นานแค่ไหน...

คีตากะ

488318gmovnedu3z.gif












เธอจะเศร้านานแค่ไหน...
ทนหม่นไหม้ลำพังนั่งโศกศัลย์
กับความหวังลมลมตรมจาบัลย์
ในความฝันที่เธอชอบเพ้อครวญ

เธอจะร้าวนานแค่ไหน...
เจ็บปวดใจเปล่าเปล่าเฝ้าคิดหวน
กับเรื่องราวหลอกตนทนคร่ำครวญ
คอยย้ำเตือนซ้ำซ้ำช้ำอุรา

เธอจะหมองนานแค่ไหน...
ทำร้ายใจตัวเองเก่งจริงหนา
หลงยึดมั่นกับใครให้ทรมา
เสียเวลาชีวิตจิตเสื่อมทราม

เธอจะเจ็บนานแค่ไหน...
ทิ่มแทงใจซ้ำซากอยากไถ่ถาม
เพียงเพราะใครไม่แจ้งแห่งนิยาม
ฤาเพียงความเปล่าว่างร้างตัวตน

เธอจะทุกข์นานแค่ไหน...
ที่เผลอใจผูกจิตคิดสับสน
กับมายาภาพฝันอันวกวน
แห่งตัวตนคนนั้นที่ผันแปร...
				
comments powered by Disqus
  • White roses

    27 กุมภาพันธ์ 2554 16:00 น. - comment id 1186019

    แวะมาอ่านกลอนเพราะๆค่ะ...16.gif36.gif
  • ระพินทร์

    27 กุมภาพันธ์ 2554 23:47 น. - comment id 1186077

    บางที ยากนะครับ ที่ควรจำกลับลืม ที่ควรลืมกลับจำนั่น
    
    29.gif
  • คีตากะ

    27 กุมภาพันธ์ 2554 23:59 น. - comment id 1186079

    ขอบคุณครับ ที่ช่วยเมนต์
    
    เพียงเพราะความกลัว กลัวที่จะสูญเสีย
    กลัวล้มเหลว และไม่มีความกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริงครับ ทำให้คนเราไม่เป็นอิสระ ทั้งทางกาย วาจา ใจ จิตสำนึก และจิตวิญญาณ
    เราไม่กล้ายอมรับว่าเราเป็นหนึ่งเดียว แต่ชอบจากแตกแยก แบ่งแยก โดดเดี่ยว และทนทุกข์กับการเลือกที่จะคิดแบบนั้น...
    
    36.gif36.gif36.gif
  • cicada

    28 กุมภาพันธ์ 2554 02:49 น. - comment id 1186082

    11.gif11.gif11.gif
    
    แซมเชื่อในการยอมนับความเป็นหนึ่งเดียว...
    จะทำให้เรา สงบ ร่มเย็นขึ้นมาก..
    แต่บางครั้งก็ลืมค่ะ... 
    Ego ชอบมาเยี่ยมเยือน.. 36.gif36.gif
    
    ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วง..แซมจะถามหลายครั้งแล้วว่า คุณคีตากะศึกษาอะไรคะ
    บทความของคุณคีตากะ น่าสนใจค่ะ...
    ถ้าไม่พรอมที่จะบอก ก็ไม่เป็นไรนะคะ..
    แซมแค่อ่านแล้วสงสัยค่ะ.....
    
    29.gif ขอบคุณสำหรับการแบ่งปัน..
    
    
    แซมค่ะ
  • เอื้องคำ

    1 มีนาคม 2554 13:16 น. - comment id 1186177

    เจ็บนี้....อีกนานนนน
    11.gif4.gif46.gif
  • คีตากะ

    1 มีนาคม 2554 20:23 น. - comment id 1186220

    คุณแซม...
    
    ไม่ค่อยเข้าใจคำถามเท่าไรครับ แต่ถ้าจะตอบก็น่าจะเป็น "ศึกษาจิตวิญญาณ" ของตนเองนะครับ
    เพราะจิตวิญญาณคนอื่นคงศึกษาไม่ไหว แต่ลึกๆ ก็เชื่อว่าจิตวิญญาณของทุกสรรพสิ่งเป็นธาตุเดียวกัน หากเข้าใจตัวเองก็จะเข้าใจคนอื่น ไม่รู้ตอบตรงประเด็นหรือเปล่าครับ
    
    36.gif36.gif36.gif
  • ยาแก้ปวด

    2 มีนาคม 2554 15:57 น. - comment id 1186298

    เหมือนใจประสานใจรวมเป็นหนึ่งหรือเปล่าเนี่ย
    
    46.gif59.gif
  • คีตากะ

    2 มีนาคม 2554 17:26 น. - comment id 1186313

    คุณยาแก้ปวด
    
    ไม่ใช่ใจประสานใจครับ ถ้าแบบใจประสานใจคือมีมากกว่าหนึ่งใจนำมารวมกัน กำแพงที่กั้นอยู่คือความคิดหรืออัตตา การมีใจเป็นหนึ่งเดียวกันนั้นไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับใจ แต่จัดการทำลายกำแพงคืออัตตา ตัวตน หรือความรู้สึกว่าตัวเรา ของเรา ซึ่งแยกย่อยได้คือ ร่างกาย ความรู้สึก ความจำ ความคิดปรุง ความรู้หรืออารมณ์ เหล่านี้ ที่ว่าทำลายหาใช่ฆ่าตัวเองหรือกำจัดให้สิ้นซาก วิธีง่ายกว่านั้นคือการไม่ยึดติดกับมันด้วยการปล่อยวางลง เพราะธรรมชาติของมันว่างเปล่าเหมือนอากาศ ไม่มีอยู่จริง แต่เราไปเข้าใจว่ามันมี ปัญหามากมายก็เลยเกิดขึ้น ซึ่งปัญหาเหล่านั้นก็ยังไม่ใช่ปัญหาอยู่ดี เป็นแค่เพียงมุมมองที่ผิดพลาดไปจากความจริงแท้ ยกตัวอย่างเช่น เราไปยืนอยู่หน้ากระจก แล้วไปเข้าใจว่าภาพเงาในกระจกเป็นตัวจริงของเรา เป็นต้น เมื่อภาพลวงตาเกี่ยวกับตัวตนเหล่านี้ได้รับความเข้าใจและปล่อยวางลง ไม่ได้รับความสำคัญมั่นหมายอีกต่อไป สภาพของจิตใจของเราจะบริสุทธิ์(ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วตามธรรมชาติ) บางครั้งเราเรียกว่าจิตเดิมแท้ ใจดั้งเดิม จิตบริสุทธิ์ จิตพุทธะ พระเจ้า เต๋า อะไรก็แล้วแต่ ในที่นี้ขอเรียกว่าจิตวิญญาณ อันจิตวิญญาณนี่เป็นสากล เพราะว่าธาตุหรือสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ เป็นจิตวิญาณนี้ ถ้ามององค์รวมอยากเรียกว่าจิตสากล หรือจิตจักรวาล จะมองเห็นภาพ การที่ทำไมแต่ละคนเป็นจิตจักรวาลนั้นเป็นเรื่องน่าพิศวง เพราะสิ่งนี้เป็นไปโดยธรรมชาติอันเร้นลับ ทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาลล้วนเกิดมาจากสิ่งนี้ ไหลเทออกมาจากสิ่งนี้ ทั้งที่เป็นวัตถุและมิใช่วัตถุ รวมทั้งคนเรา จะเห็นภาพชัดเจนว่ามนุษย์ สัตว์ และพืช ในมุมมองของปัจเจกเปรียบเป็นแก้วใส่น้ำใบหนึ่ง แต่ละตัวตนก็คือแก้วหนึ่งใบ ภายในแก้วนั้นมีน้ำบรรจุอยู่เต็ม สมมุติว่าเราทำลายแก้วนั้นให้แตกหรือง่ายกว่านั้นนำมันไปเทลงในมหาสมุทร แก้วที่มีน้ำบรรจุ ต่างนำไปเทลงในมหาสมุทร ผลก็คือน้ำในแก้วแต่ละใบจะหลอมรวมกันเป็นเนื้ออันเดียวกันหมด ด้วยคุณสมบัติของน้ำที่เป็นของเหลวและมีคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ เช่น ค่าความหนาแน่น ความบริสุทธิ์ สี กลิ่น รส ฯลฯ ทำให้เรียกได้ว่าน้ำซึ่งเคยแบ่งแยกจากกันกลับมาหลอมรวมกันว่า"เป็นหนึ่งเดียวกัน" แก้วก็เปรียบกับร่างกาย น้ำก็คือจิตวิญญาณ บางครั้งผู้รู้บางท่านเรียกสิ่งนี้ว่า "จิตหนึ่ง" จิตหนึ่งนี้จะรับรู้ตัวมันเองว่าเป็นอิสระ ไม่อาจถูกกักขังอยู่ในที่ใดได้ แม้แต่ร่างกาย เหมือนกันกับอากาศที่สิงซึมอยู่ทุกอณู ทุกส่วนของจักรวาล แต่เพราะความจำกัดของสมอง ร่างกายและความคิดจิตใจ ทำให้เราไม่สามารถหยั่งรู้ถึงมันได้ง่ายๆ จนต้องอาศัยการฝึกสมาธิเข้ามาช่วย การเพียรปฏิบัติต่างๆ ตามหลักการทางศาสนา ฯลฯ เช่น เดินจงกลม วิปัสสนา การเพ่ง การฝึกสติ เป็นต้น เหล่านี้ก็เพื่อเปิดโลกทัศน์ใหม่สำหรับเราให้รู้ถึงธรรมชาติของตัวเราและสรรพสิ่งทั้งจักรวาลอย่างถูกต้องตามครรลองธรรม ตามความสัจจริงของมัน บางทีการได้รับความรู้โดยผ่านประสบการณ์นี้ถูกเรียกว่า "การรู้แจ้ง" หรือ "การตรัสรู้" นั่นคือเรารู้ตามธรมชาติของที่มันเป็นจริงๆ ไม่ใช่คิดเดาเอา หรืออ่านตำรา นั่นคือเรารู้ถึง "ความเป็นหนึ่งเดียวกัน" ของสรรพสิ่ง ด้วยการตระหนักรู้ ทำให้มุมมองของเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สำหรับทุกๆ เหตุการณ์ ชีวิต อดีต ปัจจุบัน และอนาคต มันเป็นเรื่องง่ายที่ทุกคนสามารถรู้แจ้งได้ โดยเฉพาะยุคนี้ ยุคแห่งข่าวสารข้อมูลไร้พรมแดน แค่เพียงทำให้ถูกวิธีเท่านั้น ครับผม
    
    36.gif36.gif36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน