เราเดินเลี้ยวขวาไปตามทางเดินแคบๆ เลาะเลียบลำตะคองซึ่งเปรียบเสมือนเส้นชีวิตของเขาใหญ่ไปเรื่อยๆ ลำตะคองในช่วงนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ปราศจากผู้คนมาเดินเพ่นพ่าน เพราะไม่มีน้ำตกให้ผู้คนมาชื่นชมหรือลงเล่นน้ำในแอ่ง แลเห็นแต่พระธุดงค์รูปหนึ่งในอาศรมทางด้านขวา แม้แต่นกใดๆเราก็แทบไม่เห็น ผมจึงมองดูลำตะคองที่น้ำไม่ค่อยมี และค่อนข้างขุ่นดำ เกาะแก่งที่เคยมีน้ำไหลเชี่ยว แลเห็นแต่ลานหินกว้างๆแห้งๆที่เหลือไว้แค่ร่องให้น้ำไหลเท่านั้น ลำตะคองหมองช้ำสายน้ำเฉื่อย ไหลเนิบเนือยเหนื่อยล่าอ่อนล้าเหลือ ฤดูแล้งแห้งไปไร้จุนเจือ ไม่น่าเชื่อชวดน้ำเคยฉ่ำนอง มองเกาะแก่งแอ่งน้ำเคยฉ่ำใส น้ำลูบไล้ลัดเลาะกัดเซาะสยอง ทั้งเชี่ยวกรากหลากไกลไหลท่วมนอง กลับมัวหมองหม่นเศร้าไม่เข้าที โอ้ลำคลองนองน้ำเคยล้ำไหล ลงสู่ใต้น้ำตกงามตามวิถี วกขึ้นเหนือเพื่อบ่ามาแรมปี แต่วันนี้หน้าแล้งน้ำแห้งไป สายน้ำนี้มีชื่อพ้องคลองอีเฒ่า ลงจากเขาเข้าปากช่องลัดล่องไหล สู่แม่มูลสูญชื่อระบือไกล ส่งน้ำใสใส่แม่โขงไหลโล่งมา นานๆ สักครั้งจึงได้ยินเสียงร้องของ นกปรอดเหลืองหัวจุก (Black-crested Bulbul) และ นกปรอดเล็กตาขาว (Grey-eyed Bulbul) ดังมาจากหมู่แมกไม้ริมลำตะคอง เพราะเป็นนกที่พบบ่อยมากบนเขาใหญ่ ขึ้นมาเขาใหญ่ครั้งใดเป็นต้องได้ยินเสียงร้องของนกสองชนิดนี้ แต่ผมกับนายตี๋โชคดีได้เห็น ผีเสื้อจรกาสองขีด (Double-branded Blue Crow) เป็นครั้งแรกที่นี่ เป็นจำนวนมากเสียด้วย จนอดแปลกใจไม่ได้ มันมารวมฝูงกันทำไมที่นี่เป็นจำนวนนับร้อยตัว
23 กุมภาพันธ์ 2547 19:58 น. - comment id 220295
แวะมาทักทาย พี่นกตะวันครับ
23 กุมภาพันธ์ 2547 22:12 น. - comment id 220340
ศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเห็นธารน้ำของลำตะคอง น้ำมีไม่มากนัก จนเด็กหญิงสองคนก้าวลงไปเล่นน้ำ โยนหินและงมเก็บ เสียงหัวเราะใสๆ ท่าทางที่เขย่งเท้าเดิน .. ภาพนี้คงเป็นภาพสุดท้ายที่ได้เห็นจากถิ่นนี้ .. คงไม่มีโอกาสมาเห็นอีกแล้ว ..
23 กุมภาพันธ์ 2547 23:13 น. - comment id 220371
กลอนไพเราะมากเลยค่ะ แต่เสียดายนะค่ะที่ลำตะคองต้องมาเปลี่ยนแปลงไปขนาดนั้น
24 กุมภาพันธ์ 2547 11:30 น. - comment id 220541
รักนกไพร รักลำตะคอง รักห้วยหนองคลองบึง รักรำพึงรำพัน รักงานพี่นกตะวันนิรันดรค่ะ
24 กุมภาพันธ์ 2547 13:17 น. - comment id 220592
แต่งไม่ออกอ่ะครับ อิอิ แต่ชมทัศนียภาพทางการอ่านได้งดงามมากครับ *-* กลอนเพราะมาก ๆ ครับ ชอบเสมอ*-*