ปุยเมฆขาวสกาวใสใจกลางฟ้า ประติมากรเก่งคอยเร่งขยัน ปั้นก้อนสวยด้วยแสงแห่งกลางวัน ช่างเสกสรรค์สร้างเสริมเติมแต่งมา เดี๋ยวเป็นยักษ์ทักทายสหายนก ยามวิหคเหินล่องท่องเวหา แล้วแปรผันทันใดในพริบตา เปลี่ยนกายาใหญ่ยาวราวมังกร นึกถึงครั้งยังเยาว์เคยเฝ้าจ้อง เมฆลอยฟ่องฟูเลื่อนเคลื่อนสลอน ก่อตัวหุ่นคุ้นเห็นเป็นละคร ทุกบทตอนตะลึงนั่งทึ่งไป คงสายลมระดมพัดขูดปัดแกะ ลูบไล้แทะทุกหนฤๅทนไหว เมฆชอกช้ำระกำจิตเบือนบิดไว แปรเปลี่ยนได้ดั่งของลมลองโลม แด่ คุณลำน้ำน่าน เจ้าของบทกวี จิตรกรรมม่านเมฆ 5 เมษายน 2547
5 เมษายน 2547 08:35 น. - comment id 241630
....ระบายสีคราโศกโลกสถาน ..รสสนานรานเลือนเดือนลาหาย ..แสงสุรีย์โรยล้าเมฆากลาย ..บดบังพรายฤดีศรีรวีโพยม
5 เมษายน 2547 12:15 น. - comment id 241716
หลั่งน้ำตาหยดลงตรงพื้นดิน รวยระรินรสค่ำยังฉ่ำหู เพียงดวงใจกอดเมฆเสกคำพรู บ้านประตูเปิดรับกับเนื้อความ เป็นจิตเงียบเคลื่อนอยู่อย่างผู้เห็น ฝันกระเซ็นข้ามฟ้ามาฟากถาม เมื่อก้อนเมฆกลั่นฝนลงบนความ ก่อความงามแห่งบ้านเนิ่นนานแล้ว น้ำตาคลอเวลานี้ที่พี่นกตะวันเกียรติมอบบทกวีให้นะครับ เป็นพลังและกำลังใจเงียบ ด้วยบทกวีที่เพียรเขียนเพียรสื่อนั้น ได้ซึมซับรับกับผู้มีเนื่อใจและจิตวิญญาณที่เสมอเหมือน หามิได้อีกแล้วในชีวิตหนึ่งนี้ ด้วยศรัทธามิรู้จบ
5 เมษายน 2547 14:30 น. - comment id 241757
แจ๋ว ๆ ชอบจังเลยครับ บทกลอนแปดของพี่นกตะวันนี่...งามดีแท้..*-*
13 กันยายน 2547 10:38 น. - comment id 283341
*****เขียนได้จินตนาการตามเป็นว่าเล่นแบบนี้ต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ.....เข้ามาทักทายนะคะ