บทกวี...กลางใจ

เวทย์

หยาดน้ำค้างเคลียหมอกเหมือนหยอกล้อ
นกเขาคลอเสียงใสแข่งไก่ขัน
ดอกไม้คลี่กลีบมารับตาวัน
คือเช้านั้นตอนที่ฉันมีเธอ
สรรพสิ่งสดสวยเติมด้วยฝัน
จึงเก็บมันเอาไว้ในใจเสมอ
เก็บเป็นความประทับใจที่ได้เจอ
เก็บมาเพ้อถึงบ้างเมื่อห่างไกล
อารมณ์คนเขียนกลอนต้องอ่อนหวาน
รู้คิดอ่านรู้จักซ่อนความอ่อนไหว
คำพูดเธอทุกคำจำฝังใจ
หยิบมาใส่มาถวิลทุกชิ้นงาน
ทั้งรสความรสคำทำให้ครบ
ให้อ่านจบแล้วคุ้มค่าที่มาอ่าน
สายธารสวย ฟ้าใส ดอกไม้บาน
อยู่ในจินตนาการละเมียดละไม
ลมหนาวเริ่มล่องฟ้ามาบาดผิว
หมอกทอริ้วลอยลมมาห่มให้
แม้เมื่อนับระยะทางจะห่างไกล
แต่กลางใจตอนนี้ยังมีเธอ				
comments powered by Disqus
  • p(^_^)/

    20 ตุลาคม 2545 15:04 น. - comment id 89756

    แม้เมื่อนับระยะทางจะห่างไกล... แต่กลางใจตอนนี้....อยากมีเธอ.......
    .....เพราะมากคะ.....แต่ที่ต่อนี้เผื่อไว้ใช้เองคะ......อิอิ
    
  • ติตรากร

    20 ตุลาคม 2545 16:11 น. - comment id 89768

    นับถือด้วยความจริงใจครับ...
  • ภีม

    20 ตุลาคม 2545 16:51 น. - comment id 89782

    เข้าถึงใจ  คุ้มค่าที่มาอ่าน
  • ภีม

    20 ตุลาคม 2545 16:54 น. - comment id 89784

    ทำไมเปลี่ยนชื่อเสียล่ะ
  • windsaint

    20 ตุลาคม 2545 18:50 น. - comment id 89809

    ลุงเวทย์เขียนดี๊ดีคับ อิอิ
  • อัลมิตรา

    20 ตุลาคม 2545 18:57 น. - comment id 89812

    :)
    
    ชื่อไม่สำคัญหรอกค่ะ ลุงเวทย์ .. หัวใจอันตรายจริงๆแฮะ ..
  • พุดพัดชา

    20 ตุลาคม 2545 21:34 น. - comment id 89834

    พราวน้ำตาเคลียแก้มแต้มใจฝัน
    ราวตะวันขวัญกลางใจลาเลือนหาย
    ดอกไม้เอยเลยลาลับมากลับกลาย
    แสงจันทร์ฉายไร้หยาดหวานผ่านคืนเพ็ญ
    
    มวลไม้ไทยในวันนี้หรี่หรุบดอก
    ราวช้ำชอกตอกคำลาคนเคยเห็น
    น้ำค้างพราวดาวร่ำไห้ในคืนเพ็ญ
    จันทร์ดวงเด่นเร้นหลีกกายให้หลงรอ
    
    เคยออดอ้อนวอนด้วยใจไยลาจาก
    มาจำพรากจากไปให้เพ้อพ้อ
    ไทยโพเอมนับแต่นี้คงเฝ้ารอ
    ใจละอออ่อนละมุนเคยอุ่นไอ
    
    หวานดอกไม้คงไม่เท่าสายไยรัก
    ที่เพียรถักทอฝันวันสวยใส
    สารธารเอยเคยระรินชื่นฉ่ำใจ
    มาจากไกลใยเหว่ว้ารอท่าเธอ
    
    กลางกระท่อมน้อยคืนนี้หรี่ไฟฝัน
    คนช่างฝันทุกวันคืนคอยเสนอ
    บทกวีงามงดหมดจดแรงรักเธอ
    กลับฝันเก้อละเมออยู่เพียงผู้เดียว...
    
    อาลัยอาวรณ์คุณเวทย์นะที่กำลังจะจากไป..ดูดอกไม้ราวหุบกลีบ ไม่หวานหอมอย่างเคย..
    พระจันทร์หวานฉ่ำราวลูกพีชสีทองก็ดูราวหมองไหม้..เปลี่ยนเป็นพระจันทร์สีน้ำเงินในใจหมองไหม้..
    
    
    
    
    
  • พุดพัดชา

    20 ตุลาคม 2545 21:37 น. - comment id 89835

    ในใจไหม้หมองจริงๆนะ
    ด้วยรักศรัทธาในงานงามค่ะ
  • เวทย์

    20 ตุลาคม 2545 21:52 น. - comment id 89838

    ถ้ามีงานชิ้นใหม่
    จะมาลงที่ไทยโพเอมอีก
    เพียงแต่ไม่ใช่ในชื่อเวทย์
    คนรักงานกวี  ต้องเดาออกว่าใครเขียน
    จุดสังเกตอย่างหนึ่งคือ  จะไม่ login
    และยังแวะเวียนมาทักทาย
    อย่างน้อยก็ที่ตรงนี้
  • อัลมิตรา

    20 ตุลาคม 2545 22:20 น. - comment id 89850

    หยาดน้ำค้างพร่างพรายในสายหมอก
    เหมือนดั่งตอกให้คิดพิศวง
    หากลาลับไปแล้วดั่งจำนงค์
    ศิษย์ยังคงอาลัยให้จรดจาร
    
    จะรำลึกถึงครูโคลงโยงใจให้
    เรียบเรียงใจในงานศิลป์ให้ไพศาล
    ร่วมจรรโลงสืบทอดเป็นตำนาน
    แม้ผ่านกาลชั่วกัลป์มิลืมเลือน
    
    เมื่อคำเดินความดำเนินตามไปด้วย
    ครูสอนช่วยให้คิษย์ย้ำทำเสมือน
    มาแนะนำจำไว้ในใจเตือน
    มิให้เผื่อนเกลื่อนคำพรรณา
    
    ถ้วนบทความตามแจ้งแสดงเห็น
    ครูเปรียบเช่นญาติสนิทที่คิดหา
    ประนมมือก้มกราบกับบาทา
    ขอย้ำว่าศิษย์นี้มิมีเลือน ..( ขอบคุณค่ะ )
  • อัลมิตรา

    20 ตุลาคม 2545 22:21 น. - comment id 89851

    แหะ แหะ ..ใช้คำซ้ำอีกแล้ว จะโดนชำแหล่ะ ไหมเนี่ย .. ขออภัยค่ะ ลุงเวทย์ ..กิ..กิ..
  • มังกี้

    21 ตุลาคม 2545 00:15 น. - comment id 89866

    ไมอ่าไมอ่า ไมต้องสุดท้ายด้วยอ่า
  • เชษฐภัทร

    21 ตุลาคม 2545 00:16 น. - comment id 89867

    ขออนุญาต เรียนรู้ไว้ครับ
  • rain..

    21 ตุลาคม 2545 07:29 น. - comment id 89894

        .เรนติดตามอ่าน..บทกลอน..ของคุณ..ตลอดเวลา...    เรนชอบที่ใช้สื่อ..ภาษากลอน..ที่อ่อนหวาน..   ม่ายรู้ดิค่ะ..  เหมือนความรู้สึกว่า..
         ทุกอย่างที่เรนด้ายอ่าน..จากบทกลอนของคุณ...   ทำให้เรนมองเห็นภาพ..สื่อความรู้สึก..
       อ่อนโยน..  เรนรัก..บทกวีของคุณจัง..
          อย่าหายปาย..นะค่ะ..  เรนขอร้อง..
       ขอบคุณค่ะ...
  • เวทย์

    21 ตุลาคม 2545 09:11 น. - comment id 89907

    มีคนอีกมากที่เขียนได้ดี
    ผมเองก็ไม่มีเวลาให้กับตรงนี้มากนัก
    คิดว่าผมเป็นแค่คนผ่านทางมาสิ
    เวทย์  เกิดมาเพียงเพื่อเยี่ยมเยือนที่นี่
    เดิมคิดว่าจะกลับออกมาอย่างเงียบๆ  หายไปเฉยๆ
    แต่ พุดพัดชา ขอให้อยู่  ก็รับปากได้เพียงว่าแม้ห่างเหิน ก็ไม่ห่างหาย
    คงมีสักวันที่ผมเขียนร้อยกรองอีก  ก็จะเอามาลงที่นี่  เพียงแต่ไม่ใช้ชื่อเวทย์
    ชื่อคนเขียนคงไม่สำคัญกว่าชิ้นงาน
    หรือบางที ก็จะเอามา post ไว้ที่หน้านี้
    เพราะจะกลับมาเยือนที่หน้านี้เนืองๆ เผื่อใครมาฝากความคิดถึงกันไว้
    สำหรับน้องเรน  ลุงอยู่เชียงใหม่  อีเมลถึงลุงได้ถ้าต้องการคำแนะนำอะไร  เพราะหนูจิตใจบริสุทธิ์จนน่ายกย่อง  อยากสอนหนูเขียนด้วยซ้ำไป
  • พุดพัดชา

    21 ตุลาคม 2545 10:54 น. - comment id 89918

    เราคิดและมองโลกมองคนเหมือนกันหลายด้านเลยค่ะ รวมทั้งงานที่เรียบง่ายรักธรรมชาติธรรมดาๆ จะรอคุณกลับมาและคิดว่าจะรู้นะไม่ว่าจะนานแค่ไหน พุดพัดชาก็คงจะลาไปเช่นกัน
    แต่หากหัวใจและไฟฝันมันกลับสว่างโพลงระยะนี้ เลยรอเวลาอีกนิด..ทั้งๆที่หัวใจดวงนี้ก็ไม่อยากยึดติดเฉกเช่นกัน
  • ต่อง (ต้อง) ksg

    21 ตุลาคม 2545 16:27 น. - comment id 89978

    อย่าไปเลยครับลุง....ผมเห็นว่าลุงคือผู้ที่มีความสามารถและเป็นคนที่รับฟังปัญหาหลานๆตลอดมา....
  • เวทย์

    21 ตุลาคม 2545 18:06 น. - comment id 90000

    ต่างคนต่างมีพันธะหน้าที่แตกต่างกันไป
    ผมชอบทำอะไรอย่างทุ่มเท  จนทำ2อย่างพร้อมกันไม่ได้
    จะเข้าทำนองจับปลาสองมือ
    แต่อย่างน้อย  ผมได้หว่านเมล็ดพันธุ์ที่ควรหว่านลงในดินแล้ว  และจะรอดูมันงอกงาม เติบโต  โดยไม่ลืมที่จะกลับมาเยือนเป็นครั้งครา
    สำหรับเด็กๆที่ต้องการคำปรึกษา  อีเมลถึงลุงได้เสมอ  แต่ไม่ต้องแถมไวรัสไปนะ
    
  • ศาลาไทย

    21 ตุลาคม 2545 21:25 น. - comment id 90028

    ขออนุญาตค่ะ
    
    รูปให้งามตามแบบเบื้องเรื่องร้อยสาร
    รสให้หวานด้วยน้ำคำร่ำอักษร
    กลิ่นให้หอมห้อมแห่งสุขทุกบทตอน
    เสียงสะท้อนเพริศไพเราะเสนาะนาน
    
    สัมผัสคำสัมผัสใจจำให้แม่น
    สัมผัสแล่นเพียงแผ่ววะแว่วหวาน
    สัมผัสจิตคิดร้อยสร้อยกลกานท์
    สัมผัสสารสัมผัสแก้วแววกวี ...
  • เวทย์

    21 ตุลาคม 2545 22:09 น. - comment id 90059

    เสียดายนะ   ทุกอย่างไม่ได้มีเฉพาะด้านที่สวยงาม
    มิฉะนั้นบทกลอนของศาลาไทยบทนี้จะหาที่ติมิได้เลย
  • idaho

    22 ตุลาคม 2545 00:00 น. - comment id 90094

    มารับฟังค่า
  • rainjung..

    22 ตุลาคม 2545 01:21 น. - comment id 90119

        เรนตื่น..มากลางดึก...
          เปิดเข้ามาพบ...ดีใจ..มากค่ะ..
        ที่คุณลุงเวทย์...เมตตาเรน...
        เรน..จาเมล์หา...คุณลุง..คงม่ายว่าเรนกวน..นะค่ะ..   เรนจาถามๆๆๆ...จนลุงเวทย์..บอกว่า..
        ยัยเรนนน!!!..  พอด้ายแย้วว..  อิอิอิ..
             ก้อ..เรน..   ชอบที่จากวน..อะดิค่ะ..
    
            พระจันทร์สวยจัง...
        เรนอยากแต่งบทกลอน..
        สวยมาก...นะค่ะ..
  • เวทย์

    22 ตุลาคม 2545 08:25 น. - comment id 90143

    มิ่งแม่โดมโน้มใจให้อ่อนน้อม
    แม้ไม่ยอมสยบให้ใครทั้งสิ้น
    เลือดเหลืองแดงตามองดาวเท้าติดดิน
    มั่นดวงจินต์จะก้าวไปรับใช้ชน
    
    อยู่ในใจประจำคือธรรมจักร
    สัญญลักษณ์แห่งผู้รู้เหตุผล
    ไม่ผยองมองข้ามเหยียดหยามคน
    แต่เตือนตนให้ใจสูงอย่างยูงทอง
    
    ฝากแก่สายเลือดเหลืองแดงทุกคน
  • ศาลาไทย

    22 ตุลาคม 2545 12:48 น. - comment id 90178

    คิดถึง
    สวนศิลป์ถิ่นเนานอนตอนหนหลัง
    กิจกรรมนำทางสร้างพลัง
    ก่อความหวังจุดไฟฝันวันฟ้างาม
    
    ห่วงใย
    ยุคสมัยเปลี่ยนแปลกมากหลากเหลือหลาม
    ใครหนอจักสร้างเมืองให้เรืองราม
    ฝากคำถามถึงทุกคนตามหนทาง
    
    เข้าใจ
    ความเป็นไปย่อมจักมีที่แตกต่าง
    อุดมการณ์ ณ จุดเดิมเริ่มเลือนลาง
    คนเคียงข้างล้วนจากไปตามใจตน
    
    รัก
    ยูงทองต่อกิ่งก้านบานเต็มต้น
    เจ้าพระยายังรี่ไหลตรึงใจคน
    สานสืบผลรองเรืองสีเหลืองแดง
  • เวทย์

    22 ตุลาคม 2545 17:23 น. - comment id 90243

    .....คิดถึงโดมกลางแสงเดือนริมเขื่อนขวัญ
    กับคืนวันหวานล้ำร่ำเรียกหา
    ความอบอุ่นอาบแสงแห่งแววตา
    โดยศรัทธาน้องพี่มีเยื่อใย
    
    หางนกยูงสูงตระหง่านบานแฉล้ม
    เหลืองปนแดงแต่งแต้มวันแจ่มใส
    ทุกวันนี้ยังเสมือนเครื่องเตือนใจ
    คอยเตือนให้ถวิลหาทุกนาที.......
    
    ยินดีที่รู้ว่าเลือดเหลืองแดงที่ยังมั่นคงในจิตวิญญาณธรรมศาสตร์
  • ศาลาไทย

    22 ตุลาคม 2545 19:39 น. - comment id 90292

    หางนกยูงสูงลิ่วเป็นทิวแถว
    ระดะแนวดอกเกลื่อนเถื่อนถนน
    ทั้งเหลืองแดงแฝงส้มผสมปน
    ยามได้ยลหยุดยิ้มด้วยอิ่มใจ
    
    เหมือนเย้าโยกโบกกิ่งจะทิ้งก้าน
    แลละลานเล่นล้อต่อลมไหว
    เพียงครั้งหนึ่งผ่านมาลาลับไป
    ภาพพิมพ์ในห่อนจืดจาง...หางนกยูง
  • เวทย์

    22 ตุลาคม 2545 21:27 น. - comment id 90314

    ถ้าเพียงหนูศาลาไทยยอมใช้  อิ่มหทัย  ที่บทแรก  (แทน ด้วยอิ่มใจ )
    แล้วเอา  ใจ  มาลงวรรคจบ   จะสวยกว่าเยอะเลย
  • ศาลาไทย

    23 ตุลาคม 2545 08:31 น. - comment id 90445

    ลองแก้ไขตามที่แนะนำแล้วค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะลุงเวทย์
    
    หางนกยูงสูงลิ่วเป็นทิวแถว
    ระดะแนวดอกเกลื่อนเถื่อนถนน
    ทั้งเหลืองแดงแฝงส้มผสมปน
    ยามได้ยลหยุดยิ้มอิ่มหทัย
    
    เหมือนเย้าโยกโบกกิ่งจะทิ้งก้าน
    แลละลานเล่นล้อต่อลมไหว
    เพียงครั้งหนึ่งผ่านมาลาลับไป
    ภาพพิมพ์ใจห่อนจืดจาง...หางนกยูง
  • เวทย์

    23 ตุลาคม 2545 10:39 น. - comment id 90456

    บางครั้งคนอ่านก็เห็นมากกว่าคนเขียน
    ประเภทเซียนข้างสนามน่ะ  เล่นเองไม่ค่อยได้เรื่องสักคน
    แต่เราต้องรู้จักรับฟัง  ไม่ทำตัวให้เข้าตำรา ชาล้นถ้วย
  • เวทย์

    23 ตุลาคม 2545 10:43 น. - comment id 90457

    อีกนิดนะ...
    แลละลานเล่นล้อต่อลมไหว
    ถ้าแก้เป็น
    แลละลานระริกช่อล้อลมไหว
    หนูศาลาไทยลองพิจารณาดูนะ
  • ศาลาไทย

    24 ตุลาคม 2545 12:53 น. - comment id 90782

    ลองแก้ไขเพิ่มเติมดูแล้ว  ภาพชัดกว่ากันเยอะเลยค่ะ
    อาจจะติดเรื่องเสียงไปหน่อย แต่รวมความแล้วดีกว่า
    ขอบคุณอีกครั้งค่ะลุงเวทย์
    
    หางนกยูงสูงลิ่วเป็นทิวแถว
    ระดะแนวดอกเกลื่อนเถื่อนถนน
    ทั้งเหลืองแดงแฝงส้มผสมปน
    ยามได้ยลหยุดยิ้มอิ่มหทัย
    
    เหมือนเย้าโยกโบกกิ่งจะทิ้งก้าน
    แลละลานระริกช่อล้อลมไหว
    เพียงครั้งหนึ่งผ่านมาลาลับไป
    ภาพพิมพ์ใจห่อนจืดจาง...หางนกยูง
    
    ... เขียนเพิ่มมาให้อีกสองบทนะคะ :)
    
    คือความหลังครั้งเยาว์วัยในวันก่อน
    แดดสะท้อนส่องประกายสายน้ำไหล
    ยามยูงทองออกดอกบานเต็มลานใจ
    ยังวาบไหวตรึงตราอยู่มิรู้เลือน
    
    หยุดทุกสิ่งนิ่งแล้วคิดชีวิตนี้
    คงไหลรี่ดังสายน้ำย้ำความเหมือน
    เกินจักย้อนผ่อนคืนแล้วแก้วตาเตือน
    เจ้านกเถื่อนจำโผบินท่องถิ่นไกล
  • เวทย์

    24 ตุลาคม 2545 18:23 น. - comment id 90843

    ไหนว่าจะเรียก อาเวทย์ ไง
    ยังเรียกลุงอยู่อีก ( อายุอาน้อยกว่าคุณพ่อหนู)
  • เวทย์

    5 พฤศจิกายน 2545 09:28 น. - comment id 93682

    หากการมีชีวิตอิสระ
    คือการละกฏกรอบไร้ขอบขวาง
    แล้วเข้ารกเข้าพงเดินหลงทาง
    ทุกก้าวย่างย่อมนำตกต่ำลง
    
    ยิ่งดุ่มเดินด้นไปอย่างไร้ทิศ
    ทางที่เหมือนมืดมิดยิ่งผิดหลง
    มิอาจถึงปลายทางอย่างจำนง
    แต่เวียนวงวกวนจำนนใจ
    
    แล้วสุดท้ายทุกข์ท้อก็โถมทับ
    จนล้มพับยอมแพ้เกินแก้ไข
    กลางป่าลึกหลืบเร้นมิเห็นใคร
    มีแต่ภัยที่พร้อมรุมล้อมมา
    
    โดยไม่อาจคาดหวังถึงการพึ่งมิตร
    ที่เธอเคยลืมคิดเห็นคุณค่า
    แต่ระเริงเสรีแห่งชีวา
    ลืมนำพาผิดชอบคนรอบกาย
    
    คำพังเพยเอ่ยไว้นกไร้ขน
    เปรียบเปรยคนขาดเพื่อนเลือนจุดหมาย
    ข้อกำหนดกฎกรอบที่รอบราย
    อย่านึกหน่ายแต่ต้องแน่วยึดแนวทาง
    
    มีระเบียบแบบวิถีนำชีวิต
    ย่อมมีมิตรรายล้อมพร้อมเคียงข้าง
    มิใช่กรงแต่คือกรอบระบอบวาง
    ทุกก้าวย่างถูกทิศไม่บิดเบือน
    
  • เวทย์

    19 พฤศจิกายน 2545 19:22 น. - comment id 96572

    เมื่อน้ำนิ่งทิ้งตะกอนให้นอนก้น
    หากกวนจนข้นขุ่นวุ่นวายไฉน
    ตรองสักนิดอย่าคิดแค่สาแก่ใจ
    ทำเรื่องใหญ่เป็นเรื่องย่อย...แค่ปล่อยวาง
    
    มีหลายคนที่เขียนกลอนแล้ว หากอ่านแค่บทใดบทหนึ่งแทบจะไม่รู้เรื่อง (บางทีอ่านทั้งหมดยังไม่รู้เรื่องก็มี)
    ทั้งนี้เป็นเพราะไม่มีการวางเค้าโครงของเนื้อความ  แต่เป็นแบบกลอนพาไป  เลยเลอะเลือน หรือไม่ก็วกวน
    
  • rain..

    20 พฤศจิกายน 2545 23:11 น. - comment id 96759

          บทกลอน..ไม่ช่ายแค่ภาษาที่สวยงามอย่างเดียว..  เช้าวันที่จิตจัยสับสน..  อารมณ์ที่ม่ายนิ่ง..
         พบบทกลอน..ของลุงเวทย์... เรนขอบคุณมากๆค่ะ..
         อาจไม่มีครัยเชื่อ...  เรนเปน.แบบนั้นจริงๆ..
           ตรองสักนิด..อย่าคิดแค่สาแก่จัย...
           ทำเรื่องใหญ่..เปนเรื่องย่อย..แค่ปลอยวาง.
       
         บทกลอน..ที่หยุด..อารมณ์พาล...ของเรน..
               ค่ะ..แค่ปล่อยวาง..เรนทำอย่างที่ลุงเวทย์...  บอกนะค่ะ....  ทุกอย่าง..ผ่านไปด้วยดี..
               ขอบคุณค่ะ.....
    
  • เวทย์

    21 พฤศจิกายน 2545 09:20 น. - comment id 96877

    ถ้ากลอนของสุนทรภู่มีแค่ความไพเราะ
    ท่านคงไม่ได้ถูกเทิดทูนเป็น บรมครู หรอก
    
    บางที การมองเลยรูปแบบเข้าไปถึงเนื้อหา  ก็เป็นสิ่งที่ขาดไป  ในนิสัยคนไทย
    
    คนไทยถึงทำอะไรไม่ค่อยได้เรื่องนัก  เป็นเล่นไปหมด
  • อักขระ อักษรศรัทธ์

    13 ธันวาคม 2545 21:00 น. - comment id 100680

    
    เสียงกลอนแทรกหมอกหม่นสนกระซิบ
    ธารใสไหลเงียบกริบกรวดพริบแสง
    ตะวันวาดแดดสายส้มพรายแดง
    ใบไม้แห้งกราวไหวในสายลม
    
    ฤดูหนาวระบายโศกสีโลกหมอง
    เหม่อตาจ้องหน้าต่างเหงาใจเศร้าขม
    หากเสียงกลอนที่แว่วโอดเชิดโสตชม
    เช็ดโศกช้ำจากอกตรมหายกรมกรอม.
    
    ขอบคุณสำหรับงานกลอนดี ๆ ครับ. มีจังหวะงาม...อ่านแล้วปลุกจินตนาการดี. ขอแจม.
  • เวทย์

    15 ธันวาคม 2545 20:30 น. - comment id 100967

    คุณอักขระ : ความจริงเราจะไม่มีโอกาสรู้จักกัน  เพราะผมตั้งใจจะกลับไปสู่โลกที่หลบมาชั่วคราว   แต่ที่ยังรั้งรออยู่ เพราะคิดว่า  ถ้าอยากชมบัว  ก็ต้องปลูกบัว  เลยอยู่ปลูกบัวอีกสักระยะ
    ..............เลยติดลม  ตอนนี้ก็กำลังเขียนงานชิ้นยาว  แต่เนื้อหาหนัก  คงไม่ใช่แบบที่คุณชอบ
    ..............ขอบคุณที่มาแจม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน