สายธาราไหลหลั่งไม่ยั้งหยุด เปรียบประดุจล้อกาลหมุนผ่านผัน มุ่งรุดหน้าไม่หวนทวนคืนวัน ไม่ย้อนรับกลับหันสักวันเลย แรกได้เรียนได้รักรู้จักมิตร ต่างรั้วขอบรอบทิศชีวิตเอ๋ย วาดสีสันแต่งชีวางามกว่าเคย ใจจึงเผยไมตรีไม่รีรอ สิ่งใดถักรักเราเข้าหนาแน่น ผูกและพันฟั่นแฟ้นจึงเติมต่อ ใครปลูกดอกไม้ใจพิไลลออ ขึ้นแตกกอขาวกระจ่างอยู่กลางใจ เราไม่ได้พบกันนานนักแล้ว เพื่อนยังแจ้วเจื้อยจ้อคุยปร๋อไหม กายแข็งแรงมีสุขดีหรือมีภัย บอกกล่าวให้หายห่วง-จากทรวงเรา ยังคิดถึงซึ้งจิตนะมิตรรัก หวังพบพักตร์สักคราเวลาเศร้า เพื่อหัวเราะเริงใจเช่นวัยเยาว์ อยากย้อนวันคือเก่าเรากลับมา คงรอคอยวันหน้าจะมาถึง วันที่ซึ่งเราทั้งหลายจะไปหา รอยรูปจำทั้งเพของเวลา ยังประทับจับตามิรู้ลืม ปล.คิดถึงเพื่อนเก่า ตอนอยู่ ม.ปลายมากๆ
18 กุมภาพันธ์ 2554 21:18 น. - comment id 1183382
อ่านแล้วคิดถึงเพื่อนตอนเรียนเลยค่ะ...
18 กุมภาพันธ์ 2554 21:29 น. - comment id 1183388
ขอบขอบพระคุณทุกๆความคิดเห็นที่แวะมาเยี่ยมเยียนครับ ขอให้ทุกท่านสุขกายสบายใจในวันมาฆบูชาครับ
18 กุมภาพันธ์ 2554 14:40 น. - comment id 1183633
I miss them too....
18 กุมภาพันธ์ 2554 14:45 น. - comment id 1183634
นั่นนะสินะ..ต่างตนต่างก็ผจญชีวิตไปตามรูปแบบของแต่ละคน ความรู้สึกแห่งช่วงเวลา ก็คือคุณค่าแห่งความทรงจำ.. แต่ไม่รู้ว่าเรา..จะเป็นความทรงจำที่ดี..ของใครบ้างหรือเปล่านะ.. อินกับกลอนคุณเปลวเพลิงไปหน่อย..ละมุนดีครับ
18 กุมภาพันธ์ 2554 17:51 น. - comment id 1183642
อ่านบทกลอนของท่านแล้วราบรื่นสบายตาจริงๆ เป็นกลอนแปดที่ใช้คำครบ และลงจังหวะสละสลวยยิ่ง.... ข้าน้อยยังทำอย่างนี้ไม่ได้เลย ข้าน้อยติดนิสัย ชอบใช้คำเก้าคำเสมอ แม้ไม่ผิดฉันทลักษณ์แต่ก็ไม่ใช่แบบอย่างที่ดีเท่าไหร่นัก แหะๆๆๆ
18 กุมภาพันธ์ 2554 18:07 น. - comment id 1183644
............ กลอนคุณเปลวเพลิงเพราะมากจ้า .................
19 กุมภาพันธ์ 2554 13:25 น. - comment id 1185324
ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่การงาน กว่าจะได้รวมตัวพบกันอีกคงไม่ง่าย