อุทยานฯ แห่งนี้ เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2524 เดิมเป็นเพียง วนอุทยาน มีชื่อว่า วนอุทยานบ่อน้ำร้อนฝาง เพราะที่เชิงดอยผ้าห่มปกซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ มีบ่อน้ำพุร้อนหลายบ่อครอบคลุมพื้นที่ราว 10 ไร่ จนทำให้มีประชาชนหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชมและอาบน้ำร้อนกันไม่ขาดระยะ ครั้นถึงวันที่ 4 กันยายน 2543 จึงได้รับการประกาศจัดตั้งเป็น อุทยานแห่งชาติแม่ฝาง โดยได้ขยายพื้นที่ขึ้นไปครอบคลุมดอยอ่างขาง ดอยผ้าห่มปก และดอยเล็กๆใกล้เคียงด้วย ภูผานี้มีน้ำพุประทุร้อน ผู้คนค่อนครึ่งฝางอาบล้างเสมอ เป็นสมบัติพัสถานพบพานเจอ ของอำเภอแห่งภูเขาฉันเข้ามา เกิดต้นน้ำลำห้วยช่วยรินไหล หลั่งลงในน้ำแม่ฝางผ่านข้างผา ซึ่งเลาะหลั่งลำพังไปจากใต้มา สู่สาขาของแม่โขงลัดโล่งไกล อุทยานฯพลุกพล่านนี้จึงมีชื่อ แม่ฝางคือคำเรียกเพรียกขานไข นามแสนเพราะเสนาะหูหรูวิไล คนต่างใคร่เข้าเที่ยวคอยเลี้ยวมา อาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนนอนอบนวด ขึ้นไปอวดอ้างสิทธิ์พิชิตผา ดอยอ่างขางข้างไทยไกลสุดตา ทั้งภูผาผ้าห่มปกเหงื่อซ่กปีน ในปัจจุบัน อุทยานฯ แห่งนี้ยังกลายเป็นแหล่งดูนกติดอันดับต้นๆของประเทศไทย เพราะนักดูนกสามารถพบเห็นนกหายากหลายชนิดได้ง่ายๆที่นี่ เช่น นกขัติยา (Cutia) นกกระติ๊ดใหญ่ปีกลายจุด (Spot-winged Grosbeak) นกกะรางหางแดง (Red-tailed Laughingthrush) และ นกกะรางอกลาย (Spot-breasted Laughingthrush) และนกบางชนิด เช่น นกติ๊ดหัวแดง (Black-throated Tit) ในประเทศไทยยังพบได้เฉพาะในอุทยานฯ แห่งนี้เท่านั้น
26 มกราคม 2547 08:05 น. - comment id 207798
คงยังถามอีกเหมือนเดิม(ค่ะ )ว่าเหนื่อยไหม? สำหรับคนที่ชมนกรอบเมืองไทยแล้วยังเขียน มาแจกกลอนตอนเช้าเช้าให้ได้เรียน ว่าแวะเวียนไปที่ใดให้อ่านกัน
26 มกราคม 2547 22:19 น. - comment id 208089
เหมือนดั่งเมืองระนอง ที่มีน้ำพุร้อนใช่ไหม อาบน้ำแร่แช่กันสบายใจ เวลาไหนก็สุขใจได้เหมือนกัน *-*จังหวัดระนองก็มีน้ำพุร้อนเหมือนกันค่ะ แถมทั้งบ่อพ่อ บ่อแม่ บ่อลูกสาวด้วยค่ะ (กลอนไพเราะมากเลยค่ะ)*-*