๑. .....เคียงคลอขอกล่อมน้อง.......................ยามหนาว ก่อนพรากจากนวลคราว...........................รุ่งหล้า รำพันหวั่นจิตราว-...................................ชีพปลิด แม่เอย วันพรุ่งอาจมุ่งหน้า..................................สู่ฟ้าสรวงสวรรค์ ฯ ๒. .....เดือนดาวพราวพร่างแท้.....................แลสะคราญ แม่เอย ลอยเด่นเป็นพยาน................................หยั่งรู้ แสงส่องผ่องดวงมาลย์...........................ปานจิต- พี่นา จักมั่นตราบชีพทู้*..................................ท่านท้าวมัจจุ- ราชา ฯ ๓. .....ไออุ่นหนุนแนบเนื้อ...........................นวลลออ ภพพรุ่งอาจเกินรอ..................................ยิ่งแล้ว เคยชิดสนิทพะนอ..................................พอพลัด- พรากเฮย จักคร่ำครวญยามแคล้ว...........................คลาดเจ้าเยาวมาลย์ ฯ ๔. .....ใครหนอจักกอดเจ้า...........................คราวคืน มดไต่ยุงไรหืน*......................................ดื่นใกล้ ใครหนอจักหยัดยืน................................ปัดเป่า นวลแม่อาจแลไหม้.................................หม่นแล้วเรียมสงวน ฯ ๕. .....อาหารหวานข้าวอุ่น...........................โอชา แกงกับสำรับหา.....................................ค่ำเช้า อาจบูดดุจอสุภะพา.................................หมองจิต หาเทียบเปรียบจวักเจ้า............................แต่งให้ชิมชม ฯ ๖. .....มองเรือนเหมือนรกร้าง.......................เลือนรา- ศีนอ จักเงียบเปรียบพฤกษ์พณา.......................ปราศช้าง เตียงตั่งดั่งโหยหา...................................คนนั่ง- นอนเฮย เงียบเชียบเปรียบพี่ร้าง............................ห่างน้องฤาไฉน ฯ ๗. .....นมแมวโมกแก้วยี่-...............................สุ่นไสว จักเหี่ยวเหลียวทางใด...............................ไป่แย้ม ราตรีทิวาไย............................................ใบหม่น- หมองนา ซ่อนกลิ่นกลับงามแฉล้ม............................ช่อแย้มแซมงาม ฯ ๘. .....รัตติกาลพลันเคลื่อนคล้อย....................ยามเลย- ล่วงนอ ดาวเด่นเดือนเดี่ยวเผย..............................อ่อนล้า อาจดับลับมหรรณพ์เปรย..........................เปรียบพี่ จำจากดุจโสมหม้า....................................พรากหล้าคราอรุณ ฯ ๙. .....พรุ่งเพรียกจักจากเจ้า.........................เยาวมาลย์ แม่เอย ครวญคร่ำวรรณกรรมขาน........................ผ่านถ้อย อาลัยบ่ายนงคราญ..................................พลันสลด เกินพร่ำคำสรรค์สร้อย.............................เฉกไร้จินตนาการ ฯ ๑๐. .....เกล็ดแกมแวมแห่งไต้..........................กระจ่างตา ปานเพ็ชรเกล็ดประภา..............................พร่างแพร้ว วับวาวเยี่ยงจันทรา..................................คราเพ่ง- พิศม์นอ แน่แน่วแววคลาดแคล้ว...........................ฟากฟ้าสุราลัย ฯ ๑๑. .....ระทมแสงใต้เรื่อ-...............................เรืองฉาย จำห่างดังชีพวาย....................................ดับแล้ แสงใต้ดับดุจมลาย.................................ตายจาก- แม่นา มิอาจปราถน์เคียงแม้...............................จิตใกล้อนงค์นวล ฯ ๑๒. .....เคียงคลอรอใต้พล่า...........................เพลิงผลาญ พลอดพร่ำรำพันผสาน............................โอบเนื้อ น้ำตาดั่งวสันตกาล.................................เยี่ยมโลก กานท์กล่อมกาพย์กล่าวเกื้อ.......................เผื่อเจ้าคลายครวญ ฯ ๑๓. .....เสร็จกิจพี่จักย้อน.............................กลับเรือน นวลแม่ยามแลเบือน..............................บ่ายหน้า ขอชมชื่นเปรียบเสมือน..........................คราวก่อน- เถิดแม่ กายห่างจิตยังคว้า.................................ไขว่เจ้าเคียงใจ ฯ ๑๔. .....ไก่ขันพลันเศร้ายิ่ง............................นุชนาฏ แม่เอย ปานดาบของเพชฌฆาต.........................บั่นแล้ว แสนสลดพจน์มิอาจ...............................เรียงร่าย ขอกอดหอมก่อนแคล้ว...........................คลาดเจ้าคราวอรุณ ฯ ๑๕. .....เอกชัยหมายจ้ำคัด...........................ชลยาน เรือพระที่นั่งทะยาน..............................แหวกน้ำ งามเด่นเช่นรัศมิมาน............................โปรดโลก- ธาตุแฮ หมายมุ่งผดุงค้ำ...................................กิจยั้งเกียรติภูมิ ฯ หืน ในที่นี้หมายถึง.....นั้นมันเลวทรามต่ำช้ายิ่งนัก... ทู้.....แปลว่ายอมอยู่ในอำนาจ..
25 พฤศจิกายน 2545 08:24 น. - comment id 97697
ผู้ชายร้องไห้...ฮือๆๆๆ (เช็ดๆๆๆ...)
