เงาดำ เมื่อฟ้าสาง
นกตะวัน
วันที่ 2 มกราคม 2547 ผมตื่นแต่เช้าตรู่เพราะเมื่อคืนนอนแต่หัวค่ำ แต่ยังไม่อยากออกไปนอกเต็นท์จึงนอนเล่นไปเรื่อยๆ คนอื่นๆคงตื่นและออกไปนอกเต็นท์กันหมดแล้ว เพราะต้องเตรียมข้าวห่อและอาหารกลางวัน เนื่องจากเกือบทุกคนยังต้องการปีนป่ายเนินหฤโหดขึ้นไปตามหานกขัติยาและนกกะรางหางแดงตามเส้นทางเดิม แต่ผมตั้งใจจะเดินไปทางอื่นจึงยังคงนอนโอ้เอ้ จนกระทั่งเสียงผู้คนดังมากขึ้น จึงออกไปนอกเต็นท์ต้อนรับเช้าวันใหม่
ครั้นฟ้าสางสว่างตาหลังป่าคล้ำ
เห็นเงาดำซ้ำเด่นเป็นพฤกษา
ยืนต้นใบใหญ่ทะมึนขึ้นเตะตา
สูงเคียงบ่ามากันนึกพรั่นกลัว
มองเหมือนคนด้นเดินเพลินอ้อยอิ่ง
แผ่ก้านนิ่งกิ่งนาบทาบฟ้าสลัว
นึกอยู่แคว้นแดนสนธยาช่างน่ากลัว
หนาวจับขั้วหัวใจลมไล้เย็น
เสียงจักจั่นลั่นร้องดังก้องป่า
คล้ายคนมาฮาเฮสรวลเสเล่น
แอบอิงในไพรพนาซ่อนหน้าเร้น
มองไม่เห็นเป็นใครให้ระแวง
พอแสงทองส่องทาฟ้าชมพู
นกหลายหมู่บินกรูทั่วหัวระแหง
เที่ยวหากินทุกถิ่นไหนไม่ล้าแรง
ต้อนรับแสงแห่งอรุณอุ่นทุกวัน
นักดูนกหลายคณะเดินขึ้นดอยตั้งแต่ฟ้าพึ่งเริ่มสาง สาวอ้วนยังคงนอนคุดคู้อยู่ในเต็นท์ ผมเตรียมข้าวห่อและอาหารกระป๋องใส่เป้ แล้วออกไปเดินเล่นพร้อมกับทักทายกลุ่มของนายตั้มและคุณด้วง ส่วนกลุ่มของนายวัชระยังไม่ตื่น เพราะเมื่อคืนคงนอนดึก เช้าวันนี้อากาศเย็นกว่าเมื่อวันก่อน แม้ว่าสายมากแล้วแต่ยังเย็นจับขั้วหัวใจอยู่ ถ้าได้ออกไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสาย คงจะอบอุ่นและสบายตัวขึ้นมาก