ดอกไม้ในแจกัน

นกตะวัน

เวลา 11.00 น. ทุกคนมาอยู่พร้อมหน้ากันในห้องประชุม ซึ่งจัดที่นั่งให้ผู้เข้าร่วมประชุมนั่งเรียงกันไปคล้ายรูปครึ่งวงกลม ล้อมที่นั่งของวิทยากรอำนวยการ (Facilitator) ซึ่งหันหลังให้แม่น้ำแควใหญ่ ผมนั่งอยู่ริมสุดทางด้านซ้าย ชิดกับวิทยากรมากที่สุด และแลเห็นแม่น้ำแควใหญ่ผ่านผนังกระจกห้องได้ชัดเจนที่สุดด้วย ในระหว่างที่ผู้จัดการสมาคมอนุรักษ์นกฯ ออกมาชี้แจงวัตถุประสงค์ในการจัดประชุมครั้งนี้ ผมมองดูแจกันดอกไม้บนโต๊ะของวิทยากรไปด้วย
แจกันแก้วแววใสใส่กุหลาบ			
จัดเรียงทาบทั้งใบแดงใสเขียว
แซมสร้อยทองรองเรืองเหลืองสดเชียว		
สามสีเคี่ยวเข้าผสมงามกลมกลืน
แดงคงบอกตอกซ้ำย้ำตื่นเต้น			
มีประเด็นมาประดังทนนั่งฝืน
ต้องถกเถียงเกี่ยงกันแถมยันยืน		
แล้วคงลื่นทุกเรื่องไม่เปลืองเวลา
เหลืองสดใสให้ศรัทธาทุกนาที		
ทุกเรื่องที่ถกกันทั้งวันหนา
ด้วยทุกคนล้นน้ำใจไม่สร่างซา		
ต่างตั้งหน้าค้นคำตอบชอบทุกคน
เขียวคอยช่วยอำนวยใครให้สดชื่น		
นั่งเริงรื่นรับเรื่องราวทุกคราวหน
ไม่เคร่งเครียดเกลียดประชุมกลุ้มใจทน		
จนหลุดพ้นพันธะวาระที่มี
ต่อจากนั้น ดร. เจริญวิชญ์ หาญแก้ว กรรมการฝ่ายวิชาการและโครงการของสมาคมอนุรักษ์นกฯ ได้ออกมาเล่าประวัติความเป็นมาของสมาคมอนุรักษ์นกฯ ตั้งแต่ครั้งยังมีฐานะเป็นชมรมดูนกกรุงเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2505 จนกระทั่งเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นสมาคมอนุรักษ์นกฯ ในปี พ.ศ. 2537 และดำเนินงานเกี่ยวกับการดูนกและอนุรักษ์นกเรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งชี้แจงถึงโครงการสำคัญต่างๆที่สมาคมอนุรักษ์นกฯ ดำเนินอยู่ในปัจจุบันด้วย
ประชุมเชิงปฏิบัติงาน ริมแม่น้ำแควใหญ่ 8
4 กันยายน 2547