ชวนหวานใจไป..ลอยกระทง

อัลมิตรา

 
    
                    ...ลอยกระทง... 
 (๑)
.....ฟากคลองนองเอ่อล้น.................ชลธาร 
ผันผ่านพรรษากาล.........................ล่วงแล้ว 
ลอยเลื่อนเคลื่อนชลยาน...................สราญรื่น 
เคียงคู่พธูแก้ว.................................เกี่ยวก้อยกัลยา ฯ 
(๒)
.....วันเพ็ญพราวพร่างแพร้ว..............เดือนสิบ-  สองเฮย 
จันทร์แจ่มแวมระยิบ.......................ยิ่งย้อง* 
เรืองรองผ่องละลิบ..........................โรจน์รุ่ง 
ประหนึ่งเปรียบเทียบน้อง.................แน่งน้อยเยาวมาลย์ ฯ 
(๓)
.....หวานคำยามหว่านล้อม................ถนอมนวล 
พลอดพร่ำเพลินพยางค์ยวน...............หยอกเย้า 
สายลมล่องปองสงวน........................โอบกอด  นวลแม่ 
ไออุ่นอาจอิงเฝ้า...............................กล่อมน้องยามหนาว ฯ 
(๔)
.....แจ่มจรัสจันทร์เจิดจ้า....................พรรณราย 
ประทีบธูปเทียนถวาย.......................ใคร่น้อม 
กระทงบ่งความหมาย.........................ผสานจิต  มั่นนอ 
คงคู่คลอเคียงพร้อม..........................ไป่ร้างมลายเลือน ฯ 
(๕)
.....เผลอไปหมายวักน้ำ......................หยอกนวล  แม่เอย 
หนาวสั่นพลันจรรจวน*......................ป่วนแล้ว 
เพียงหยอกหลอกยียวน......................สรวลสนุก 
หาใช่หมายใจแคล้ว...........................กลั่นแกล้งแสดงกล ฯ 
(๖)
.....มัสยามาว่ายล้อ...........................เรียงเรือ 
เปรียบพี่มีจิตเจือ.............................โจ่งแจ้ง 
จักเคียงเยี่ยงว่านเครือ......................สนมเนื่อง  นวลนา 
ตราบดับลับโลกแล้ง.........................สาบฟ้าสูญฝัน ฯ 
(๗)
.....สองมือถือธูปตั้ง...........................เทียนผจง 
จุดส่องทางหวังตรง............................บ่งน้อม 
นอบนบจบเศียรคง...........................กานท์กล่าว 
ปราศทุกข์สุขแห่ห้อม........................มากพ้นดลจิต  อธิษฐาน ฯ 
(๘)
.....ธูปหอมดอมกลิ่นคลุ้ง.....................คละขจาย 
เทียนส่องมองแวววาย.........................หว่างน้ำ 
มวลพฤกษ์ตรึกตรองชาย-....................ตาเพ่ง  งามเอย 
โชติช่วงปราศชอกช้ำ..........................เด่นด้นชลธาร ฯ 
(๙)
.....บูชาพระบาทเบื้อง-........................พุทธองค์ 
ดลจิตมิติดหลง...................................ชั่วร้าย 
เกษมสานต์มั่นเคียงคง........................สถิตย์ทั่ว 
เป็นมิ่งเป็นขวัญคล้าย..........................เกราะคุ้มกำบัง ฯ 
(๑o)
.....ขอขมาต่อแม่น้ำ............................ชลาลัย 
โยนสิ่งปฏิกูลใด..................................สู่น้ำ 
เนืองนองแน่นแสยงใจ........................เปรอะขยะ 
จักรักษ์หากเพลี่ยงพล้ำ........................แม่ได้อภัยเทอญ ฯ 
(๑๑)
.....ลอยเรือเล่าเรื่องล้ำ.........................เริงกวี 
ดาวเด่นดารดาษศรี...........................ส่องสล้าง* 
เพ็ญแขข่มรัศมี..................................สุกสว่าง 
เชิญร่วมจรรโลงสร้าง...........................สืบย้ำคงสยาม ฯ 
(๑๒)
.....กระทงหลงลุ่มน้ำ...........................คงคา 
เปรียบพี่สิไกลตา................................จากเจ้า 
เจียมจิตคิดคนึงหา.............................นุชนาฏ  แม่เอย 
หากเมื่อเจือเป็นเถ้า.............................เที่ยงสิ้นถวิลวาย ฯ

 
... ยิ่งย้อง.....แปลว่า...ยิ่งงดงามมาก...สวยมาก..
...สล้าง...( สะ-ล่าง )...เป็นวรรณยุกต์โท...ที่ออกเสียงเป็นเอก..แปลว่า...เด่น...ตระหง่าน...ทิวหมู่...ทำนองนั้น... 
...จรรจวน...แปลว่า...กล่าว...พูด...ตัดพ้อ				
comments powered by Disqus
  • พุดพัดชา

    13 พฤศจิกายน 2545 16:38 น. - comment id 95414

    เลอล้ำงาม แต่งตามอย่างคงยากในชาตินี้
    
    ด้วยรัก
  • windsaint

    13 พฤศจิกายน 2545 17:10 น. - comment id 95419

    คราวหว่า หวานจาย อิอิ
  • นักสิทธิ์

    13 พฤศจิกายน 2545 17:47 น. - comment id 95431

    โคมนับร้อยลอยพรูสู่ฟากฟ้า
    แสงเจิดจ้าแจ่มหาวแข่งดาวใส
    ค่ำคืนวันจันทร์เพ็ญเด่นอำไพ
    งามตรึงใจเนิ่นนานถิ่นล้านนา
    
    งานยี่เป็งประเพณีปีละครั้ง
    เปี่ยมมนต์ขลังสั่งให้ใจโหยหา
    บรรยากาศสดชื่นภาพตื่นตา
    ชวนให้มาเชียงใหม่ได้ทุกปี
    
    แสงประทีปรายทางพร่างพราวแสง
    โคมแขวนแต่งเติมฉากพลุหลากสี
    ณ ผืนน้ำกระทงน้อยลอยวารี
    ผืนฟ้ามีโคมประดับวะวับวาว
    
    แว่วคำซอคลอซึงช่างซึ้งซาบ
    น้ำค้างอาบไอหมอกหยอกลมหนาว
    หวานลำนำคำเมืองเล่าเรื่องราว
    เสน่ห์น้าวเสนาะหูมิรู้เลือน
    
    โอ้แม่เอยแม่ปิงอ้อยอิ่งไหล
    ฝากรักในกระทงน้อยที่คล้อยเคลื่อน
    อธิษฐานกับสายน้ำให้ย้ำเตือน
    ว่าคนเยือนนึกอยากจะฝากกาย
    
    เพราะทุกปีที่ผ่านมาเหมือนอาภัพ
    รักลอยกับกระทงที่หลงหาย
    ขอครั้งนี้อีกสักครั้งหวังอย่าวาย
    กระทงสายเราทั้งสองประคองลอย
    
  • idaho

    13 พฤศจิกายน 2545 17:48 น. - comment id 95432

    วันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำก็นองเต็มตลิ่ง
    
  • คนผ่านมา

    13 พฤศจิกายน 2545 18:11 น. - comment id 95437

    อัลมิตรา ผมไม่รู้จะเขียนอะไร นอกจากจะบอกว่า งดงามมากครับ จากเดิมที่ผมไม่เคยเปิดดูเวปกลอนเลย ทุกๆวันผมแวะมาที่นี่ เพื่อที่จะดูว่ามีบทกวีของคุณหรือเปล่า วันนี้ผมอิ่มเอมใจมากครับ สโลแกนของคุณทำให้ผมยิ้มได้เสมอ
  • Stupid cupid

