ครั้นถึงปี พ.ศ. 2350 สุนทรภู่มีอายุย่างเข้า 22 ปี ได้เดินทางไปเมืองแกลง เพื่อไปหาบิดาที่บวชเป็นพระอยู่ที่วัดป่า บ้านกร่ำ ซึ่งบวชได้ 20 พรรษาแล้ว มีลูกศิษย์ติดตามไปด้วย 2 คนคือน้อยกับพุ่ม ซึ่งรับอาสาแจวเรือให้ และมีนายแสงนำทางไป โดยล่องเรือไปตามลำน้ำเจ้าพระยา เข้าคลองสำโรง คลองหัวตะเข้ ออกปากแม่น้ำบางปะกง ไปขึ้นบกที่บางปลาสร้อย เมืองชลบุรี แล้วเดินทางต่อด้วยเท้า จนกระทั่งถึงบ้านกร่ำ เมืองแกลง ท่านล่องเรือเบื่อมากจากวังหลัง พุ่มนั้นนั่งกับน้อยคอยแจวสู่ พร้อมนายแสงแจ้งทางย่างก้าวรู้ ทั้งสี่ทู้ทนไปใจคะนอง จากเมืองชลด้นเดินเพลินกันหน่อย ฝากเรือน้อยขุนจ่าเมืองเปลื้องสนอง หลังพำนักพักกันสามวันครอง มิเคยหมองหม่นชีวิตลิขิตมา ถึงบ้านเก่าเข้าระยองตรองสับสน นายท้ายตนเตลิดไปไม่คิดหา ต้องเที่ยวถามตามทางอย่างเวทนา บุกบั่นป่าฝ่าไปไม่พรั่นพรึง เข้ามาย่านบ้านกร่ำคลำทางถูก คงเพราะลูกรักพ่อถ่อจนถึง น้ำตาใสไหลนองมองคะนึง ด้วยคิดถึงบิดามาเนิ่นนาน เมื่อสุนทรภู่ไปถึงบ้านกร่ำได้พบบิดาซึ่งบวชเป็นพระอยู่ที่วัดป่า คงคิดจะบวชอยู่เหมือนกันเพราะมีอายุครบอุปสมบทแล้ว และคงอยากล้างอัปมงคลที่ต้องถูกขังอยู่ในคุกด้วย แต่ยังไม่ทันได้บวช เพราะอยู่กับบิดาได้เพียง เดือนเศษ สุนทรภู่ได้ล้มป่วยเป็นไข้ป่าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้านกร่ำนานกว่า 1 เดือนจึงหายป่วย โดยมีหลานชื่อม่วงกับคำดูแลพยาบาล หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ รวมเวลาไปกลับราว 3 เดือน สุนทรภู่ กวีสี่แผ่นดิน สมัยรัชกาลที่ 1 (2329-2352) บทที่ 13
12 กันยายน 2547 21:15 น. - comment id 329879
แวะมาทักทายค่ะ
13 กันยายน 2547 06:55 น. - comment id 330157
สวัสดีครับ............. เข้ามาอ่ากลอนเพื่อเป็นกำลังใจให้คนดี ตื่นแต่เช้าลืมตาขึ้นมาแจม เช้าวันนี้หน้าชะแล่มจิตแจ่มใส เข้ามาอ่านข้อความจากข้างใน ส่งดวงใจและคำเป็นกำลัง