25 พฤศจิกายน 2545 08:29 น. - comment id 97699
^J^ ..............
25 พฤศจิกายน 2545 08:34 น. - comment id 97701
...ที่มาของโคลงบทนี้... ...ผู้เขียนได้นั่งฟังเพลง...น้ำตาแสงใต้...อีกครั้ง...รู้สึกเศร้ายังไงไม่รู้ค่ะ... ...และก็เลยนึกถึงบทน้ำตาแสงใต้ที่เคยเขียนใว้เมื่อก่อน...ว่ายังมีข้อบกพร่องทางฉันทลักษณ์มาก... ...ก็เลยรำพันขึ้นมา...และเขียนเป็นโคลงค่ะ... ...มีหลายบท...ซึ่งคิดว่าผู้อ่านคงมีคำ...และบางถ้อยที่ไม่เข้าใจหรือเข้าใจยากบ้าง... ...แต่ก็อาจบรรยายและนึกมองเห็นภาพโดยรวมได้ค่ะ... ...ว่า... ...มีนายทหารนายท้ายเรือของพระราชาสมัยอยุธยา...( พระเจ้าเสือ )...ชื่อพันท้ายนรสิงห์... ...เกิดลางสังหรณ์ว่าวันพรุ่ง...เป็นวันที่พระเจ้าเสือ...จะทรงพระยุหยาตราชลมารค...โดยเสด็จทางเรือเอกชัย ...ซึ่งเป็นพระราชชลยานที่มักใช้เสด็จประพาสทั่วไป... โดยมีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้ายเรือ... ...แต่เกิดลางสังหรณ์ขึ้น...ว่าภาระกิจครั้งนี้...อาจนำมาซึ่งการพลัดพรากครั้งยิ่งใหญ่.. ...และความรู้สึกนี้...ก็หาได้เกิดขึ้นแก่พันท้ายนรสิงห์เท่านั้นก็หาไม่... ...แต่ยังเกิดแม่นวล...แม่ศรีเรือนอันเป็นสุดที่รักของตนด้วย... ...จึงมีการรำพัน...ร่ำลา...และอาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก...ชวนให้ผู้ที่รับรู้เกิดความเศร้าตามไปด้วย...( โดยเฉพาะ อัลมิตรา )... ...จึงได้สวมวิญาณของพันท้ายนรสิงห์...รำพันมาเป็นบทโคลง...แม้จะสื่อความได้ไม่ชัดและไม่หมดใจ... ...โดยแท้จริงอยากจะเขียนมากกว่านี้...ก็เลยเขียนใว้เท่านี้ค่ะ...
25 พฤศจิกายน 2545 09:35 น. - comment id 97710
โห เขียนยาวอย่างนี้...........อ่านจบคงพรุ่งนี้ เพ่งหน้าตาพราย...บารนี ๚ ;)
25 พฤศจิกายน 2545 12:58 น. - comment id 97741
เรียกว่าโคลงยาว....แทนเพลงยาวได้เลยนิ....ฮะๆ
25 พฤศจิกายน 2545 13:19 น. - comment id 97742
ความหมายแตกต่างกันนะ พี่ชาย .. เพลงยาวน่ะ ไม่ได้บรรยาย รำพันแบบนี้นะจ๊ะ .. เอ๋ หรือว่าต้องเขียนเพลงยาวหนอ ..ฮะ ๆๆ คุณอกนิษฐ์ ค่อยๆอ่านน่ะ รับรองอ่านจบปีนี้แน่นอน จ้า ..
25 พฤศจิกายน 2545 16:20 น. - comment id 97767
หลับเดก่า
25 พฤศจิกายน 2545 22:10 น. - comment id 97804
อ่านจบสองบทแย้ว บทแรก - อวสาน แบ่งลงเอกยังงัย ม่ายเข้าใจ บทที่สอง - มัจจุราช ถ้าลงไม่งามใช้ กุเวร ได้นา ฮิฮิ
25 พฤศจิกายน 2545 22:22 น. - comment id 97809
ดีนะครับ
25 พฤศจิกายน 2545 22:22 น. - comment id 97810
เฝ้าติดตาม
25 พฤศจิกายน 2545 22:36 น. - comment id 97817
ลูกไม่เก็บน่ะ อกนิษฐ์ อะ วะ สาน .. เอาลงตรงเสียงวะ ค่ะ ..5555 ไม่ใช่กุเวร เพราะลุงบอกว่า อย่าใช้ภาษายาก ขอบคุณค่ะ คุณพรระวี ขอบคุณค่ะ คุณพ่อเทพ ขอบคุณนะ เจ้าลม ..หลับแล้วตื่นมาอ่านต่อนะ
26 พฤศจิกายน 2545 13:56 น. - comment id 97912
แวะมาเยี่ยมครับผม เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงโปรดของผมครับ ประทับใจที่อัลมิตรานำมาเขียนโคลงอีกหน จำได้ว่านานมาแล้วเคยเขียนหลายเดือนมาแล้ว ชุดที่สองนี้ยังคงงดงามดั่งเคยครับ ผมก็คงจะเป็นเช่นนั้น หากวันไหนไม่ได้กลับเข้ามาอ่าน รู้สึกคิดถึงครับ ผมเพ้อครับ ผมเพ้อ
26 พฤศจิกายน 2545 21:49 น. - comment id 98008
ขอบคุณค่ะ คุณคนผ่านมา . อาการเพ้อ อัลมิตรารักษาไม่ได้ค่ะ ควรปรึกษาแพทย์นะคะ :)