เราเดินดูนกกันไปเรื่อยๆตามทางเดินที่โค้งไปทางขวาซึ่งค่อยๆลาดลงจนขนานและอยู่ในระดับเดียวกับลำห้วยที่แห้งผาก จึงเปลี่ยนลงไปเดินในลำห้วยซึ่งเกลื่อนไปด้วยก้อนกรวดก้อนหินมนกลม แต่บางช่วงมีโขดหินภายใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่และกอไผ่ให้เราใช้นั่งพักผ่อนได้ ทั้งยังมีต้น ตะไคร้น้ำ (Homonola riparia) ซึ่งเป็นไม้พุ่มในวงศ์ Euphorbiaceae และพืชคลุมดินที่มีดอกสีม่วงฟ้าซึ่งเราไม่ทราบชื่อกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ค่อยเหยียบย่ำลำห้วยสวยด้วยหิน แห้งผากสิ้นสายน้ำเคยฉ่ำไหล ลดเลี้ยวฝ่าผ่าเขาลำเนาไพร จากดอยไกลเกินแรงเราแกร่งเดิน ตะไคร้น้ำคล้ำเขียวใบเรียวยาว ยืนต้นกร้าวกลางห้วยด้วยตื้นเขิน ยึดซอกหินดินไร้แกว่งใบเพลิน น่าสรรเสริญสู้แล้งไม่แห้งไป แสงแดดส่องต้องใส่ให้เหน็ดเหนื่อย เราล้าเมื่อยหมดแรงแฝงไศล อาศัยเงาเหล่าไม้ให้ร่มใบ ใต้ลำไผ่พาดเฉียงเอนเอียงมา มองลำห้วยสวยนักแม้จักแล้ง ทุกหนแห่งไม่ห่างสิ้นกรวดหินผา ทั้งแทรกกลุ่มพุ่มพืชไม่จืดตา ผลิดอกฟ้าเฝ้าห้วยช่างสวยจริง เมื่อเดินมาไกลพอสมควร ผม พี่หนู และสาวแอ๊ดหยุดเพื่อนั่งพักผ่อนบนโขดหิน มองดูสองฝั่งลำห้วยในช่วงนี้ซึ่งเต็มไปด้วยกอไผ่ แต่ไกลขึ้นไปบนเนินเขาทั้งสองข้างเป็นป่าเต็งรังที่โล่งและแห้งแล้ง นายปู นายใหม่ และนายบอยยังคงวนเวียนส่องกล้องดูนกอยู่ในบริเวณนี้ ในขณะที่เสียงร้องของนกกะลิงและนกโพระดกธรรมดายังคงดังให้ได้ยินอยู่ไม่ขาดระยะ แต่นายเกษตร นายแม็ค และสาวใจเดินห่างไกลออกไปมากจนแลไม่เห็นเสียแล้ว
10 มีนาคม 2547 04:10 น. - comment id 228150
,มองตามภาพไปเลยค่ะ
10 มีนาคม 2547 09:05 น. - comment id 228192
ธรรมชาติน่าชมจริง ๆ ครับ
10 มีนาคม 2547 12:20 น. - comment id 228248
ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนน้ำมากคงจะสวยงามกว่านี้เป็นแน่เลยค่ะ เพราะขนาดน้ำไม่ค่อยมียังสวยเลย กลอนไพเราะมากเลยค่ะ