เรายังคงเดินดูนกกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเลยเวลา 10.00 น. และเดินมาถึงแนวกันไฟที่ทอดจากไหล่เขาทางด้านซ้ายลงมาตัดข้ามถนน แล้วทอดไปตามเนินที่ลาดต่ำลงไปเรื่อยๆจนลับสายตา กลุ่มของนายตั้มกับคุณด้วงจึงเดินกลับเพื่อไปเก็บเต็นท์ และเตรียมตัวลงจากดอยเพื่อเดินทางกลับ ผมกับสาวอ้วนจึงเดินกลับด้วย แต่พอเจอกลุ่มนายวัชระซึ่งเดินสวนมา ผมกับสาวอ้วนจึงเปลี่ยนใจเดินตามกลุ่มนายวัชระจนมาถึงแนวกันไฟนี้อีกครั้ง จากไหล่เขาเฝ้าจ้องมองลงมา เห็นพื้นป่าพากันเพี้ยนเตียนเหลือหลาย ตัดผ่านถนนจนลงเนินเดินสบาย เพราะหญ้าหายตายจากยากงอกฟื้น ช่วยป้องกันมหันตภัยไฟไหม้ป่า แม้โหมมาพากันทรุดหยุดยากฝืน ด้วยขาดหญ้ามาติดไฟให้เชื้อคืน ป่าจึงรื่นชื่นบานเขียวซ่านไกล แม้สัตว์ป่าพากันหันมาสู่ เล็มหญ้าลู่ชูใบเขียวใสได้ ยอดผลิอ่อนตอนระบัดช่างมัดใจ ดึงดูดได้ให้สัตว์มาหาหญ้ากิน หากมองไปให้เห็นเป็นขี้เถ้า เศษถ่านเก่าเผาหมดหดเกือบสิ้น ร่องรอยไฟในอดีตไหม้กรีดดิน พื้นเตียนสิ้นดินหยุดไฟทรุดพลัน พวกเราเจ็ดคนยังคงโอ้เอ้อยู่ตามแนวกันไฟซึ่งกว้างหลายสิบเมตร เพราะตามชายแนวมีนกออกมาให้เห็นอยู่เสมอ แต่เป็นนกพื้นๆที่เราพบเห็นกันทั่วไป ผมกับนายวัชระคุยกันไปและมองหานกไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นกปากนกแก้วคิ้วดำ (Lesser Rufous-headed Parrotbill) ซึ่งนายวัชระเคยเห็นที่นี่ ส่วนนายโดมเดินมองหานกตามแนวกันไฟลงไปเรื่อยๆจนลับสายตา ในขณะที่คุณเต่ากำลังสอนลูกศิษย์สองคนดูนก และสาวอ้วนนั่งพักอยู่บนขอนไม้
18 มกราคม 2547 11:11 น. - comment id 204471
อ่านแล้ว นึกถึงเพื่อนทำงานที่หน่วยป้องกันไฟป่า ให้กำลังใจ
18 มกราคม 2547 20:05 น. - comment id 204698
จากไหล่เขาเฝ้าจ้องมองลงมา เห็นพื้นป่าพากันเพี้ยนเตียนเหลือหลาย ตัดผ่านถนนจนลงเนินเดินสบาย เพราะหญ้าหายตายจากยากงอกฟื้น ช่วยป้องกันมหันตภัยไฟไหม้ป่า แม้โหมมาพากันทรุดหยุดยากฝืน ด้วยขาดหญ้ามาติดไฟให้เชื้อคืน ป่าจึงรื่นชื่นบานเขียวซ่านไกล เขียนได้ดี..สุด
19 มกราคม 2547 16:12 น. - comment id 204915
กลอนไพเราะมากๆๆๆเหมือนเดิมเลยค่ะ