เฉิดฉันท์ตะวันฉาย ...(โคลงโอบฉันท์)

อัลมิตรา

โคลงโอบฉันท์
.....ทิพา.....คราเฟื่องฟ้า.............................อรุณฉาน 
สง่างาม.....อลังการ....................................เพริศแพร้ว 
ศิริข่าม*.....ยามขนาน................................เพรียกผ่าน- โลกนา 
อร่ามตา.....เลิศแล้ว....................................ล่วงล้ำสลัวคลาย ฯ 
.....สถิตย์วิจิตร......จ้า................................ไตรภูมิ 
วาระ.....พิศมัยฟูม-.....................................ฟักเฟื้อ 
อุมา.....ข่มโพยมธูม*..................................ขจัดมืด 
ประจักษ์ใจ.....ฉายเอื้อ...............................โอบอุ้มคุ้มครอง ฯ 
.....นิวัตน์.....อาจล่วงพ้น............................ราตรี 
ผงาดภพ.....สบรัศมี...................................หม่นแคล้ว 
กระจะนภ.....โลกีย์.....................................แจ่มจรัส
พิภพไตร.....โลกแกล้ว................................เกริกกล้าเกรียงไกร ฯ 
.....กระจ่าง.....สล้างเรื่อ...............................เหลือรจน์ สบถเฮย 
สว่างไกล.....ปรากฏ....................................ทั่วแคว้น 
รติใฝ่.....กำหนด.........................................พจน์พากย์ 
สิใคร่ชม.....สมแม้น.....................................มืดฟ้าชนม์สลาย ฯ 
.....ตะวัน.....ตระหง่านตั้ง...........................ตราบกัลป์- กัปป์นา 
สิมั่นจริง.....นิรันดร์....................................เลื่องหล้า 
ตบะยิ่ง.....อิงมหันต์-..................................คุณประโยชน์ 
มินิ่งตรม.....อ่อนล้า....................................เสื่อมสิ้นฤทธิไกร ฯ 
.....มนุษย์.....พึงเช่นเพี้ยง...........................สุรีย์ฉาน 
ประดุจสม.....กอปรกิจการ...........................ใหญ่น้อย 
มนะบ่ม.....สัตย์สมาน...................................เสมอจิต 
และข่มทุกข์.....คลาดคล้อย..........................ข่มข้ามสิงทรวง ฯ 
.....ขยัน.....พลันต่อสู้...................................ทุกสมัย 
และหมั่นเพียร.....เรียนไว............................ไม่ช้า 
ธุระเปลี่ยน.....เกษียณไป..............................เปี่ยมสุข สราญนอ 
เสถียรสุข.....คลุกคว้า..................................ใฝ่ข้างเคียงตน ฯ 
.
.....นิรันดร์.....กาลหากยั้ง..............................ยืนยง ชีพเฮย 
มิพรั่นทุก-.....คนทรนง..................................ส่งยิ้ม 
ทุรยุค.....เดชดำรง.... ...................................สิสงบ 
สิสุขสรรค์.....พลันพริ้ม..................................ดุจฟ้าสุรีย์ฉาน ฯ 

.....( อุเปนทรวิเชียรฉันท์ )..... 
.....ทิพาสง่างาม..................ศิริข่ามอร่ามตา 
สถิตย์วิจิตรวา-....................รอุมาประจักษ์ใจ 
นิวัตน์ผงาดภพ....................กระจะนภพิภพไตร 
กระจ่างสว่างไกล..................รติใฝ่สิใคร่ชม ฯ 
.....ตะวันสิมั่นจริง.................ตบะยิ่งมินิ่งตรม 
มนุษย์ประดุจสม...................มนะบ่มและข่มทุกข์ 
ขยันและหมั่นเพียร................ธุระเปลี่ยนเสถียรสุข 
นิรันดร์มิพรั่นทุกข์.................ทุรยุคสิสุขสรรค์ ฯ 


**
....ศิริข่าม...แปลว่า...ศิริ...มิ่งขวัญ...สง่า...ความงาม...สุกสว่าง ..( ข่าม..คงกระพัน คงมั่น)..
....โพยมธูม...เมฆหมอก
				
comments powered by Disqus
  • idaho

    9 พฤศจิกายน 2545 00:08 น. - comment id 94488

    ตะวันสิแจ่มจ้า...............ร้อนแรง
    แสงส่องดั่งเพลิงแดง......หม่นไหม้
    ร้อนแสบซ่านแสดง........เห็นอยู่
    เหงื่อใคร่ไหลย้อยได้.....นุ่นน้องช่วยซับ.
  • ***กฤษณะ***

    9 พฤศจิกายน 2545 07:54 น. - comment id 94531

    ^J^   ....................
    
