เพ็ญสิบสอง ส่องแสงแห่งสุขสันต์ คืนสวรรค์ จันทร์สกาวพราวไสว สาดสีนวล อวลอาบฟ้าอ่าอำไพ ต่างคลั่งไคล้ใฝ่ฝัน..วันลอยกระทง ! ริมฝั่งน้ำ ค่ำคืนรื่นเริงจิต หลายชีวิต หลากอารมณ์ สมประสงค์ หนุ่มควงสาว เคล้าคู่ดูเหมาะจง พร่ำคำหวานหว่านคำตรง ประสงค์ใจ เพลงรำวง ส่งรับกับรำโค้ง ใส่โสร่งโจงกระเบนเต้นรำร่าย สนุกสนาน บานเบ่ง เพลงเร้าใจ พลุตะไลไฟพะเนียงเสียงแตกดัง ฟ้าไสวไฟสว่าง ริมฝั่งน้ำ คนคลาคล่ำนำกระทงจงใจหวัง ภาวนาจิต อธิษฐาน มั่นประดัง ปล่อยกระทง ปลงอนิจจัง! อย่างตั้งใจ ลอยกระทง..ลงทยอย ลอยตามน้ำ ทิ้งเคราะซ้ำ กรรมซัด ลอยลัดหาย ตั้งจิตพร้อม น้อมขอขมา คงคาใหญ่ ขอพรชัยให้สุขสันต์ ใต้จันทร์ผ่อง ลอยกระทง..ปลงอนิจจังวตสังขาร ฝากสารธารผ่านไปให้ไหลล่อง เกิดแล้วดับ..ลอยลับหายในมุมมอง ตามครรลองของนที..วิถีธรรม กระทงเอ๋ย.. เปรยเปรียบเทียบชีวิต ต่างประดิษฐ์วิจิตรล้นบนผืนน้ำ แม่คงคานำพาไปไหลตามกรรม สู่สัจธรรม..ตามดีชั่วแห่งตัวตน เพ็ญสิบสอง..ส่องแสงแต่งสีเศร้า มาคละเคล้าผืนน้ำ เจิ่งล้ำล้น หลายหย่อมย่านยังขมขื่นสุดฝืนทน และหลายคนน้ำตานอง..มองเพ็ญนวล นั่งคร่ำครวญ ไร้กระทง..ไร้แสงเสียง เคียงวารี !
9 พฤศจิกายน 2554 06:32 น. - comment id 1214416
ต่างกระทงต่างคน ต่างตัวตนจนต่างกรรม ต่างจิตคิดต่างทำ ต่างน้อมนำต่ำสูงตน
9 พฤศจิกายน 2554 07:07 น. - comment id 1214419
ขออภัย! หทัยกาญจน์ที่ขานขับ ต้องต่อรับกับบทท้ายเพื่อให้จบ มันห้วนๆ ด้วนๆ ไม่ควรครบ ขออนุญาต จัดให้จบจนครบครัน ต่างกระทง ต่างตัวตนแสงยลส่อง ต่างมุมมอง ต่างชีวิตจะคิดฝัน เพ็ญสิบสอง ยังคงแสงแห่งตระการ ทุกหย่อมย่านย่อมสุขเศร้า..เคล้ากันไป อยู่ที่ใจ ..ใช่กระทง แสงส่งนวล
9 พฤศจิกายน 2554 08:20 น. - comment id 1214426
ลำนำวันเพ็ญเด่นดวงดายเดียว ลำนำแห่งกระทงสยาม ลำน้ำน่าน ใบตองอ่อนเจียดวางอย่างปราณีต บรรจงกรีดกลีบดอกออกเป็นแผ่น หยวกน้ำว้าจัดวางตามขวางแกน บัวกลีบแน่นพับติดจิตอ่อนตาม สุดเวิ้งน้ำเวิ้งฟ้าประดาดับ สะท้อนจับภาพเก่าเงาสยาม เปลวเทียนทองรองเรืองเมืองโอฬาร เหล่าเทวาแดนวิมานประทานพร พรุดอกไฟสว่างวาบขนาบน้ำ แตกดอกตามลำแสงราวแผลงศร วัฒนธรรมฟูเฟื่องเมืองอมร ทั้งเพลงกลอนสาวหนุ่มกลุ่มเด็กมี มาลัยร้อยกระทงลงตามแบบ พุทธธรรมฝังแนบแถบเทียนสี ธูปหอมหวนชวนดมชมวารี ลอยเป็นพลีบูชาคงคาชล อธิษฐานผ่านหน้าเทวาน้ำ ความดีงามทั่วแหล่งทุกแห่งหน นำศรัทธาข้าลอยไปในวังวน ให้ดิ่งท้นซึมหายเคล้าสายธาร เหล่ามาลีนี้เยี่ยงเคียงดวงใจ หว่านโปรยไปไหลล่องทั้งคลองสาน อภัยเถิดขอขมาต่อหน้าธาร เศร้าซมซานให้ลับกับเวิ้งชล เหลือความดีศรีศักดิ์จักคงไว้ หนุนนำใจให้สุขทุกแห่งหน ก้มหน้าน้อมแนบอิงตลิ่งชล ศรัทธาท้นอาบแสงแห่งจันทร์เพ็ญ กระทงทองลอยนิ่งสิ่งงามงด ยิ่งสวยสดแสงเงาเรามองเห็น เด่นอยู่นานบานฉ่ำจากย่ำเย็น จนเดือนเพ็ญสิ้นแสงแห่งนภา... บุหลันลอยดวง สว่าง กลางฟ้า กระจ่างใจ ... ริมฝั่งฝัน ปิงวังยมน่าน ผ่านสู่เจ้าพระยา ในราตรี... ที่กระทงสายพรายพริ้วพริบพราวราวพร่างเพชรแพร้วพร่าง กลางลำนำ ลำน้ำ สายธาร หวานวะวับแวม แกมประกายวูบไหวแตะแต้มดวงใจ ให้หนุ่มสาวเคล้าคลึงคลอ พนอนวลเนื้อละอียด เบียดละอ่อน แนบนุ่มนวลนาง นวลน้อง เฝ้าประคองรักประคองกระทงลงคงคาบูชารำลึกถึงพระคุณ..เทวีแห่งน้ำ.. ท่ามกลางลมหนาวพร่าง กลางจันทร์เพ็ญ พรมหวานพราย ให้ทุกดวงใจได้ฝากฝันฝากพลังรักพลังศรัทธาใจไทยทั้งชาติ ที่เชื่อกันมาแต่โบราณนานมาว่า.. แม่น้ำลำคลองทุกสายจะไหลรวมกันไปยังนัมทามหานที.. ที่ไหลผ่านไปยังพระธาตุจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ ดังนั้น การลอยกระทง จึงเป็นดั่งการสักการะต่อองค์พระธาตุบนสรวงสวรรค์ และเชื่อว่าเป็นการลอยทุกข์โศกโรคภัย ความเคราะห์ร้ายทั้งปวงออกไปจากชีวิต และแสดงความชื่นชมยินดีผูกพันใจต่อสายน้ำ ในชีวิตไทยโบราณที่มีบ้านอยู่ริมฝั่งนที และแทบทุกเรื่องราวในชีวีหนีไม่พ้นได้มาจากสายน้ำ ไม่ว่าอาหาร การสื่อสารเส้นทาง และแม้กระทั่งความรัก ที่มักมากับประเพณีเทศกาลจากลำน้ำ... หนุ่มสาวคงเพียรเฝ้าพะนอ ขออธิษฐานบานบนต่อแม่พระคงคา ให้บุหลันกลางฟ้าและดวงดารา..รับรู้รักนี้ ที่หนักแน่นมั่นคงซื่อตรงคงมั่น เป็นดั่งสักขีพยานใจ.. และในดวงใจดวง..ก็พลันคิดถึงสายน้ำปิง.. ในค่ำคืนนี้... ที่คงงามงดตระการตาตระการใจ พาให้ใจดวงฝันฝันฝันเฝ้าอยากไปฝากฝัน ไปชื่นชมดื่มด่ำล้ำลึกกับใครสักคนในคะนึง.. ดวงได้แต่ฝันสล้างพร่างละออพ้อเพ้อเห็น กระทงสายพรายพร้อยนับร้อยพันพรูพร่างกลางสายน้ำ งามอะคร้าวพราวพลอยราวสายสร้อยสายโซ่เพชร ร้อยดาวเรียงดวงรวงดาวมลังเมลืองเรืองรองกลางผืนน้ำ . ไหนจะกว๊านพะเยา ที่สายน้ำไม่ไหล พาให้ทุกดวงใจกังวลว่าทุกข์ตรมจะไม่ลอยพรากจากลาไปไหนพ้น เลยหัวใส..เรื่องอะไรจะลอยกระทงลงน้ำ.. สู้จุดโคมลอยไปในนภากาศ ให้วาดหวังมิดีกว่าหรือ และหากพร้อมใจจุดโคมลอยในเรือสักร้อยลำในกว๊านพะเยา กับให้ทุกหมู่บ้านรายรอบพร้อมใจจุดโคมลอยปล่อยพร้อมกันไป มีดอยบุษราคัมและดอยหนอกเป็นดั่งฉากหลัง ในช่วงเวลาอาทิตย์ลาลับฟ้า ดั่งฉากสวรรค์หวานเจือสีส้มแสดแสง..แดงแรงร้อนเร่า.. ให้งามเงาในน้ำดั่งกระจกสะท้อนเลื่อมพราย ราวมากโคมนับพันทวีคูณพูนเพิ่ม แค่นี้ก็คงงามพร่างกลางใจไทยทุกดวงแล้ว.. ดวงขอฝากลำน้ำบทเพลงสักขีแม่ปิง อิงหวานฉ่ำร่ำรมย์ให้ระรื่นชื่นฉ่ำใจมานะราตรีนี้นะคะ พร้อมกับบทเพลงกว๊านพะเยาค่ะ.... http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=303 ช..กุศล ดลพี่มาพบเจ้า ใจพี่ยังร้อนผ่าว ความรักรุมเร้าคลั่งไคล้ ญ..น้ำ คำ รักของคนเมืองใต้ จะจริงแท้แค่ไหน สาวเชียงใหม่ครวญใคร่ถวิล ช..ชีพสลาย ยังไม่คลายรักเจ้า ญ..จริงดั่งใจหรือเปล่า หวั่นเกรงเคลือบเอาที่ลิ้น ช..รัก จริง เพียงหัวใจแดดิ้น ไม่วายเว้นถวิล มิสิ้นความรักได้เลย ญ..น้ำ ปิง ล้น ฝั่ง ช..ดัง รัก พี่เปี่ยมฤดี แล้วเจ้าเอย ญ..แล้ว คง ละ เลย ไม่เหมือนเอ่ย ช..โอ้ทรามเชยมิเคยแหนงหน่าย ญ..หน่อยเถิดนะ คงจะไม่เห็นหน้า ช..ถ้าพี่เป็นเหมือนว่า วานน้องฆ่าเสียให้ตาย ญ..สาบาน ชจ๊ะสาบานก็ได้ หากความรักสลาย ขอตายในสายแม่ปิง ช.. รัก กัน หวาน ชื่น ญ.. เกรง ขม ขื่น ชื่นกลับชังช้ำอกหญิง ช..น้อง ควร รู้ ใจ พี่ทุกสิ่ง เช่นแม่ปิงรู้จริงใจพี่ ญ..หน่อยจะคร้าน นานกลับกลายหายชื่น ช..พี่ไม่ไปไหนอื่น จะขอชื่นรักอย่างนี้ ญ..อุ๊ยตาย อายเขาบ้างซีพี่ พร้อมจูบฝากรักสักที ไว้เป็นสักขีแม่ปิง... ********** http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4125 โอ้ธารสวรรค์ กว๊านพะเยา ธารรักเราครวญคร่ำ ลมโชย พริ้วฉ่ำ ในวังน้ำวน พร่างพรมมนต์รักมา ดูราวสายชล ธารสวยตระการ อยู่ในนิทรา แว่วเพลงรัก ของปักษา ร้องอำลาคืนรัง โน่นทิวทุ่งลิบ รวงทิพย์ เรืองรอง ราวสีทองเปลวปลั่ง ธาราไหลหลั่ง ใสราวน้ำวัง ขังน้ำตาแห่งดาว ห้วงน้ำลึกนัก ห้วงรักลึกกว่าหลายเท่า แม้นรัก ไม่จริงกับเรา อายกว๊านพะเยา หลายเท่าเอย โน่นทิวทุ่งลิบ รวงทิพย์ เรืองรอง ราวสีทองเปลวปลั่ง ธาราไหลหลั่ง ใสราวน้ำวัง ขังน้ำตาแห่งดาว ห้วงน้ำลึกนัก ห้วงรักลึกกว่าหลายเท่า แม้นรัก ไม่จริงกับเรา อายกว๊านพะเยา หลายเท่าเอย... ******** และในจินตนาการรัก ที่ดวงใช้แค่ดวงใจละไมฝัน พลันติดปีกโผผินบินไปตามลำน้ำเจ้าพระยาขึ้นสู่เชียงใหม่ เมืองล้านนา เมืองแห่งดวงตาสวรรค์ ที่อยากฝากฝันฝากใจกับสาวงาม สักคนที่งามแต๊ๆไปตราบชั่วนิจนิรันดร และในฝันท่ามกลางฟ้าพร่าง.. ดวงเห็นนางใจ นางในฝันนั้น นวลน้องงาม หนั่นแน่น นวลเนื้อนุ่ม กลมกลึงรัดรึงใจพิลาสพิไล ห่มสไบสีงาช้าง.. เดินทอดย่างในผ้าซิ่นสีแดง..มุ่นมวยผมแกมเกศ รัดเกล้าด้วยมาลัยดอกพุดพิสุทธิ์หอมงาม ห้อยพวงพราวระย้าย้อย ด้วยดวงดอกมะลิซ้อนอ้อนหวานเอียงอายอายเอียงเคียงข้าง ด้วยหนุ่มน้อยรูปงาม ในชุดชาวไทรัฐฉานสง่างามพอกันริมฝั่งน้ำ น้ำในตาสาว วะวาววะวับวิบระยิบพร่างพริบดั่งเพชรพราว แข่งกับนวลแสงดาวที่พากันเฝ้าพร่างพริบ..อิจฉา ยามเธอช้อนตาสบตา พากันส่งกระทงน้อยลงคงคา ให้สายน้ำในธารา ในดวงตาในดวงใจ เป็นดั่งพยานใจพยานรักชั่วกาล.. อย่าให้รักหวานกลายกลับเป็นขม เหมือนดั่งเพลงที่กำลังลอยลมพร่างพลิ้วมาเลย ................... บทเพลงริมฝั่งน้ำ.. .http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=301 ริมฝั่งน้ำ ริม ฝั่ง น้ำ พร่ำเพ้อ ละเมอครวญ เคยชื่นชวนเมื่อหวลคนึงไป จิตใจยังชื่นชู แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอ เธอยังอยู่ เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือน เตือนใจจำ เธอกับฉัน ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้ อะไรจะเทียมทัน เคยเรียกเธอ เสนอรักรำพัน เคยคู่กันใฝ่ฝันถึงเพลงชื่นค่ำคืนเคยได้ฟัง น้ำเต็มเปี่ยมก็เทียมรักสุดหวาน ปานไหลหลั่ง น้ำเต็มฝั่งดุจดั่งรักที่หวัง ยังคงคอย เคยชื่นใจ ฝากไว้หัวใจลอย เฝ้าแต่คอยโอ้รักนั้นเลื่อนลอย ยิ่งคอยยิ่งใจหมอง ริมฝั่งน้ำ พร่ำเพ้อ ละเมอครวญ เคยชื่นชวนเมื่อหวลคนึงไป จิตใจยังชื่นชู แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอ เธอยังอยู่ เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือน เตือนใจจำ เธอกับฉัน ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้ อะไรจะเทียมทัน... ******************** และอีกที่.. เมืองแสนดีแสนงาม นามเพราะเมืองประวัติศาสตร์แห่งชาติไทย สุโขทัย...เมืองในดวงใจแดนจันทร์แดนบุหลันงาม ที่คงฝากความอลังการยิ่งใหญ่ เพราะมีฉากเมืองเก่าของเราแต่ก่อนให้อาวรณ์อาลัย มีหลักศิลาจารึกหลักที่หนึ่ง ที่ตรึงใจก็ด้วยตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ที่นะค่ำคืนนี้คงคลาคร่ำด่ำดื่มกันถ้วนหน้าไม่ว่าหญิงชาย... .......... แต่ดวงกมลของดวง.. ในค่ำคืนนี้นั้น มีฝันอันอะคร้าวรอคลุกเคล้าใจให้ไหวงามอยู่แล้ว.. ดวงตั้งใจจะค่อยค่อยขับรถ..เข้าไปในเส้นทางงาม เลียบลำน้ำเจ้าพระยา..สองข้างทางคือราวป่าเส้นทางสายชนบท ลดเลี้ยวลับขนานไปกับทุ่งนา ดงตาลให้หวานในดวงใจ และให้หวานพระจันทร์พลันพรายสีทองส่องทาทาบอาบรวงเรียว ให้เสี้ยวใจริบหรี่ ได้พร่างพรมห่มด้วยหอมงาม ให้บุหลันดวงหวานเศร้า ริมเจ้าพระยาคลอเคล้า นะร้านชานเมืองชานเรือนไทยเรียบง่าย ที่ดวงเคยเข้ามานั่งดายเดียวเดียวดาย ใต้ดวงดาวในหมู่ร่มไม้เรือนใจพันธุ์ไทยดังไพรพฤกษ์พง ที่ดวงดอกดงการะเวกหวานหอมแทบหลอมละลายใจ.. เททุ่มใจถอดใจร้องไห้ ร้องไห้.... ด้วยไหวคะนึงครวญหวนไห้ถึงใครบางคนสุดทนสุดใจ..แล้ว.. และนั่นดวงดอกไม้ในฝันเศร้าเสมอมามิราโรย..ร้าง มิเคยห่างใจดวงร้าว..นี้ ลั่นทมพราวทุกราวกิ่งแกล้ม..แกมจำปีจำปา.. และกล้วยไม้ป่าห้อยคาคบยามพลบค่ำ ราวดวง..นั่งในไพรพงจริง.. ดวงชอบเด็ดลั่นทมสองสามดอกเสียบแซมผม มาดแม้นไร้ใครดอมดมพรมจูบ ไล้เรียวแก้มแกมรักล้นใจ..ก็ตามทีเถอะนะ.. คืนนี้ ดวงคงนุ่งซิ่นผืนงาม และคงคลุมไหล่สล้างด้วยผ้าไหมทอมือสีไพลผืนเก่า ดวงคงจะขอฟังเพลงคลอพ้อรักฝากไปกับสายชล.. บทเพลงแห่งดวงใจรัก.. http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=302 สายชล เหม่อมองดูสาย น้ำ วน เหม่อมองสายชล ที่ไหล ริน เหม่อมองดูนก ผก ผิน บินลับ ไป ยาม เหงา เราถอนใจ บิน ไป ไม่กลับ มา เปล่าเปลี่ยวจริงหนอ หัว ใจ อยากจะรักใคร เศร้าใจทุกครา หมดแรงกำลัง อ่อน ล้า และหลง ทาง เจ็บ นั้น ยังเจ็บไม่จาง อ้าง ว้าง ดังสาย ชล แม้ใจจะเจ็บ เก็บมาคิดคิด อดีต ช่างงามล้ำล้น มิเคยลืม ภาพเราสองคน มิเคยลืม ยังหลอกลวงตน มิเคยลืม ว่าเคยรักเธอ สาย ชล หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป มิเคยลืม ว่าเคยรักเธอ สาย ชล หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป... ********** http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=25 ลุ่มเจ้าพระยา ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น จง ผูกพันรักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน... ******** และคงอีกคราที่น้ำตาดวงจะหยดเผาะ เมื่อเพลงพ้อมาถึงคำร้อง.. *ขอจงเป็นเหมือนเช่นนกไพร ที่เหินบินคู่กันไปหัวใจ..คู่กัน.*.. และหากดาวประจำเมือง ดาวบนฟ้า คือดวงตาใครสักคน ที่เคยกระซิบบอกดวงว่าทุกความห่วงใย ทุกสายใจสายใยรักระหว่างเราสองนั้น ให้ฝันปองมองหาดาวในดวงใจ ยามเหว่ว้าอ้างว้างร้างไร้ผู้ใด ที่จะพริบพราวเฝ้าปลอบประโลมใจเสมอมาเสมอไป เป็นนิรันดร์รักนี้..ที่มิมีวันได้เคียงครองคู่ และคนดี.. ไม่ว่าค่ำคืนนี้คุณจะอยู่นะที่ใดในประเทศไทยนี้.. ขอจงฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาวมาถึงดวง..นะคะ จงพริบพราวและเฝ้าดูดวงดายเดียวริมฝั่งชล..ลำพัง ดวงพร้อมจะหลั่งหยาดน้ำตา.. บูชาพระแม่คงคาบูชารักเรา ที่พลีพร้อมยอมไร้ร้างห่างกันไกลสุดขอบฟ้า.. เพื่อรอวันที่ ดวงตาสวรรค์จากฟ้าเบื้องบน มีเมตตาปรานีให้พรเราสอง และ...คนดีในฝันในดวงใจ.. ดวง..จะพลี..เพียง..ลั่นทมดอกเดียว ที่จะ... ค่อยค่อยลอยละล่อง อย่างเดียวดาย... ดายเดียว... เปลี่ยวเหงา..ไปตามสายชล...กลางสายชล... ลำพัง..!
9 พฤศจิกายน 2554 09:30 น. - comment id 1214431
จำมะได้ว่าลอยกระทงครั้งสุดท้าย เมื่อไหร่
9 พฤศจิกายน 2554 09:35 น. - comment id 1214432
ลอยรักฝากกระทง คำร้อง / ศรีสมภพ ทำนอง / เพลงกระทงหลงทาง (ไชยยา มิตรชัย) เพ็ญเดือนสิบสอง นั่งมองริมสองฝั่งน้ำ หนุ่มสาวพรอดพร่ำน้ำคำ ช่างสุขล้ำเมื่อยามน้ำทรง เคลียคลอเคล้าคู่ ยิ่งดูยิ่งใจไหลหลง ข้างกายไร้คนคู่คง ลอยกระทงคนเดียวเปลี่ยวใจ * กระทงเจ้าเอ๋ย เจ้าเคยมีคู่ลอยไหล อธิษฐานมั่นรักปักใจ สองใบสองใจใกล้กัน แต่ค่ำคืนนี้ ไม่มีกระทงร่วมฝัน ร่วมลอยร้อยเรียงเคียงกัน หลอกให้ฝันเปลี่ยนผันปันใจ * * เพ็ญเดือนเคลื่อนคล้อย หลงลอยกระทงเดียวดาย ลอยรักซากหักหัวใจ ฝากให้ไหลไปลับกับน้ำ ซ้ำ * ** อยากฟังเสียงร้องของพุด เพื่อหยุดฝัน เคล้าคลอวันลอยกระทง ณ ตรงนี้ เพลงแต่งไว้ลองร้องร่ำพร่ำวจี เพราะยามนี้ มีหมายบ่งตรงคำความ.. เป็นลำนำที่คร่ำครวญ ..รักด่วนลา จะรอฟังทางเว็บ ..เก็บไปฝัน อิอิ
9 พฤศจิกายน 2554 09:42 น. - comment id 1214434
ฟังเสียงหวาน น้ำตาลหวาน ขอกันหน่อย ก่อนไปลอยกระทง คงเข้าท่า ท่วงทำนองลองร้องเอง เพลงนำมา ใส่ลีลา ใส่ท่ารำให้หนำใจ ยังไงๆ ช่วยไขข่าว ..เฝ้ารอฟัง อิอิ
9 พฤศจิกายน 2554 10:31 น. - comment id 1214439
ยังหาใครไม่ได้เลยท่าน ต้องลอยคนเดียว แน่ๆ อิอิ สุขอย่าได้สร่าง
9 พฤศจิกายน 2554 12:52 น. - comment id 1214462
ลอยกระทง อยู่ยัง หลังคาบ้าน ไม่สำราญ สักนิด จิตหม่นหมอง รอบกาย ไร้ส้วม น้ำท่วมนอง ปล่อยไป หนึ่งกอง แทนกระทง
9 พฤศจิกายน 2554 14:22 น. - comment id 1214468
ขอโทษคะท่านศรีสมภพตอนนั้นยังไม่ตื่นดีคะ หรือยังไม่ได้นอนนี่แหละคะจำไม่ได้แล้ว ขอแก้ตัวอีกครั้งแล้วกันนะคะ อ่านสลัก อักษร กลอนสวรรค์ ค่ำคืนเพ็ญ เด่นจันทร์ วันสุขี เดือนสิบสอง หนองน้ำ ฉ่ำพอดี ลอยกระทง ตรงนี้ กวีลอย ไม่ได้ไปอลยแน่เลย ขอลอยกระทงตรงนี้เลยนะคะ
9 พฤศจิกายน 2554 20:27 น. - comment id 1214517
คนภูธร ใยต้องทนอยู่คนเดียว น้ำไหลเชี่ยวเดียวดายไฉนหนอ หนุ่มคู่สาวบ่าวคู่นางไม่รั้งรอ วันนี้หนอ คลอเคลียกัน เย้ยจันทร์เพ็ญ
9 พฤศจิกายน 2554 20:32 น. - comment id 1214518
9 พฤศจิกายน 2554 20:44 น. - comment id 1214523
ดูท่านวิทย์ คิดลึก นึกฉลาด ได้โอกาส ปร๊าดปู๊ดสุดจะอั้น นั่งตกทอง ล่องเป็นสาย ไม่รู้กัน สิบกว่าวัน อั้นหน้าห้อย ต้องปล่อยไป กระทงสาย จึงไหลล่อง ท่องวารี ..อ้วก !
9 พฤศจิกายน 2554 20:57 น. - comment id 1214525
หทัยกาญจน์..แค่โพสต์ผ่านไร้งานเงียบ คารมเฉียบ หายไปไหน กระไรหนอ? เคืองอันใด ยอมไหว้วอนอยากงอนง้อ ร่ายกลอนต่อ รอช้าใย..ใคร่ยลคำ ! มาเถิด เปิดโลกกว้าง ..ร่างความใน
10 พฤศจิกายน 2554 08:00 น. - comment id 1214555
หทัยกาญจน์ งานเกลื่อน เคลื่อนลอยล่อง พัดละลิ่ว พริ้วท่อง จ้องมองเห็น เดือนสิบสอง น้ำน้อง มองจันทร์เพ็ญ อาจได้พิศ จิตเด่น เช่นหทัยฯ คืนนี้อาาจะได้เห็นผลงานนะคะท่านศรีสมภพ กลอนอาจจะเกิน(เว่อร์)ไปนิด ขออภัยด้วยนะคะ ที่ไม่มีงานลงต้องต่อกลอนให้เพื่อนกวีที่รักอยู่คะ มีหลายคนรอคิวอยู่ คือเกรงใจทุกคนมาก ส่วนงานของหทัยฯ คืนนี้คะ อาจจะได้ชม