หยาดน้ำค้างเคลียหมอกเหมือนหยอกล้อ นกเขาคลอเสียงใสแข่งไก่ขัน ดอกไม้คลี่กลีบมารับตาวัน คือเช้านั้นตอนที่ฉันมีเธอ สรรพสิ่งสดสวยเติมด้วยฝัน จึงเก็บมันเอาไว้ในใจเสมอ เก็บเป็นความประทับใจที่ได้เจอ เก็บมาเพ้อถึงบ้างเมื่อห่างไกล อารมณ์คนเขียนกลอนต้องอ่อนหวาน รู้คิดอ่านรู้จักซ่อนความอ่อนไหว คำพูดเธอทุกคำจำฝังใจ หยิบมาใส่มาถวิลทุกชิ้นงาน ทั้งรสความรสคำทำให้ครบ ให้อ่านจบแล้วคุ้มค่าที่มาอ่าน สายธารสวย ฟ้าใส ดอกไม้บาน อยู่ในจินตนาการละเมียดละไม ลมหนาวเริ่มล่องฟ้ามาบาดผิว หมอกทอริ้วลอยลมมาห่มให้ แม้เมื่อนับระยะทางจะห่างไกล แต่กลางใจตอนนี้ยังมีเธอ
20 ตุลาคม 2545 15:04 น. - comment id 89756
แม้เมื่อนับระยะทางจะห่างไกล... แต่กลางใจตอนนี้....อยากมีเธอ....... .....เพราะมากคะ.....แต่ที่ต่อนี้เผื่อไว้ใช้เองคะ......อิอิ
20 ตุลาคม 2545 16:11 น. - comment id 89768
นับถือด้วยความจริงใจครับ...
20 ตุลาคม 2545 16:51 น. - comment id 89782
เข้าถึงใจ คุ้มค่าที่มาอ่าน
20 ตุลาคม 2545 16:54 น. - comment id 89784
ทำไมเปลี่ยนชื่อเสียล่ะ
20 ตุลาคม 2545 18:50 น. - comment id 89809
ลุงเวทย์เขียนดี๊ดีคับ อิอิ
20 ตุลาคม 2545 18:57 น. - comment id 89812
:) ชื่อไม่สำคัญหรอกค่ะ ลุงเวทย์ .. หัวใจอันตรายจริงๆแฮะ ..
20 ตุลาคม 2545 21:34 น. - comment id 89834
พราวน้ำตาเคลียแก้มแต้มใจฝัน ราวตะวันขวัญกลางใจลาเลือนหาย ดอกไม้เอยเลยลาลับมากลับกลาย แสงจันทร์ฉายไร้หยาดหวานผ่านคืนเพ็ญ มวลไม้ไทยในวันนี้หรี่หรุบดอก ราวช้ำชอกตอกคำลาคนเคยเห็น น้ำค้างพราวดาวร่ำไห้ในคืนเพ็ญ จันทร์ดวงเด่นเร้นหลีกกายให้หลงรอ เคยออดอ้อนวอนด้วยใจไยลาจาก มาจำพรากจากไปให้เพ้อพ้อ ไทยโพเอมนับแต่นี้คงเฝ้ารอ ใจละอออ่อนละมุนเคยอุ่นไอ หวานดอกไม้คงไม่เท่าสายไยรัก ที่เพียรถักทอฝันวันสวยใส สารธารเอยเคยระรินชื่นฉ่ำใจ มาจากไกลใยเหว่ว้ารอท่าเธอ กลางกระท่อมน้อยคืนนี้หรี่ไฟฝัน คนช่างฝันทุกวันคืนคอยเสนอ บทกวีงามงดหมดจดแรงรักเธอ กลับฝันเก้อละเมออยู่เพียงผู้เดียว... อาลัยอาวรณ์คุณเวทย์นะที่กำลังจะจากไป..ดูดอกไม้ราวหุบกลีบ ไม่หวานหอมอย่างเคย.. พระจันทร์หวานฉ่ำราวลูกพีชสีทองก็ดูราวหมองไหม้..เปลี่ยนเป็นพระจันทร์สีน้ำเงินในใจหมองไหม้..
20 ตุลาคม 2545 21:37 น. - comment id 89835
ในใจไหม้หมองจริงๆนะ ด้วยรักศรัทธาในงานงามค่ะ
20 ตุลาคม 2545 21:52 น. - comment id 89838
ถ้ามีงานชิ้นใหม่ จะมาลงที่ไทยโพเอมอีก เพียงแต่ไม่ใช่ในชื่อเวทย์ คนรักงานกวี ต้องเดาออกว่าใครเขียน จุดสังเกตอย่างหนึ่งคือ จะไม่ login และยังแวะเวียนมาทักทาย อย่างน้อยก็ที่ตรงนี้
20 ตุลาคม 2545 22:20 น. - comment id 89850
หยาดน้ำค้างพร่างพรายในสายหมอก เหมือนดั่งตอกให้คิดพิศวง หากลาลับไปแล้วดั่งจำนงค์ ศิษย์ยังคงอาลัยให้จรดจาร จะรำลึกถึงครูโคลงโยงใจให้ เรียบเรียงใจในงานศิลป์ให้ไพศาล ร่วมจรรโลงสืบทอดเป็นตำนาน แม้ผ่านกาลชั่วกัลป์มิลืมเลือน เมื่อคำเดินความดำเนินตามไปด้วย ครูสอนช่วยให้คิษย์ย้ำทำเสมือน มาแนะนำจำไว้ในใจเตือน มิให้เผื่อนเกลื่อนคำพรรณา ถ้วนบทความตามแจ้งแสดงเห็น ครูเปรียบเช่นญาติสนิทที่คิดหา ประนมมือก้มกราบกับบาทา ขอย้ำว่าศิษย์นี้มิมีเลือน ..( ขอบคุณค่ะ )
20 ตุลาคม 2545 22:21 น. - comment id 89851
แหะ แหะ ..ใช้คำซ้ำอีกแล้ว จะโดนชำแหล่ะ ไหมเนี่ย .. ขออภัยค่ะ ลุงเวทย์ ..กิ..กิ..
21 ตุลาคม 2545 00:15 น. - comment id 89866
ไมอ่าไมอ่า ไมต้องสุดท้ายด้วยอ่า
21 ตุลาคม 2545 00:16 น. - comment id 89867
ขออนุญาต เรียนรู้ไว้ครับ
21 ตุลาคม 2545 07:29 น. - comment id 89894
.เรนติดตามอ่าน..บทกลอน..ของคุณ..ตลอดเวลา... เรนชอบที่ใช้สื่อ..ภาษากลอน..ที่อ่อนหวาน.. ม่ายรู้ดิค่ะ.. เหมือนความรู้สึกว่า.. ทุกอย่างที่เรนด้ายอ่าน..จากบทกลอนของคุณ... ทำให้เรนมองเห็นภาพ..สื่อความรู้สึก.. อ่อนโยน.. เรนรัก..บทกวีของคุณจัง.. อย่าหายปาย..นะค่ะ.. เรนขอร้อง.. ขอบคุณค่ะ...
21 ตุลาคม 2545 09:11 น. - comment id 89907
มีคนอีกมากที่เขียนได้ดี ผมเองก็ไม่มีเวลาให้กับตรงนี้มากนัก คิดว่าผมเป็นแค่คนผ่านทางมาสิ เวทย์ เกิดมาเพียงเพื่อเยี่ยมเยือนที่นี่ เดิมคิดว่าจะกลับออกมาอย่างเงียบๆ หายไปเฉยๆ แต่ พุดพัดชา ขอให้อยู่ ก็รับปากได้เพียงว่าแม้ห่างเหิน ก็ไม่ห่างหาย คงมีสักวันที่ผมเขียนร้อยกรองอีก ก็จะเอามาลงที่นี่ เพียงแต่ไม่ใช้ชื่อเวทย์ ชื่อคนเขียนคงไม่สำคัญกว่าชิ้นงาน หรือบางที ก็จะเอามา post ไว้ที่หน้านี้ เพราะจะกลับมาเยือนที่หน้านี้เนืองๆ เผื่อใครมาฝากความคิดถึงกันไว้ สำหรับน้องเรน ลุงอยู่เชียงใหม่ อีเมลถึงลุงได้ถ้าต้องการคำแนะนำอะไร เพราะหนูจิตใจบริสุทธิ์จนน่ายกย่อง อยากสอนหนูเขียนด้วยซ้ำไป
21 ตุลาคม 2545 10:54 น. - comment id 89918
เราคิดและมองโลกมองคนเหมือนกันหลายด้านเลยค่ะ รวมทั้งงานที่เรียบง่ายรักธรรมชาติธรรมดาๆ จะรอคุณกลับมาและคิดว่าจะรู้นะไม่ว่าจะนานแค่ไหน พุดพัดชาก็คงจะลาไปเช่นกัน แต่หากหัวใจและไฟฝันมันกลับสว่างโพลงระยะนี้ เลยรอเวลาอีกนิด..ทั้งๆที่หัวใจดวงนี้ก็ไม่อยากยึดติดเฉกเช่นกัน
21 ตุลาคม 2545 16:27 น. - comment id 89978
อย่าไปเลยครับลุง....ผมเห็นว่าลุงคือผู้ที่มีความสามารถและเป็นคนที่รับฟังปัญหาหลานๆตลอดมา....
21 ตุลาคม 2545 18:06 น. - comment id 90000
ต่างคนต่างมีพันธะหน้าที่แตกต่างกันไป ผมชอบทำอะไรอย่างทุ่มเท จนทำ2อย่างพร้อมกันไม่ได้ จะเข้าทำนองจับปลาสองมือ แต่อย่างน้อย ผมได้หว่านเมล็ดพันธุ์ที่ควรหว่านลงในดินแล้ว และจะรอดูมันงอกงาม เติบโต โดยไม่ลืมที่จะกลับมาเยือนเป็นครั้งครา สำหรับเด็กๆที่ต้องการคำปรึกษา อีเมลถึงลุงได้เสมอ แต่ไม่ต้องแถมไวรัสไปนะ
21 ตุลาคม 2545 21:25 น. - comment id 90028
ขออนุญาตค่ะ รูปให้งามตามแบบเบื้องเรื่องร้อยสาร รสให้หวานด้วยน้ำคำร่ำอักษร กลิ่นให้หอมห้อมแห่งสุขทุกบทตอน เสียงสะท้อนเพริศไพเราะเสนาะนาน สัมผัสคำสัมผัสใจจำให้แม่น สัมผัสแล่นเพียงแผ่ววะแว่วหวาน สัมผัสจิตคิดร้อยสร้อยกลกานท์ สัมผัสสารสัมผัสแก้วแววกวี ...
21 ตุลาคม 2545 22:09 น. - comment id 90059
เสียดายนะ ทุกอย่างไม่ได้มีเฉพาะด้านที่สวยงาม มิฉะนั้นบทกลอนของศาลาไทยบทนี้จะหาที่ติมิได้เลย
22 ตุลาคม 2545 00:00 น. - comment id 90094
มารับฟังค่า
22 ตุลาคม 2545 01:21 น. - comment id 90119
เรนตื่น..มากลางดึก... เปิดเข้ามาพบ...ดีใจ..มากค่ะ.. ที่คุณลุงเวทย์...เมตตาเรน... เรน..จาเมล์หา...คุณลุง..คงม่ายว่าเรนกวน..นะค่ะ.. เรนจาถามๆๆๆ...จนลุงเวทย์..บอกว่า.. ยัยเรนนน!!!.. พอด้ายแย้วว.. อิอิอิ.. ก้อ..เรน.. ชอบที่จากวน..อะดิค่ะ.. พระจันทร์สวยจัง... เรนอยากแต่งบทกลอน.. สวยมาก...นะค่ะ..
22 ตุลาคม 2545 08:25 น. - comment id 90143
มิ่งแม่โดมโน้มใจให้อ่อนน้อม แม้ไม่ยอมสยบให้ใครทั้งสิ้น เลือดเหลืองแดงตามองดาวเท้าติดดิน มั่นดวงจินต์จะก้าวไปรับใช้ชน อยู่ในใจประจำคือธรรมจักร สัญญลักษณ์แห่งผู้รู้เหตุผล ไม่ผยองมองข้ามเหยียดหยามคน แต่เตือนตนให้ใจสูงอย่างยูงทอง ฝากแก่สายเลือดเหลืองแดงทุกคน
22 ตุลาคม 2545 12:48 น. - comment id 90178
คิดถึง สวนศิลป์ถิ่นเนานอนตอนหนหลัง กิจกรรมนำทางสร้างพลัง ก่อความหวังจุดไฟฝันวันฟ้างาม ห่วงใย ยุคสมัยเปลี่ยนแปลกมากหลากเหลือหลาม ใครหนอจักสร้างเมืองให้เรืองราม ฝากคำถามถึงทุกคนตามหนทาง เข้าใจ ความเป็นไปย่อมจักมีที่แตกต่าง อุดมการณ์ ณ จุดเดิมเริ่มเลือนลาง คนเคียงข้างล้วนจากไปตามใจตน รัก ยูงทองต่อกิ่งก้านบานเต็มต้น เจ้าพระยายังรี่ไหลตรึงใจคน สานสืบผลรองเรืองสีเหลืองแดง
22 ตุลาคม 2545 17:23 น. - comment id 90243
.....คิดถึงโดมกลางแสงเดือนริมเขื่อนขวัญ กับคืนวันหวานล้ำร่ำเรียกหา ความอบอุ่นอาบแสงแห่งแววตา โดยศรัทธาน้องพี่มีเยื่อใย หางนกยูงสูงตระหง่านบานแฉล้ม เหลืองปนแดงแต่งแต้มวันแจ่มใส ทุกวันนี้ยังเสมือนเครื่องเตือนใจ คอยเตือนให้ถวิลหาทุกนาที....... ยินดีที่รู้ว่าเลือดเหลืองแดงที่ยังมั่นคงในจิตวิญญาณธรรมศาสตร์
22 ตุลาคม 2545 19:39 น. - comment id 90292
หางนกยูงสูงลิ่วเป็นทิวแถว ระดะแนวดอกเกลื่อนเถื่อนถนน ทั้งเหลืองแดงแฝงส้มผสมปน ยามได้ยลหยุดยิ้มด้วยอิ่มใจ เหมือนเย้าโยกโบกกิ่งจะทิ้งก้าน แลละลานเล่นล้อต่อลมไหว เพียงครั้งหนึ่งผ่านมาลาลับไป ภาพพิมพ์ในห่อนจืดจาง...หางนกยูง
22 ตุลาคม 2545 21:27 น. - comment id 90314
ถ้าเพียงหนูศาลาไทยยอมใช้ อิ่มหทัย ที่บทแรก (แทน ด้วยอิ่มใจ ) แล้วเอา ใจ มาลงวรรคจบ จะสวยกว่าเยอะเลย
23 ตุลาคม 2545 08:31 น. - comment id 90445
ลองแก้ไขตามที่แนะนำแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะลุงเวทย์ หางนกยูงสูงลิ่วเป็นทิวแถว ระดะแนวดอกเกลื่อนเถื่อนถนน ทั้งเหลืองแดงแฝงส้มผสมปน ยามได้ยลหยุดยิ้มอิ่มหทัย เหมือนเย้าโยกโบกกิ่งจะทิ้งก้าน แลละลานเล่นล้อต่อลมไหว เพียงครั้งหนึ่งผ่านมาลาลับไป ภาพพิมพ์ใจห่อนจืดจาง...หางนกยูง
23 ตุลาคม 2545 10:39 น. - comment id 90456
บางครั้งคนอ่านก็เห็นมากกว่าคนเขียน ประเภทเซียนข้างสนามน่ะ เล่นเองไม่ค่อยได้เรื่องสักคน แต่เราต้องรู้จักรับฟัง ไม่ทำตัวให้เข้าตำรา ชาล้นถ้วย
23 ตุลาคม 2545 10:43 น. - comment id 90457
อีกนิดนะ... แลละลานเล่นล้อต่อลมไหว ถ้าแก้เป็น แลละลานระริกช่อล้อลมไหว หนูศาลาไทยลองพิจารณาดูนะ
24 ตุลาคม 2545 12:53 น. - comment id 90782
ลองแก้ไขเพิ่มเติมดูแล้ว ภาพชัดกว่ากันเยอะเลยค่ะ อาจจะติดเรื่องเสียงไปหน่อย แต่รวมความแล้วดีกว่า ขอบคุณอีกครั้งค่ะลุงเวทย์ หางนกยูงสูงลิ่วเป็นทิวแถว ระดะแนวดอกเกลื่อนเถื่อนถนน ทั้งเหลืองแดงแฝงส้มผสมปน ยามได้ยลหยุดยิ้มอิ่มหทัย เหมือนเย้าโยกโบกกิ่งจะทิ้งก้าน แลละลานระริกช่อล้อลมไหว เพียงครั้งหนึ่งผ่านมาลาลับไป ภาพพิมพ์ใจห่อนจืดจาง...หางนกยูง ... เขียนเพิ่มมาให้อีกสองบทนะคะ :) คือความหลังครั้งเยาว์วัยในวันก่อน แดดสะท้อนส่องประกายสายน้ำไหล ยามยูงทองออกดอกบานเต็มลานใจ ยังวาบไหวตรึงตราอยู่มิรู้เลือน หยุดทุกสิ่งนิ่งแล้วคิดชีวิตนี้ คงไหลรี่ดังสายน้ำย้ำความเหมือน เกินจักย้อนผ่อนคืนแล้วแก้วตาเตือน เจ้านกเถื่อนจำโผบินท่องถิ่นไกล
24 ตุลาคม 2545 18:23 น. - comment id 90843
ไหนว่าจะเรียก อาเวทย์ ไง ยังเรียกลุงอยู่อีก ( อายุอาน้อยกว่าคุณพ่อหนู)
5 พฤศจิกายน 2545 09:28 น. - comment id 93682
หากการมีชีวิตอิสระ คือการละกฏกรอบไร้ขอบขวาง แล้วเข้ารกเข้าพงเดินหลงทาง ทุกก้าวย่างย่อมนำตกต่ำลง ยิ่งดุ่มเดินด้นไปอย่างไร้ทิศ ทางที่เหมือนมืดมิดยิ่งผิดหลง มิอาจถึงปลายทางอย่างจำนง แต่เวียนวงวกวนจำนนใจ แล้วสุดท้ายทุกข์ท้อก็โถมทับ จนล้มพับยอมแพ้เกินแก้ไข กลางป่าลึกหลืบเร้นมิเห็นใคร มีแต่ภัยที่พร้อมรุมล้อมมา โดยไม่อาจคาดหวังถึงการพึ่งมิตร ที่เธอเคยลืมคิดเห็นคุณค่า แต่ระเริงเสรีแห่งชีวา ลืมนำพาผิดชอบคนรอบกาย คำพังเพยเอ่ยไว้นกไร้ขน เปรียบเปรยคนขาดเพื่อนเลือนจุดหมาย ข้อกำหนดกฎกรอบที่รอบราย อย่านึกหน่ายแต่ต้องแน่วยึดแนวทาง มีระเบียบแบบวิถีนำชีวิต ย่อมมีมิตรรายล้อมพร้อมเคียงข้าง มิใช่กรงแต่คือกรอบระบอบวาง ทุกก้าวย่างถูกทิศไม่บิดเบือน
19 พฤศจิกายน 2545 19:22 น. - comment id 96572
เมื่อน้ำนิ่งทิ้งตะกอนให้นอนก้น หากกวนจนข้นขุ่นวุ่นวายไฉน ตรองสักนิดอย่าคิดแค่สาแก่ใจ ทำเรื่องใหญ่เป็นเรื่องย่อย...แค่ปล่อยวาง มีหลายคนที่เขียนกลอนแล้ว หากอ่านแค่บทใดบทหนึ่งแทบจะไม่รู้เรื่อง (บางทีอ่านทั้งหมดยังไม่รู้เรื่องก็มี) ทั้งนี้เป็นเพราะไม่มีการวางเค้าโครงของเนื้อความ แต่เป็นแบบกลอนพาไป เลยเลอะเลือน หรือไม่ก็วกวน
20 พฤศจิกายน 2545 23:11 น. - comment id 96759
บทกลอน..ไม่ช่ายแค่ภาษาที่สวยงามอย่างเดียว.. เช้าวันที่จิตจัยสับสน.. อารมณ์ที่ม่ายนิ่ง.. พบบทกลอน..ของลุงเวทย์... เรนขอบคุณมากๆค่ะ.. อาจไม่มีครัยเชื่อ... เรนเปน.แบบนั้นจริงๆ.. ตรองสักนิด..อย่าคิดแค่สาแก่จัย... ทำเรื่องใหญ่..เปนเรื่องย่อย..แค่ปลอยวาง. บทกลอน..ที่หยุด..อารมณ์พาล...ของเรน.. ค่ะ..แค่ปล่อยวาง..เรนทำอย่างที่ลุงเวทย์... บอกนะค่ะ.... ทุกอย่าง..ผ่านไปด้วยดี.. ขอบคุณค่ะ.....
21 พฤศจิกายน 2545 09:20 น. - comment id 96877
ถ้ากลอนของสุนทรภู่มีแค่ความไพเราะ ท่านคงไม่ได้ถูกเทิดทูนเป็น บรมครู หรอก บางที การมองเลยรูปแบบเข้าไปถึงเนื้อหา ก็เป็นสิ่งที่ขาดไป ในนิสัยคนไทย คนไทยถึงทำอะไรไม่ค่อยได้เรื่องนัก เป็นเล่นไปหมด
13 ธันวาคม 2545 21:00 น. - comment id 100680
เสียงกลอนแทรกหมอกหม่นสนกระซิบ ธารใสไหลเงียบกริบกรวดพริบแสง ตะวันวาดแดดสายส้มพรายแดง ใบไม้แห้งกราวไหวในสายลม ฤดูหนาวระบายโศกสีโลกหมอง เหม่อตาจ้องหน้าต่างเหงาใจเศร้าขม หากเสียงกลอนที่แว่วโอดเชิดโสตชม เช็ดโศกช้ำจากอกตรมหายกรมกรอม. ขอบคุณสำหรับงานกลอนดี ๆ ครับ. มีจังหวะงาม...อ่านแล้วปลุกจินตนาการดี. ขอแจม.
15 ธันวาคม 2545 20:30 น. - comment id 100967
คุณอักขระ : ความจริงเราจะไม่มีโอกาสรู้จักกัน เพราะผมตั้งใจจะกลับไปสู่โลกที่หลบมาชั่วคราว แต่ที่ยังรั้งรออยู่ เพราะคิดว่า ถ้าอยากชมบัว ก็ต้องปลูกบัว เลยอยู่ปลูกบัวอีกสักระยะ ..............เลยติดลม ตอนนี้ก็กำลังเขียนงานชิ้นยาว แต่เนื้อหาหนัก คงไม่ใช่แบบที่คุณชอบ ..............ขอบคุณที่มาแจม