    เก่ง..............ฯ
  • วรรณกาญจน์

    9 พฤศจิกายน 2545 10:02 น. - comment id 94546

    เป็นบุญทึ่ได้แวะเวียนมาอ่าน....มีมาอีกบ่อยๆ นะคะ จะติดตาม ~^_^~
  • monki

    9 พฤศจิกายน 2545 10:47 น. - comment id 94555

    โหย.. advanced อ่ะอัลมิตรา แต่งไม่ได้อ่ะแบบนี้
    
    ป.ล. ยัยไอซ์เธอแต่งโคลงอะไร ไมมีชื่อเค้าด้วย งง งง เง็ง เง็ง
  • คนผ่านมา

    9 พฤศจิกายน 2545 11:26 น. - comment id 94564

    เข้มแข็งดุจดวงอาทิตย์ งดงามดุจดั่งจันทร์
    อัลมิตราครับ ผมมาเยี่ยมเยียนคุณเสมอ มารับรู้สื่อทีคุณเขียน ถึงผมจะเขียนบทกวีเช่นคุณไม่เป็น แต่ผมพึงพอใจมากที่ได้อ่านของคุณบ่อยๆ  ครั้งนี้คุณเขียนเหมือนปลอบใจผม หรือเปล่า.. ผมขอยกผลประโยชน์ให้ตัวผมเอง ขอบคุณครับ
  • windsaint

    9 พฤศจิกายน 2545 12:37 น. - comment id 94566

    ม่ายรุเรื่อง อิอิ
  • หว่ออ้ายหนี่

    9 พฤศจิกายน 2545 23:13 น. - comment id 94647

    อจารณ์  โฆตรยาวเลย  แต่แบบว่าซะใจในรสชาติอ่ะนะ
    
    
  • อัลมิตรา

    10 พฤศจิกายน 2545 12:19 น. - comment id 94694

    ไอดาโฮ่ ....เอาชื่อเจ้ามังกิมาล้ออ่ะ 5555 นุ่นๆๆๆ
    **
    คุณกฤษณะ ....ขอบคุณค่ะ
    **
    ป้าส้ม ....ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ
    **
    มังกิ ....อื้อ ตอนแรกจะเอาจากคาราบาวตะวันแดงมาเขียน แต่พอดีฟังเพลงเก็บตะวัน เลยเปลี่ยนคอนเซปท์น่ะ
    **
    คุณคนผ่านมา .... ค่ะ ความหมายของโคลงโอบฉันท์ชุดนี้คือ เข้มแข็งดุจดวงอาทิตย์ และงดงามดั่งจันทร์ ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้กำลังใจเสมอ
    **
    เจ้าลม ....บรรทัดไหนไม่เข้าใจจ๊ะ เขียนความหมายให้แล้วนี่นา ที่ยากๆนะ ถามครูไหวสิ อันไหนไม่เข้าใจ..
    **
    หว่ออ้ายหนี่ ....โคตร เขียนอย่างนี้จ๊ะ ..
    
    ..ด้วยมิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ขอบคุณสำหรับน้ำใจในทุกๆท่าน ...
  • ก๊อง

    10 พฤศจิกายน 2545 13:57 น. - comment id 94715

    ทิพาสง่าหรือ...............ฤ จะถือร่ำลือผอง
    วิจิตรสถิตครอง............มนตรองคระลองเพลิน
    
    เพราะวันจะสรรเอก.......รุจิเรขภิเษกเชิญ
    วิวิธประดิษฐ์เมิล...........สรเสริญเจริญตา
    
    ประดาประสาสบ...........คณะพบประจบมา
    ประสานประทานกา-......รุญหาสง่าเหมือน
    
    ฉะนี้วิถีทรรศ...............นชัดวิรัตน์เตือน
    ทิพาประภาเยือน.........รวิเลือนเสมือนลา.
    
    
    
  • rain..

    10 พฤศจิกายน 2545 14:11 น. - comment id 94720

            ขยัน..พลันต่อสู้...ทุกสมัย..
              ชอบตรงนี้จังค่ะ....
  • อัลมิตรา

    10 พฤศจิกายน 2545 20:46 น. - comment id 94807

    ขอบคุณค่ะปู่ก๊อง ..ตอบมาเป็นฉันท์ ยังขาดโคลงนะคะ ..กิ..กิ ..ทวงค่ะ ทวง...
    
    น้องเรน ...ดีใจจังค่ะ ที่น้องเรนชอบ ..พระอาทิตย์กับพระจันทร์ต่างก็มีจุดเด่นต่างกัน แต่ที่สำคัญคือความเป็นนิรันดร์ค่ะ ..

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน