เห็น จะแดดร้อนตอนสายจนบ่ายเย็น จะคอยเป็นกำลังใจให้ดนดี
15 กันยายน 2547 12:29 น. - comment id 331852
คุณเขียนงานได้ดีมากค่ะ อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาได้ แล้วมีกำลังใจขึ้น
19 กันยายน 2547 18:34 น. - comment id 334397
เพลิน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ^^ แล้วก็เพลิน...