    13 พฤศจิกายน 2545 20:16 น. - comment id 95462

    อืมมม นับถือๆค่ะ เก่งจัง ไพเราะจิงๆ
  • มะปราง

    13 พฤศจิกายน 2545 20:20 น. - comment id 95463

    แต่งได้ยังไงเนี้ยะ...เพราะจังเลย
  • มังกิ

    13 พฤศจิกายน 2545 20:34 น. - comment id 95467

    ไปโลดๆๆ ไปด้วยๆๆๆ
  • วรรณกาญจน์

    13 พฤศจิกายน 2545 20:48 น. - comment id 95475

    จาหาหวานใจให้หวานจ๋อยไม่น้อยกว่าโคลงบทนี้ที่ไหนล่ะ ... แต่ที่แน่ๆ ต้องทำงาน ฝากลอยกระทงด้วยเน้อ ~^_^~
  • ค้างคาวคืนคอน

    13 พฤศจิกายน 2545 22:59 น. - comment id 95502

    ...เหมือนกัน...ผมก็ต้องทำงาน...
    คืนนั้นคงไม่ได้มาเสนอหน้า (คอมฯ)
    ...เพราะจะต้องอยู่ร่วมงานประกวดกระทง...
    ...ที่สำคัญ...ในงานเขามีการประกวดธิดาช้าง(เด็ก)...ด้วย
    
    ...ชอบครับ...กับบทประพันธ์...สื่อความหมายได้ดี...มีความหมายในตัวเองดีครับ
    ....ราตรีสวัสดิ์ ครับ
  • วิญญาณอสัญญา

    13 พฤศจิกายน 2545 23:02 น. - comment id 95503

    โห เพราะจังเลยครับ อิอิ ว่าแต่ ใครคือ อัล...
    
    กระทงน้อยท่องน้ำ................เดียวดาย
    เทียนหมดน้ำตาสาย.............ธูปสิ้น
    ใบดอกชอกช้ำหาย................โรยร่วง
    เลยฝั่งคว่ำคะมำปลิ้น.............จ่อมคล้ายใจเรียม
    
    เอ่อ ล้อเล่นนะเจ้า... บอกให้มา ก็มาแล้ว แต่แต่งแบบนั้นไม่ได้อ่ะ ฮิ ฮิ
  • somebody

    13 พฤศจิกายน 2545 23:03 น. - comment id 95505

    ***จันทร์สว่าง กระจ่างพราว ราวโคมแขวน
    
                  ดั่งเมืองแมน แดนฟ้า แจ่มจ้าใส
    
           อยากไปลอย กระทงกับ ผู้รู้ใจ
    
    เพื่อท่องไป เคียงกัน นิรันดร์กาล
    
                          ***กระทงของพี่นี้.......ลอยมา 
    
                       โดดเดี่ยวกลางธารา.......เนิ่นแล้ว
    
                 ปีนี้กลิ่นกัลยา..........โชยกรุ่น
    
           หวังว่าคงไม่แคล้ว........คู่เจ้า กระทงทอง...ฯ
    
    .............^J^..........................
    
  • วิญญาณอสัญญา

    14 พฤศจิกายน 2545 00:10 น. - comment id 95510

    ยามแสดงแสงจรัสหล้า..............เรืองโพยม
    ดวงเด่นเดียวดุจโคม..................คู่ฟ้า
    คืนเดือนสิบสองโสม..................เพ็ญผ่อง
    แถวประทีปแจ่มจ้า.....................ทั่วทั้งชลาลัย
    
    ขอขมาสายน้ำแห่ง.....................ชีวี
    ขอขอบคุณความดี....................แห่งน้ำ
    กระทงท่องทางนที....................ทั่วทิศ ไทยนา
    ชลหลากชนรื่นล้ำ......................ค่ำฟ้าสกาวเดือน
    
    หนุ่มสาวสองฝั่งคล้อง................เคียงใจ
    บุญล่องตามน้ำไหล....................ร่วมสร้าง
    อธิฏฐานรักยาวไกล....................ชลส่ง เสริมรา
    ดุจคู่กระทงมิคว้าง.....................ประทีปน้องพี่เคียง
    
    ลมเย็นเห็นระลอกน้ำ...................พริ้วพราย
    ตาส่งกระทงสุดปลาย.................พิศคล้อย
    ตาจึงสบตาสาย.........................ใจสื่อ กันนา
    บุญแห่งพี่น้องร้อย....................ล่องล้ำกระแสสินธุ์
    
    ดุจแม่รักลูกน้อย........................มิปาน
    พระแม่วารีสาน...........................ชีพเพี้ยง
    ถึงคราลูกมากราน.......................กราบแม่
    สำนึกบุญคุณเลี้ยง......................ระลึกล้นดวงใจ
    
    ขออภัย หากล่วงเกินสิ่งใดนะครับ ผมเพิ่งเคยมาครั้งแรกอ่ะ ...
  • ก๊อง

    14 พฤศจิกายน 2545 04:38 น. - comment id 95514

    ฟากคลองนองเอ่อล้น........................ชลธาร
    หลากลิบพริบตาลาญ........................ร่วมม้วย
    สรรพสัตว์พลัดพรากพาน.................เพียรตะเกียก...ตะกายเวย
    อเนจอนาถหวาดหวังด้วย..................ช่วยแก้แปรขม
    
    เพ็ญพราววาวเพริศแพร้ว..................ผืนนภา
    มัวหมอกหลอกลวงตา........................แต่งแต้ม
    พิษพรมบ่มเบียนทา-.........................รุณร่ำ
    พูดพร่ำยำเยงแย้ม.............................งัดแง้มสุสาน
    
    หวานคำด่ำดื่มล้น..............................เรียมหลง
    หวานฉ่ำนำยืนยง..............................ยิ่งล้วน
    หวานลวงบ่วงกำกง...........................เกวียนก่อ
    หวานล่อรอมุดม้วน...........................หมากข้อฉ้อฉล
    
    จวงจันทร์วรรณเจิดจ้า.......................แจ่มแสง
    เทียนธูปรูปสำแดง.............................หม่นไหม้
    กระทงจ่งปล่อยแปลง.........................ปวงโศก
    อวยโชคโมกข์มอบไซร้.......................อย่าให้ใจหมอง
    
    เผลอกายหมายวักน้ำ...........................หยอกนวล
    เหม็นเน่าเนาอบอวล............................รากแล้
    เพียงหยอกศอกกลับสวน.....................นงแม่.....ตูเฮย
    แผลแตกแยกปริแม้.............................ทิ่มแท้แลโหย
    
    ปลาหงายว่ายปริ่มน้ำ..........................สยดสยอง
    เหงือกกระแหมบแทบลอยคลอง...........คู่เคล้า
    เปรียบพี่ที่ตรมตรอง...........................เต็มอก
    ยากยกรกเรื้อเร้า..................................ก่นเศร้าเซาแฝง
    
    สองมือถือธูปทั้ง..................................เทียนผจง
    หมายสว่างทางถ่องตรง.......................ตราบม้วย
    ลามลวกจวกพองคง.............................พานอัก.....เสบเหย่
    วานเถิดเลิศลักษณ์ฉ้วย.........................หยิบแก้แปรไข.
    
    ธูปหอมดอมกลิ่นคลุ้ง...........................คละขจาย
    แนมแนบแอบกลิ่นอาย..........................อับเร้น
    สางสาบอาบกลิ่นราย...........................โลมขัด
    อึดอัดปัดกลิ่นเน้น................................มุ่งเว้นหับหาย
    
    ลอยเรือเล่าเรื่องล้ำ...............................เริงกวี
    ยุงว่อนร่อนปฐพี..................................จู่เข้า
    คันคายหน่ายนำบี-...............................ฑาประทุษ
    โทรมทรุดฉุดเรือเจ้า...........................คว่ำล้มจมสูญ
    
    กระทงหลงลุ่มน้ำ.................................เจ้าพระยา
    บอกบ่งหลงกานดา...............................เกือบเดี้ยง
    ไยหลงส่งสายตา..................................ตรมติด.....ตามเหย่
    หลงเล่ห์หลงเฉเพี้ยง............................เลี่ยงลี้หลบไฉน.
    
    
    
  • rain..

    14 พฤศจิกายน 2545 07:32 น. - comment id 95524

         ไพเราะ...  อิ่มจัย..เหมือนด้ายไปลอยกระทง...
         ทุกบทกลอน..โคลง..  พี่ๆ.. เก่งจังค่ะ..
           .
  • Stupid cupid

    14 พฤศจิกายน 2545 11:24 น. - comment id 95558

    แหมมมม แต่งเก่งๆทั้งนั้นเลยน่ะค่ะ  เฮ้ออออ เราไม่เอาไหนเล๊ยยยยย  ^-^
  • อกนิษฐ์

    14 พฤศจิกายน 2545 12:40 น. - comment id 95571

    ๑
    ๏ เดือนสิบสองน้ำเนื่อง..........นองชล
    ขึ้นสิบห้าค่ำเดือน...................เด่นฟ้า
    นภพร่างประดาคน.................ขวักไขว่
    ลอยกระทงแก้วจ้า..................แจ่มใจ ๚
    
    ๒
    ๏ ประชาชีไพร่ฟ้า..................ชุมนุม
    ตามประทีปโคมไฟ.................เฟื่องฟุ้ง
    ชายหญิงเกี่ยวแขนกุม...........เคียงคู่  มาเฮย
    สรวลเสนาะเลาะใกล้คุ้ง..........คู่กัน ๚
    
    ๓ 
    ๏ กระทงลงสู่น้ำ.....................นำลอย
    ระยิบระยับตาผัน..................ภาพย้อน
    เห็นอดีตประเพณีรอย...........วัฒนะ  ธรรมแฮ
    ไทยวิถีฟุ้งสะท้อน...................เทอดไทย ๚
    
    ๔
    ๏ ถึงยุคอารยะท้า...................เทคโนฯ
    ต่างถกวัสดุไหน.....................น่าใช้
    โฟมสังเคราะห์ฤๅโบ-..............ราณพับ  ตองเฮย
    ธรรมชาติด่าวดิ้นให้...............ใคร่ครวญ ๚
    
    ๕
    ๏ ฝ่ายอนุรักษ์ว่าไว้................วาที
    พืชสลายโดยขบวน.................เน่านั้น
    ใบตองสิ่งอินทรีย์....................สลายสู่  ปุ๋ยนา
    คืนนิเวศน์ให้ปั้น...................เปลี่ยนเป็น ๚
    
    ๖
    ๏ โฟมสังเคราะห์คู่หล้า............ห่อนสลาย
    ถึงเก็บสะอาด บ เห็น...............เปื่อยพ้น
    รีไซเคิ่ลอย่าหมาย...................คุ้มค่า
    มลพิษพิษร้ายล้น....................ชีพสูญ ๚
    
    ๗
    ๏ ฝ่ายหนุนโฟมว่าโอ้...............อย่าหลง
    ตองเน่าคลุ้งคลองมูล...............หมกน้ำ
    เก็บยากหากจมลง...................ลับแผ่น  น้ำแล
    โฟมหยิบกลับใช้ซ้ำ.................สวัสดิ์คืน ๚
    
    ๘
    ๏ ต่างถกเถียงแค่นขั้น............สูญสมัคร  สมานเฮย
    ต่างว่าดียันยืน........................มติข้า
    ต่างห่วงสงวนรักษ์..................รักแม่   น้ำนา
    ต่างถูกต่างถ้อยกล้า.................ต่างใจ ๚
    
    ๙
    ๏ หากฉุกขุกแง่ซึ้ง...................สองขดาน
    เปลืองเปล่าเผาเงินไป.............ป่นปี้
    ซื้อก็จ่ายเก็บสมาน...................ก็จ่าย 
    ธรรมชาติ บ ย้อนกี้..................เก่าคืน ๚
    
    ๑๐
    ๏ สังคมงมง่ายบ้า.....................บริโภค
    อำนาจเงินตรากลืน.................เก่าดิ้น
    ลืมคิดประหยัดประโยค............สมสถาน  ที่แล
    ควรพินิจคิดให้สิ้น...................สว่างเมือง ไสวเมือง บารนี ๚
    
    ....
    แหะ ๆ  เข้าอาศรมฯ ไม่ได้ เลยมาลงที่นี่ก่อน
    ฝากไปอาศรมฯ ด้วยน้า..ฮิฮิ
    ....
    
  • kOrOkOsO

    14 พฤศจิกายน 2545 13:36 น. - comment id 95582

    ตวัดลายสือไทย             แซ่สร้อง
    กวีท่านลือไกลก้อง               เปรียบยาก
    ไพเราะบ่ขัดข้อง                  ไขแก้   แลตะลึง
    อยากเกี่ยวก้อยแขนมาก     แล้วฝากกระทงใจ.
    
    แหมอาจเกินไปนิดๆ....อิอิอิเพราะมากครับ
  • จอมยุทธเมรัย

    14 พฤศจิกายน 2545 14:26 น. - comment id 95589

    แย่จัง วันนี้เข้าอาศรมไม่ได้เลย ต้องมาแอบอ่านโคลงอยู่ที่นี่
    
    บ่มีเวลาแต่งโคลงแจมจริงๆ จ้า แค่มาอ่านก็ปลื้มแล้ว ฮิ ฮิ
    
    อาทิตย์หน้าปู่คงไปลอยกระทงที่อ่างทอง เพราะโดนส่งตัวไปที่โน่นหนึ่งอาทิตย์ เศร้า......
  • เชษฐภัทร วิสัยจร

    14 พฤศจิกายน 2545 14:47 น. - comment id 95594

    ลอยกระทง คนเดียว เปลี่ยวใจแท้.....
  • อัลมิตรา

    14 พฤศจิกายน 2545 23:37 น. - comment id 95678

    .....แสนสุขทุกท่านเอื้อน....................บทกวี
    ยามอ่านพลันสุขสม.............................ยิ่งแท้
    เลิศรจน์พจน์สุนทรี-.............................ยภาพยิ่ง
    ชมชื่นรื่นถ้อยแล้..................................หากตรอง ฯ
    
    .....อยากเพียรเขียนตอบด้วย................พจน์ขยาย
    หากแต่งานมากอง................................ต่อหน้า
    ยามใดว่างจักหมาย...............................แถลงต่อ  ท่านนอ
    หากตอบโคลงด้นช้า..............................อย่าเคือง ฯ
    
    ขอขอบคุณครูโคลง เพื่อนๆชาวอาศรมชาวโคลง และเพื่อนๆจากthaipoem .. หลากหลายลีลาที่ได้อ่าน นำมาซึ่งความปีติเป็นยิ่งนัก ..
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
  • จอมยุทธเมรัย

    17 พฤศจิกายน 2545 10:07 น. - comment id 96050

    ๏ ถวิลกาลกติกะมาศเมื้อ.....................ลอยกระทง 
    เคยพี่พาอรอนงค์..............................นุชน้อง 
    เที่ยวชมกระทงบง.............................ประทีปดอก ไม้นา 
    แสงบุหลันส่องต้อง..........................พักตร์เพี้ยงเพ็ญแข ๚ 
    (นิราศพระประธม กรมหลวงวงษาธิราชสนิท) 
    
    ๏ เจ้าพระยาเรื่อเรื้อย.........................เอื่อยไหล 
    กระทงล่องประทีปไสว.......................สว่างเรื้อง 
    เรียมเปลียวขาดคู่ใจ..........................กระทงล่อง เดียวแฮ 
    ตั้งจิตอธิษฐานเบื้อง..........................ฝั่งน้ำลอยกระทง ๚ 
    
    ๏ เถิดแม่นทีที่นี้.................................โปรดดล 
    เพ็ญเด่นเป็นพยานหน........................ฟากฟ้า 
    ผลบุญอีกกุศล.................................เราร่วม สร้างแฮ 
    ทุกภพทุกชาติหน้า..............................อย่าร้างภิรมย์สมร ๚ 
    
    ๏ กติกามาสกถ้อง.............................แถวโคม 
    แสงสว่างแลลอยโพยม.......................ผ่องแผ้ว 
    อยุธยาเปรียบแสงโสม.......................ใสผ่อง 
    ชมชื่นวันทาแล้ว................................นิ่มน้องฤๅเห็น ๚ 
    (กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก เจ้าฟ้ากุ้ง) 
    
    
  • อัลมิตรา

    17 พฤศจิกายน 2545 12:32 น. - comment id 96064

    ขอบคุณค่ะ ครูโคลง ขอบคุณค่ะ เพื่อนๆ ..
    ลอยกระทงที่หลากหลายในกระทู้นี้ เป็นที่น่ายินดียิ่งนักค่ะ ที่ร่วมกันประพันธ์ ...ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้าค่ะ
  • ong

    26 พฤศจิกายน 2545 19:31 น. - comment id 97962

    ว้าว!!! ไม่ได้แวะมานาน มาอ่านครั้งไหนก็ไพเราะ
  • อัลมิตรา

    15 มีนาคม 2546 10:47 น. - comment id 115010

    **คืนฝันวันลอยกระทง...
    
    เหม่อมองจันทร์วันเพ็ญเข่นใจหวาม 
    คิดถึงความครั้งเก่าของเราสอง 
    กระทงน้อยลอยเลื่อนเกลื่อนลำคลอง 
    เขาประคองแขนรับจับมือกัน 
    
    สองชีวิตตั้งจิตอธิษฐาน 
    ช่วยบันดาล ดลหทัยสองใจมั่น 
    ให้อ่อนลงแลเห็นเช่นเดียวกัน 
    แม้มีวันสองเราไม่เข้าใจ 
    
    หากกระทงลอยอยู่ดูเป็นคู่ 
    แม่คงคาคงรับรู้ไม่สงสัย 
    หากกระทงลอยแยกแตกกันไป 
    จะเข้าใจในวิถิที่จะเป็น 
    
    โอ้อกเอ๋ยไม่เคยจะคาดฝัน 
    หัวใจพรั่นหวั่นความตามที่เห็น 
    กระทงน้อยลอยคว่ำในคืนเพ็ญ 
    น้ำกระเซ็นคลื่นซัดพัดหายไป 
    
    ถึงตั้งมั่นในจิตอธิษฐาน 
    แต่ยังพาลภูติพรายสายน้ำไหล 
    ที่จับพรากกระทงน้อยสองเราไป 
    หากในใจนั้นประหวั่นและพรั่นพรึง 
    
    เขาว่าลางบอกเหตุอาเภทนี้ 
    จักไม่มีเพลาจะมาถึง 
    ขอให้มั่นในสัญญารักตราตรึง 
    รักเขาจึงหลงไปในคำคน 
    
    เพียงไม่นานเหตุการณ์ก็ปรากฎ 
    น้ำใจคนช่างคดไปทุกหน 
    กระทงน้อยลอยหายกลางสายชล 
    เฉกเช่นคนลับกายกลางสายธาร 
    
    เหตุกำเนิดเกิดไปย้อนให้คิด 
    ไม่มีผิดดังจิตอธิษฐาน 
    พรหมลิขิตขีดมาฟ้าบันดาล 
    จะทัดทานอย่างไรไม่มีวัน 
    
    แต่นั้นมาใจนี้มีแต่ช้ำ 
    เจ็บระกำซ้ำซากหมดอยากฝัน 
    คำที่เคยแหย่เย้ากระเซ้ากัน 
    สิ้นสัมพันธ์กลับย้อนสะท้อนทรวง 
    
    ต้องหลบหนีลี้กายไปที่อื่น 
    ขอดวงใจฉันคืนอย่าได้หวง 
    มันเจ็บช้ำเกินทนถูกคนลวง 
    ดั่งโดนบ่วงร้อยรัดอึดอัดใจ 
    
    กว่าจะได้สติตั้งอย่างวันนี้ 
    แทบจะสิ้นสมประดีรู้บ้างไหม 
    เหมือนไฟรุมสุมร่างกลางกองไฟ 
    แทบจะตายด้วยเขลาเบาปัญญา 
    
    ถึงวันนี้ทำใจได้ดังเห็น 
    แต่เมื่อคืนวันเพ็ญย้อนมาหา 
    อดสะท้านสะท้อนไหวในอุรา 
    เหตุเกิดมา คืนฝันวันลอยกระทง 
    
    
    คุณหนังสือฝากให้เก็บในhistory ..

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน