มะลิวัลย์
นกตะวัน
หลังจากเจ้าไต่ไม้คู่นั้นบินจากไปแล้ว พวกเราได้เดินออกจากลานหินทีละคน สองคน ตามกันไป แต่ผมรอเดินรั้งท้าย เพราะได้กลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดหนึ่งโชยมาไม่ไกลนัก ทำให้อยากรู้ว่าเป็นดอกอะไร พอเดินมาถึงชายป่าดิบแล้ง กลิ่นหอมนั้นยิ่งรุนแรงขึ้นจนไม่อยากเดินจากไปไหน แล้วจึงได้เห็นต้นไม้เตี้ยๆต้นหนึ่งที่ริมน้ำแม่กลางซึ่งมีเถา มะลิวัลย์ (Jasminum adenophyllum) ขึ้นเลื้อยพาดพันจนรกรุงรังเต็มต้น จึงรู้ว่าเป็นกลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดนี้
มะลิวัลย์พันเลื้อยยาวเฟื้อยรัด
ใบเขียวจัดจนเข้มเต็มทุกหน
ปกคลุมต้นล้นไปใยซุกซน
ดอกขาวล้นแลเด่นเห็นดั่งดาว
กลีบเรียวบางกางออกงอกสิบแฉก
โคนไม่แยกยาวดีสีเขียวขาว
ออกเกาะกลุ่มรุมก่อเป็นช่อพราว
หอมแรงกร้าวคราใกล้ให้ละมุน
เฝ้ายืนจ้องมองชมเมื่อลมโชย
กลิ่นกรุ่นโปรยโรยไปไล้แทบฉุน
เปรียบสาวสวยรวยเสน่ห์เท่เป็นทุน
แต่เธอคุ้นเคยป่าพนาไพร
หากนำไปไว้สวนชวนให้คิด
อาจปลูกผิดแผกมากยากแก้ไข
ต้นเหี่ยวเฉาเน่าทรุดหยุดโตไป
ดินที่ใส่ต้องเสริมเติมปุ๋ยดี
พวกเราพากันเดินผ่านป่าดิบแล้งย้อนกลับไปทางเดิม ทำให้พบนกเพิ่มอีกหลายชนิด จนกระทั่งเดินมาถึงสะพานแขวนที่ทอดข้ามลำน้ำแม่กลาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ชาวเขาที่ต้องข้ามลำน้ำแม่กลางในช่วงนี้เป็นประจำ ผมกับนายแม็คจึงเดินข้ามไปยังฝั่งขวาของน้ำแม่กลาง ในขณะที่คนอื่นๆยังคงอยู่ทางฝั่งซ้าย เราเดินเลี้ยวขวาไปตามทางเดินแคบๆที่ตัดผ่านป่าเต็งรังผืนใหญ่ แต่ไม่ค่อยพบเห็นนกมากนัก เพราะป่าทั้งป่าแทบไม่เหลือใบไม้ติดต้นเลย