ผมลุกขึ้นยืน มองดูเนินสูงชันไม่ต่ำกว่า 75 องศาที่ลาดขึ้นมาจากลำห้วยแม่สาว ประมาณไม่ถูกว่าจะสูงสักกี่เมตรกว่าจะปีนขึ้นไปถึงสันเขาข้างบนซึ่งมองไม่เห็น เพราะมีต้นไม้ขึ้นบดบังอยู่หลายชั้นนัก และตามเส้นทางที่ต้องเดินไต่ขึ้นไปแทบไม่มีต้นไม้เล็กๆให้ใช้เหนี่ยวรั้งได้เลย นอกจากต้นหญ้าและวัชพืชคลุมดิน มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่บ้างเป็นระยะๆพอใช้เป็นร่มเงาสำหรับหยุดพักได้ แล้วจึงข้ามลำห้วย ก้าวเดินขึ้นไปตามรอยเท้าของคนก่อน ค่อยตะกายป่ายปีนจากตีนเนิน มองเผินเผินเกินกำลังวังชาไหว ดูสูงชันรันทดแทบหมดใจ เห็นต้นไม้ไกลลิบแค่หยิบมือ ทั้งก้อนหินดินร่วนเรรวนนัก เดินกระอักยักท่าไม่กล้าหือ เท้าก้าวไปให้มั่นพลันใช้มือ เที่ยวคว้ายื้อถือหญ้ามารั้งไป ต้องคอยหยุดทรุดนั่งกำลังเฉื่อย แสนปวดเมื่อยเหนื่อยล้าขาไม่ไหว เจ็บหัวเข่าเข้ากระดูกไม่ถูกใจ แทบคลื่นไส้ใคร่อาเจียนวิงเวียนจัง แถมหนทางวางไว้ให้ซิกแซ็ก ไต่หอบแฮกซอกแซกพลางกุยทางหยั่ง พอมาถึงซึ่งสันเนินเดินไม่ยั้ง จนกระทั่งนั่งทรุดหยุดเสียยาว ผมขึ้นมาถึงสันเขาข้างบนแล้ว มองตามเนินลาดขึ้นไป แลเห็นพี่หนูนั่งพักผ่อนอยู่ริมทางห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่พอมองลงไปยังห้วยแม่สาวข้างล่าง ผมมองไม่เห็นเสียแล้ว เพราะมีเรือนยอดของต้นไม้บดบังกันอยู่หลายชั้น และยังมองไม่เห็นสาวเจี๊ยบอีกด้วย ผมจึงนั่งพักต่อไปเรื่อยๆเพื่อรอให้สาวเจี๊ยบขึ้นมาสมทบ กว่าสาวเจี๊ยบจะขึ้นมาถึงผมก็ได้พักผ่อนจนหายเหนื่อยหายเมื่อยไปนานแล้ว จึงดื่มน้ำสักนิด แล้วพากันเดินต่อเพื่อไปสมทบกับพี่หนู
13 มกราคม 2547 08:48 น. - comment id 201913
อ่านแล้วค่ะ นกตะวัน.. เขียนดีเหมือนเดิม ได้ความรู้เพิ่มเติม บรรยากาศสดใส เหมือนตั้งใจเขียนให้ได้รับด้วย
13 มกราคม 2547 13:41 น. - comment id 202002
..ตอนเย็น ..เรน..มาอ่านระกานนะคะ.. ..แว๊ปป..
14 มกราคม 2547 01:24 น. - comment id 202353
เป็นเนินที่ดูหฤโหด ตามที่โจทย์ได้บอกเล่า อ่านแล้วยังเสียวกับตัวเรา ถ้าต้องไปปีนกับเขาในงานนี้ *-*แหมแบบนี้เห็นทีผู้หญิงไร้เงาจะขอตัวดีกว่าค่ะ เพราะผู้หญิงไร้เงาเป็นโรคกลัวความสูงนะค่ะ (กลอนไพเราะมากเลยค่ะ)*-*