ลอมฟาง
นกตะวัน
เราผ่านพ้นดงตาลจนออกมาถึงถนนเลียบคลองชลประทานแล้ว ตั้งใจจะเข้าไปทุกคันนาที่รถแล่นเข้าไปได้ เพื่อสำรวจให้ทั่วทุกผืนนาเผื่อจะเจอแหล่งรวมฝูงของเหยี่ยวดำอีก และอาจโชคดีได้เห็นนกชนิดอื่นที่เราไม่ได้คาดคิดด้วย เราตัดสินใจไปทางซ้าย ผมมองตรงไปข้างหน้าจนสุดถนนและมองเรื่อยไปตามคันคลองจนสุดสายตา แลเห็นแต่ไอแดดกระจายอยู่ทั่วไปจนรู้สึกร้อน ทั้งๆที่อยู่ในรถซึ่งมีไอเย็น จนกระทั่งมาถึงบ้านคนซึ่งมีลอมฟาง 3 กองเรียงอยู่ข้างถนน
เห็นลอมฟางข้างถนนช่างขนมา
กองสูงกว่าเกินคนข้ามพ้นไหว
มีไม้หลักปักเลี้ยงไม่เอียงไป
สุมเก็บไว้ให้วัวกลัวทุกข์ทน
เพ่งมองไปไม่เห็นเป็นวัวควาย
แม้สอดส่ายสายตาหาทุกหน
หรือตั้งไว้ใช้ประดับต้อนรับคน
ยามดั้นด้นเดินทางสู่กลางนา
สัญลักษณ์พิทักษ์ไว้ให้คนรู้
กองฟางอยู่อย่างเก่ารอเข้าหา
ถึงรถไถได้แทนแล่นลุยนา
แต่ฟางหญ้ายังอยู่คู่นาไทย
หากวันใดไม่มีฟางที่สุม
ดูไม่ชุ่มชื่นจิตพิศแจ่มใส
เหมือนแก่นแท้แก่นามาสูญไป
มองเท่าไรไม่เห็นเป็นทุ่งนา
เห็นลอมฟางแล้วจึงสดชื่นขึ้นมาบ้าง ทำให้ผมรู้สึกว่าได้มาเที่ยวทุ่งนาจริงๆ เหมือนกับได้กลิ่นโคลนสาบควายอีกด้วย แม้ว่ามองไปทางไหนแลเห็นแต่พื้นดินที่แห้งผากจนแตกระแหง ทั้งยังมีไอแดดพร่ามัวอยู่ทั่วไป และไม่เห็นมีวัวหรือควายแม้แต่ตัวเดียว เห็นแต่ชาวบ้าน 2-3 คนที่กำลังยืนมองดูเรา คงแปลกใจและสงสัยเสียเหลือเกิน เรามาเที่ยวกันทำไมกลางทุ่งนาที่มีแต่แดดร้อนและดินแล้งเช่นนี้ แต่เรายิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรตามประสานคนไทยด้วยกัน