อินทรวิเชียรฉันท์๑๑ โอ้ไทย สถานทูต................วรสูทธิเกรียงไกร ถูกเดน เขมรใจ................ระยำจุด พระเพลิงผลาญ ก่อเรื่อง กระเดื่องเหตุ........ทุกขเวทนาการ คือสัตว์ ดิรัจฉาน................ฤดิไร้ มโนธรรม พวกเวร เขมรถ่อย............สติต้อย บ่ค่อยยำ- เกรงใน อำนาจกรรม........และสำเริง สำราญเลว ชาติแห่ง แมลงเม่า............ขณะเข้า เลบง เปลว- ไฟลุก จะแหลกเหลว.........เพราะมิรู้ ประมาณตน อภิธานศัพท์ วร แปลว่า งาม เลิศ / สุทธิ แปลว่าดี วรสูทธิ = วรสุทธิ ในที่นี้แผลงสระอุ เป็น สระอู แปลว่า ดีและงาม เดน = เศษ , สิ่งที่เหลือ มักพูดรวมเป็น เศษเดน ดิรัจฉาน = เดรัจฉาน ทุกขเวทนาการ =ทุกขเวทนา+อาการ = อาการที่เกิดทุกขเวทนา ฤดิ = ฤดี แปลว่าใจ (ในที่นี้ แผลงสระอิ เป็นสระอี เพื่อให้ได้คำ ลหุ ตรงตามฉันทลักษณ์) เลบง (ภาษาเขมร) อ่านว่า ละ-เบง แปลว่า เล่น , คล้าย เชวง อ่านว่า ชะ-เวง ยำเกรง =หวาดกลัว เปลวไฟ = เพลิงที่กำลังไหม้เห็นเป็นเปลว กรณีการเผาสถานทูตไทยในเขมร : แมลงเม่าบินเข้ากองไฟอุปมาก็คือเขมรเหมือนแมลงเม่า ที่เล่นกับไฟ ก็ต้องมลายชีพเพราะเปลวไฟ
31 มกราคม 2546 13:01 น. - comment id 107067
แฉ ตะวันตก ยุเขมรทะเลาะไทย เบนกระแสถล่มอิรัก สนธิ ลิ้มทองกุล เผย 3 ทฤษฎีเบื้องหลังย่ำยีอธิปไตยไทยในกัมพูชา ฮุนเซน ทำไม่ถูก แต่ไม่น่าจะเป็นผู้บงการ เชื่อ ตะวันตก อยู่เบื้องหลัง สม รังสี เตือนคนไทยใจเย็น แยกแยะความโกรธออกจากเหตุผล ระวังตกเป็น เครื่องมือ ของเครือข่ายข่าวสารมหาอำนาจ หวังเบี่ยงเบนกระแส ต้านสงครามอิรัก 15 ก.พ. คืน 31 ม.ค. ออกช่อง 11 ฟันธงอีกครั้ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ปรึกษาเครือหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ ในฐานะผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศกัมพูชาคนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ ถึงเหตุการณ์จลาจลเผาสถานทูตไทยและธุรกิจของคนไทยในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2546 ว่า แม้ยากจะรู้ชัดเจนว่าใครบงการอยู่เบื้องหลัง หรือเป็นการวางแผนของกลุ่มใด แต่มีทฤษฎีความเป็นไปได้อยู่ 3 ทฤษฎี ทฤษฎีที่ 1 เป็นการกระทำของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทฤษฎีที่ 2 เป็นการกระทำของนายสม รังสี และทฤษฎีที่ 3 เป็นการวางแผนจากองค์การสืบราชการลับของมหาอำนาจตะวันตก ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนประเทศตะวันตก ที่ชูธงระบอบประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน ไม่แตกต่างจากนายสม รังสี ที่มีอิทธิพลอยู่ในหมู่นักศึกษามหาวิทยาพนมเปญพอสมควร คุณถามผมวันนี้ ผมยังฟันธงไม่ได้ 100 เปอร์เซนต์ แต่ค่อนข้างเชื่อมั่นว่าเป็นทฤษฎีที่ 3 ประสานกับทฤษฎีที่ 2 ประกอบกับจุดอ่อนบางประการของสมเด็จฮุนเซน ก็มีส่วนทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา บางทีคืนวันที่ 31 มกราคมนี้ผมจะให้คำตอบได้ชัดเจนกว่านี้ นายสนธิกล่าว คืนวันที่ 31 ม.ค. เวลา 20.30 น. นายสนธิจะไปออกรายการ กรองสถานการณ์ ทางสทท.ช่อง 11 นายสนธิเล่าว่าเมื่อประมวลเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ในชั้นต้น ไม่มั่นใจว่าจะเป็นฝีมือของนายสม รังสีอย่างที่คนทั่วไปเชื่อกัน กลับสงสัยสมเด็จฮุนเซนมากกว่า เหตุผลเพราะว่าการจะทำแบบนี้ได้ต้องมีการวางแผนมาอย่างดี แล้วต้องไม่ลืมว่าสมเด็จฮุนเซนเป็นผู้พูดเรื่องน.ส.สุวนันท์ คงยิ่งด้วยตนเองเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2546 ที่กำปงโสม เป็นเรื่องที่ผิดปกติมากที่นายกรัฐมนตรีจะมาทะเลาะกับดาราไทย บนพื้นฐานที่ไม่เป็นความจริง เพราะตามหลักฐานแล้วน.ส.สุวนันท์ไม่เคยพูดอะไรเป็นการดูถูกชาวเขมรเลย จากนั้นหลังเหตุการณ์ที่สมเด็จฮุนเซนให้สัมภาษณ์ 12 วัน ก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผมไม่เคยเจอนายกฯประเทศไหนทะเลาะกับตัวบุคคลที่ไม่ใช่รัฐบาลของประเทศนั้น ยกตัวอย่างกรณีที่ฮ่องกงเอารูปดาราไทยไปตัดต่อ หรือไปติดตามสถานอาบอบนวด สิ่งที่ทำได้อย่างมากคือ ดาราไทยต้องประท้วง แล้วเจ้าหน้าที่กงศุลไทยก็เอาไปประท้วงต่อรัฐบาลฮ่องกง ทีนี้ถ้าสมมุติว่าคุณกบเขาพูดอย่างนั้นจริง แล้วท่านนายกฯฮุนเซนมีความปรารถนาที่จะแก้ปัญหานี้ คนที่เป็นสมาชิกของสังคมโลกอย่างนายกฯฮุนเซนก็ต้องแจ้งมาที่ทูตเขมรในประเทศไทย หรือเชิญเอกอัครราชทูตไทยไปคุย แต่กลับไม่ทำอย่างนี้ นายกฯฮุนเซนออกมาก็ด่าคุณกบเลย ด่าเสร็จเรียบร้อยไม่กี่วันก็เกิดเรื่องเลย เมื่อเกิดเรื่องแล้วข่าวแรกที่ออกมาคือสม รังสีเป็นตัวการ เป็นคนทำ สม รังสีเป็นฝ่ายค้านของรัฐบาลฮุนเซน อำนาจ และบารมีแทบไม่มีเลย พูดง่าย ๆ คือฮุนเซนกุมอำนาจรัฐอยู่ ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเรื่องที่พิสูจน์ชัดว่าคนที่มีอำนาจรัฐเท่านั้นที่จะทำได้ อีกประการหนึ่งที่สงสัยสมเด็จฮุนเซนก็คือ เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วไม่จัดการสั่งการตำรวจและทหารให้ดูแลรักษาความปลอดภัยให้สถานทูตไทย แต่ที่ผมเริ่มตัดทฤษฎีนี้ออกไปก็คือ ผมเชื่อในเรื่องผลประโยชน์ของคน ผมเชื่อว่าคนเราจะไม่ทำลายผลประโยชน์ของตัวเอง นี่คือข้อเท็จจริง ผมตอบคำถามไม่ได้ว่านายกฯฮุนเซนทำอย่างนี้แล้วจะได้อะไร ในเมื่อตัวท่านมีความสัมพันธ์กับทุนไทยอย่างมาก ท่านถูกโจมตีว่าเข้าข้างประเทศไทย ผมจึงไม่เชื่อ นายสนธิกล่าวว่าสมเด็จฮุนเซนอาจจะพูดเรื่องน.ส.สุวนันท์ คงยิ่งไปตามกระแสตามบุคลิกภาพของนักการเมืองยามใกล้เลือกตั้ง ที่ต้องเล่นกับกระแส ในเมื่ออิทธิพลของทุนไทยในกัมพูชาสูงมาก โดยมีวัฒนธรรมเป็นแนวหน้า นักการเมืองทุกยุคในกัมพูชาที่ประสงค์จะขึ้นมาเป็นใหญ่มักจะอาศัยกระแสชาตินิยมเป็นเครื่องมือ สมเด็จฮุนเซนอาจจะพูดไปตามกระแส ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากนั้น การทำงานของสื่อมวลชนกัมพูชาจะใช้มาตรฐานสากลไปวัดไม่ได้ หลายครั้งมีลักษณะไม่รอบคอบ ไม่รับผิดชอบ และไม่ตรวจสอบยืนยันความถูกต้องก่อนตีพิมพ์ ต้องยอมรับว่าระยะหลังมานี้ วัฒนธรรมไทยเข้าไปครอบงำสังคมเขมร เหมือนกับที่เข้าไปครอบงำสังคมลาว การที่คุณจะขอร้องไม่ให้คนเขมรไม่ดูละคอนเรื่องดาวพระศุกร์ หรือเรื่องอื่น ๆ นั้น คนเขาไม่เชื่อหรอก แต่ถ้าไปด่าว่าคนที่เล่นดาวพระศุกร์ไปด่าว่าคนเขมร ไปว่านครวัดเป็นของไทย อย่างนี้มันเป็นคนละเรื่องกัน แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้เป็นผู้บงการ สมเด็จฮุนเซนก็ถือว่าผิดพลาดบกพร่องอย่างรุนแรง ตรงที่ไม่ยอมเคารพอธิปไตยของสถานทูต ที่เปรียบเสมือนเป็นประเทศนั้น ๆ ทำให้กัมพูชามีภาพเป็นประเทศที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะยืนอยู่ในสังคมโลกอย่างมีเกียรติ ทฤษฎีที่ 2 ที่ว่าสม รังสีเป็นคนทำนั้น นายสนธิกล่าวว่า ต้องเข้าใจพื้นฐานก่อนว่าสม รังสีเป็นตัวแทนทางฝ่ายตะวันตก ในช่วงหลังมานี้เขาปรับยุทธศาสตร์มาสู้กับสมเด็จฮุนเซนในแง่สิทธิมนุษยชน จึงได้รับความสนับสนุนช่วยเหลือจากองค์กรภาคเอกชน หรือเอ็นจีโอ ที่เกี่ยวกับด้านสิทธิมนุษยชนหลายองค์กร ที่สำคัญที่สุด คือความสนับสนุนจากสายออสเตรเลีย อย่าลืมว่าเอ็นจีโอเข้ามามีบทบาทในเรื่องสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคนี้มาก จำเรื่องพม่าได้ไหม พวกที่มายึดสถานทูตพม่า นี่เป็นการสนับสนุนจากเอ็นจีโอฝรั่งทั้งนั้น ฝรั่งมองว่าฮุนเซนเลือกตั้งกี่ครั้งก็ชนะ สม รังสีไม่มีวันชนะได้ วิธีเดียวที่สม รังสีจะชนะได้คือต้องล้มฮุนเซน จึงมีการเริ่มจัดตั้งขบวนการสะสมกำลังขึ้นมา เพื่อที่จะก่อให้เกิดเหตุ การพูดที่กำปงโสมเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ของสมเด็จฮุนเซนทำให้สม รังสีนำมาขยายผล จุดที่น่าสนใจของทฤษฎีที่ 2 คือ คนพวกนี้มองว่าสมเด็จฮุนเซนจับมือกับกลุ่มทุนไทย ตั้งแต่เปิดบ่อนตามชายแดน ไปจนถึงทำธุรกิจต่าง ๆ ในเขมร ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน โรงแรม โทรศัพท์มือถือ ดังนั้นมีวิธีเดียวคือต้องทำลายกลุ่มทุนไทย เพราะสมเด็จฮุนเซนได้เงินคนไทยหนุนหลังในการครองอำนาจทุกวันนี้ ทฤษฎีนี้ก็จะเข้าข่ายที่เป็นเหตุเป็นผลว่าสมเด็จฮุนเซนจะทำไปทำไม ในเมื่อเป็นการทุบหม้อข้าวของตัวเอง อย่าลืมว่าบ่อนที่ เปิดนั้นพรรคพวกสมเด็จฮุนเซนทั้งนั้นที่มีส่วน ถ้าประเทศไทยเกิดปิดด่านไม่ให้คนเข้าไปเล่นแล้วอะไรจะเกิดขึ้น แต่ทฤษฎีที่ 2 นี้ก็มีข้อสงสัยเกิดขึ้นมาว่าถ้าสม รังสีเป็นคนทำ แล้วสมเด็จฮุนเซนก็รู้ ทำไมถึงไม่หยุดการกระทำนั้นเสีย แค่เอาตำรวจไปสัก 100 คนก็น่าจะเอาอยู่ ก็มีคำตอบมาอีกว่า มันเป็นไปได้สูงว่าในบรรดานายทหาร-ตำรวจของนายกฯฮุนเซนนั้น มีความแตกแยกจากการที่ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากส่วนเกินทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ทฤษฎีสุดท้ายก็คือองค์การสืบราชการลับของมหาอำนาจตะวันตก กับเอ็นจีโอ ร่วมมือกับฝ่ายสม รังสีด้วย ร่วมตรงไหน ก็ไหน ๆ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2003 นี้เป็นวันต่อต้านสงครามทั่วโลก มันจะดีกว่าหรือไม่ถ้าจะเพิ่มเรื่องนี้พ่วงเข้ามา เพื่อให้ไทยทะเลาะกันเองกับเพื่อนบ้านบ้าง ขบวนการต่อต้านอเมริกาที่จะเดินขบวนไปที่หน้าสถานทูตอเมริกาจะได้อ่อนแรงลง นายสนธิกล่าวว่า ถ้าเป็นไปตามทฤษฎีที่ 2 และ 3 จะสร้างความยากลำบากให้กับสมเด็จฮุนเซนมาก เพราะเรื่องนี้รัฐบาลไทยจะต้องโกรธ กระแสชาตินิยมในประเทศไทยจะขึ้นสูง และอาจเกิดจลาจลตอบโต้ ซึ่งก็จะส่งผลให้กระแสชาตินิยมในกัมพูชาขึ้นสูงได้อีกครั้ง และสมเด็จฮุนเซนจะวางตัวลำบาก แม้ว่าจะมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลไทย แต่ไม่อาจแสดงความใกล้ชิดนั้นได้ ต้องถ่วงดุลความสัมพันธ์อันดีกับไทยกับกระแสชาตินิยมกัมพูชาให้ได้ดี ไม่ให้เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง นายสนธิยังแสดงความเป็นห่วงว่าเหตุการณ์จะยังไม่จบ เพราะขึ้นชื่อว่าหน่วยสืบราชการลับของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว มีความชำนาญในการทำสงครามข่าวมาก โดยเฉพาะข่าวลือ ข่าวปล่อย สังคมเกษตรดั้งเดิมอย่างกัมพูชาตกเป็นเหยื่อได้ง่าย และแม้สังคมไทยจะยกระดับการพัฒนาได้มากกว่า แต่หากโดนจี้จุดถึงหัวใจจริง ๆ ก็ไม่แน่นักว่าจะรักษาความเยือกเย็นไว้ได้ ผมขอให้จับตาการกระทำของสำนักข่าวตะวันตกที่เผยแพร่ภาพข่าวชาวกัมพูชาเหยียบย่ำพระบรมฉายาลักษณ์ ภาพข่าวนี้เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็วในห้วง 12 ชั่วโมง 24 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ และคุณก็คงเห็นแล้วว่าการชุมนุมหน้าสถานทูตกัมพูชาในไทย เป้าหมายแปรเปลี่ยนทันที จากประท้วงการเผาสถานทูตไทย มาเป็นประท้วงการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มันเล่นหัวใจคน 2 ชาติเลย ทางเขมรก็หาว่าไทยไปพูดว่านครวัดเป็นของเรา ทางไทยก็แพร่ข่าวเขมรหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นายสนธิกล่าวในท้ายที่สุดว่าขอให้คนไทยแยกแยะความโกรธออกจากเหตุผล เพื่อที่จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ หนทางที่ดีที่สุดคือยึดมั่นในพระราชดำรัสขององค์พระบารทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ให้แสดงความรักชาติและถวายความจงรักภักดีโดยสงบ ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
31 มกราคม 2546 16:06 น. - comment id 107090
บังอาจเหยียบย่ำพระมหากษัตริย์ดูถูกพวกเรามาก .............เห็นด้วยค่ะ
1 กุมภาพันธ์ 2546 20:18 น. - comment id 107180
เป็นบทกลอนที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพที่เกิดขึ้นจริงๆค่ะ ขอให้เหตุการณ์ร้ายคลี่คลายไปด้วยดี ยึดหลักสันติ สติ และ ปัญญา ดีกว่า ค่ะ