. ๏ คราวน้ำฝนล้นหลากจากฟากฟ้า เกินกว่าป่าซึมซับแบกรับไหว น้ำบ่าแรงแหล่งดินโทรมสิ้นไป บังเกิดภัยวิกฤตยากปลิดปลง คราวน้ำฝนบนฟ้าหลั่งมาน้อย พืชพรรณคอยแห้งผากกลายซากผง ผืนดินแล้งระแหงน้ำยากดำรง สุดสืบพงศ์โคตรเหง้าสัตว์เผ่าพันธุ์ ความสำคัญน้ำนี้เทียบชีวิต จึงฉุกคิดสร้างฝายหมายจัดสรร วอนมวลมิตรจิตอาสามาช่วยกัน เป็นของขวัญถวายไท้ในหลวงเรา ยามที่ฝนหล่นหนักทะลักฟ้า จะไม่ท่วมอ่วมระอาเยี่ยงคราเก่า ยามหน้าแล้งแหล่งฝายคล้ายบรรเทา ทุกสรรพเหล่ายังอาศัยได้ดื่มกิน นัย "น้ำคือ .. ชีวิต" ศักดิ์สิทธิ์นัก ควรอนุรักษ์แหล่งน้ำประจำถิ่น และสืบสานลานป่าปรับปรุงดิน ประหนึ่งสินธุ์น้ำใจหลั่งไหลมา อันโครงการเพื่อนพ้องและน้องพี่ฯ กิจกรรมดี โครงการฯ งานอาสา ฤกษ์วันเสาร์เราระบุ .. " ๙ ตุลา " เชิญเถิดหนาหญิงชายสร้างฝายกัน ๚ะ๛ "..หลักสำคัญต้องมีน้ำ .. น้ำบริโภคและน้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้.." มีพระราชดำรัสนี้ให้จดจำใส่ใจ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๒๙ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
26 สิงหาคม 2553 22:26 น. - comment id 859638
คนไกลส่งใจมาช่วยไปพลางๆ ก่อน จนกว่าจะมีปัญญาเอามาทั้งตัว.. เป็นกำลังใจให้ ทั้งในงานหลวง งานราษฎร์นะคะ คุณอัลฯ... แซม
26 สิงหาคม 2553 18:10 น. - comment id 1153132
ที่ไหนคะ..
26 สิงหาคม 2553 20:38 น. - comment id 1153150
เรื่องเล่าคราวไปสำรวจสถานที่สร้างฝายชะลอน้ำ จากวันที่ 14 มิถุนายน อัลมิตราได้โยนหินถามทางในบทกลอน "จิตอาสา" http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem135343.html ผลจากการสำรวจก็ได้ในหลาย ๆ ความคิดเห็น ซึ่งอัลมิตราก็รับไปพิจารณา และเริ่มวางแผนโครงงานคร่าว ๆ โดยเริ่มแรก ตั้งใจจะไปสำรวจพื้นที่ อุทยานแห่งชาติ อ. ครบุรี จ.นครราชสีมา ด้วยเหตุที่ว่าพอจะมีคนท้องที่ที่รู้จักอยู่บ้าง เพื่อจะได้รับความสะดวกในการติดต่อประสานงาน จากนั้นก็นัดหมายทีมงานให้ไปสำรวจพื้นที่ในวันที่ 24 กรกฏาคม ทว่าการเดินทางไปสำรวจคราวนั้น พบสิ่งผิดปกติมากมายจนไม่สามารถปรับฐานความเข้าใจได้ ซึ่งตรงนั้นละเอียดอ่อนและค่อนข้างพัวพันกับการเมืองท้องถิ่น เอาเป็นว่า สถานที่แรกที่ไปสำรวจจึงถูกตีตกไป สถานที่ที่ 2 (คราวจริงเป็นสถานทีเป้าหมายแรก แต่เป็นสำรวจทีหลัง) อยู่แถว ๆ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี อัลมิตราได้ติดตามอ่านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตอยู่นานพอสมควร ได้ศึกษาวิธีการจากเวปหนึ่งซึ่งเป็นเวปที่จัดกิจกรรมจิตอาสา (ไม่รู้ว่าเป็นอาชีพหรือเปล่า) อัลมิตราได้ติดต่อนัดหมายหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดลิ้นช้าง เนื่องจากทราบว่าหลวงพ่อเป็นพระนักพัฒนา อีกทั้งอัลมิตราไม่รู้จักใครเลยในละแวกนั้น จึงได้แต่หวังใบบุญของหลวงพ่อซึ่งจะเป็นผู้ประสานงานในด้านการสร้างฝายชะลอน้ำให้ คราวนี้อัลมิตราเดินทางไปเมืองเพชรในวันที่ 7 สิงหาคม เมื่อถึงวันนัดหมาย ก็บังเอิญว่าตรงกับวันที่พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งมาสร้างฝายชะลอน้ำ ดังนั้น อัลมิตราจึงได้ลงมือ workshop จริง บันทึกรายละเอียดจริง ในสถานที่จริง อีกทั้งยังได้เข้าสู่บรรยากาศแห่งจิตอาสาจริง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นการยากที่จะอธิบายด้วยภาพหรือตัวอักษร หลวงพ่อก็ได้ให้ความเมตตาเป็นอย่างมาก ท่านได้ชี้แนะและตอบข้อซักถามในทุก ๆ เรื่อง พาเดินสำรวจสถานที่ใกล้เคียงซึ่งรวมไปถึงโรงเรียนบ้านลิ้นช้างด้วย จากคำอธิบายของหลวงพ่อ จึงทำให้อัลมิตราเข้าใจถึงระบบนิเวศน์ของที่นั่น ชุมชมชาวกระเหรี่ยงที่เป็นเพื่อนร่วมโลกของพวกเราก็มีชีวิตอย่างธรรมดาสามัญ แววตาไร้เดียงสาของเด็ก ๆ ที่จับจ้องมายังทีมงาน คงสงสัยว่า พวกเรามาทำอะไรกัน ? แต่นั่นก็ไม่เท่ากับคำทักทายของบรรดานก เหล่าผีเสื้อทีบินกันให้ว่อน อีกทั้งกระรอกน้อยที่วิ่งแล่นจากต้นโน้นไปต้นนี้ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งบรรยากาศที่ไม่มีในเมืองหลวง เพื่อนหลายคนอาจแปลกใจ ที่ปีนี้ อัลมิตราจัดรูปแบบของโครงการฯ แปลกไปจากเดิม ซึ่งแต่ก่อนเน้นหนักไปทางพัฒนาโรงเรียนในชนบท สำหรับอัลมิตราเองในการตัดสินใจครั้งนี้ย่อมมีเหตุผล และตระหนักว่า ขณะนี้เรื่องของภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่ต้องเร่งรีบดำเนินการ น้ำและป่า ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย อีกทั้งน้ำยังมีความสำคัญดังพระราชดำรัสของในหลวง ซึ่งอัลมิตราก็อยากให้เพื่อนสมาชิก,ผู้ที่แวะอ่าน ร่วมสนองคุณพระองค์ด้วยการเดินตามรอยพระบาท อนุรักษ์น้ำ-สืบสานลานป่า ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อน้ำ.. คือชีวิต เราจะทำอย่างไรกับน้ำ แล้วชีวิตของเราจะเป็นเช่นไร หากในอนาคตที่ใกล้จะถึงนี้ เราไม่มีน้ำบริโภคและอุปโภค ดังนั้น เราทุกคนจึงควรร่วมมือร่วมใจรักษ์น้ำ ซึ่งก็ไม่ได้เพื่อใครที่ไหน แต่เพื่อโลกที่เราอาศัยอยู่ เพื่อตัวเราและเพื่อลูกหลานของเรา มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
26 สิงหาคม 2553 20:40 น. - comment id 1153151
สวัสดีค่ะ คุณไหมแก้ว .. รายละเอียดอยู่ที่ link ด้านล่างนี้ค่ะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story11202.html
27 สิงหาคม 2553 08:41 น. - comment id 1153171
ตอนนี้ ไปเอาไขมัน ออกจากตัว ทุกเสาร์อาทิตย์..เพื่องานนี้ อิอิ.. ..พกยาดมไปเผื่อ ปู่กิ่งฯ มั่งนะ...หุหุ
27 สิงหาคม 2553 08:52 น. - comment id 1153182
มาช่วยทำกุฏิดิน ให้สักหลัง สิ
27 สิงหาคม 2553 11:20 น. - comment id 1153202
อ่านแล้วอยากไปสุดๆ ตอนนี้ขอฟิตร่างกาย ให้สุขภาพดีก่อน แล้วจะแจ้งอีกครั้งค่ะ
27 สิงหาคม 2553 12:48 น. - comment id 1153220
ด้วยค่ะ แบบว่ากะลังจะเริ่มออกกำลังกายหล่ะ
27 สิงหาคม 2553 13:25 น. - comment id 1153228
แล้วพบกันค่ะ ทำบุญร่วมกัน เกิดชาตินหน้าจะได้สวยๆ อิ
27 สิงหาคม 2553 15:24 น. - comment id 1153232
คุณcicada .. กิจกรรมอย่างนี้จะมีปีละครั้งค่ะ ตามอัตภาพ ซึ่งในแต่ละปี ก็มีเพื่อนพ้องพี่น้องเข้ามาร่วมเป็นจิตอาสากันมากมายค่ะ คุณกิ่งโศก .. ว่าจะเตรียมเสื้อไซด์ XXL ให้ ก็คงต้องเปลี่ยนเป็น L แล้วสินะ หลวงน้า .. โห ที่ภูเก็ต .. น่าจะทำกุฏิบนต้นมะพร้าวมากกว่า นา ... คุณน้ำตาลหวาน .. ดีจัง แต่ถึงไง ก็มีทางเลือกอื่นนะคะ เสริฟน้ำก็ยังดี :) คุณก้าวที่กล้า .. เนี่ย แวะโฉบกลางทางได้เลย คุณแก้วประภัสสร .. นอกจากสวยแล้ว ขอให้รวย ด้วยนะ
27 สิงหาคม 2553 16:29 น. - comment id 1153238
น่าไปจัง
27 สิงหาคม 2553 16:17 น. - comment id 1153265
เรื่องเล่าคราวไปสำรวจ (2) ตอนที่เข้าไปคลุกคลีร่วมทำฝายกับจิตอาสากลุ่มหนึ่ง (ในวันที่ไปสำรวจ) ก็ให้บังเอิญว่า อัลมิตราใส่เสื้อสีชมพูเช่นเดียวกับพวกเขา จะผิดกันแต่ว่า เสื้อที่อัลมิตราใส่นั้นแขนยาว ดังนั้นจึงดูเนียนมาก ที่อัลมิตราเดินลงไปในลำธารแล้วศึกษาการสร้างฝายพร้อม ๆ กับพวกเขา ซึ่งพวกเขาก็คงยังไม่ทันงง เพราะอยู่ในช่วงออกแรงชุลมุนกันอยู่ จนกระทั่งฝายใกล้เสร็จ อัลมิตราก็ปลีกตัวออกมาก่อน หลวงพ่อพาไปแวะสำรวจโรงเรียนบ้านลิ้นช้าง เข้าไปในส่วนที่เป็นบ้านดินผสมฟาง ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้สอนเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล สภาพของบ้านยังไม่ค่อยเรียบร้อย หลวงพ่อเล่าว่า บริษัทแห่งหนึ่งได้ออกเงินให้คนอื่นสร้างให้ แต่หลังคายังไม่เรียบร้อย ยังต้องปรับปรุงอีก เมื่อเข้าไปภายใน ก็พบว่าค่อนข้างทึบ แต่ก็ยังพอเห็นลวดลายที่บรรดาเด็กอนุบาลฝากฝีไม้ลายมือไว้ที่ข้างฝา ไม่ว่าจะเป็นรูปต้นไม้ ปู ปลาดาว ซึ่งก็สดใสตามวัยไร้เดียงสา ที่โรงเรียน มีพื้นที่โครงการเกษตรเล็ก ๆ อัลมิตราเดินไปด้อม ๆ เห็นว่าในส่วนของพื้นที่สนามเด็กเล่น ของเล่นก็ทำท่าจะพังมิพังแหล่ สนามหญ้ากว้างมาก น่าลงไปนอนกลิ้งเล่น หลวงพ่อชี้ไปที่อาคารเรียนด้านหลังเสาธง หลวงพ่อบอกว่า นั่นเป็นอาคารที่พวกพระกับชาวบ้านละแวกนั้นช่วยกันสร้าง ก่อนกลับเข้าไปที่วัด หลวงพ่อแนะให้ขับรถไปอีกทาง เพื่อให้ผ่านหมู่บ้านชุมชนชาวกระเหรี่ยง พวกเขาก็แต่งตัวเหมือนกับพวกเรา ไม่ยักจะใส่ชุดกระเหรี่ยง หลวงพ่อบอกว่า ถ้าชุดกระเหรี่ยงเต็มยศ ราคาจะประมาณ 7,000 บาท เชียวนะ พอกลับมาที่วัด หลวงพ่อก็ยังอุตส่าห์พาไปสำรวจบริเวณโดยรอบอีก ตรงนั้น สภาธรรม ซึ่งเป็นการก่อโครงบ้านดิน แต่ก็ประยุกต์ในส่วนของพื้นหิน และเพดานกระจกสกายไลท์อีกต่างหาก สภาธรรมนี้หลวงพ่อบอกว่า สำหรับนั่งวิปัสสนา ยังมีส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง ตรงกำแพงล้อม และม้านั่ง ซึ่งต้องก่อจากดิน ( ฝีมือพวกเรา จะเข้าขั้นไหมนะ ? ) หลวงพ่อเอ่ยถาม "หาอะไร" เมื่อเห็นอัลมิตรามองซ้ายมองขวา ก็ตอบไปว่า ที่นี่ไม่มีป่าช้า เหรอ ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรหรอก มากินนอนที่วัดนี่ อย่างน้อยก็ต้องดูลาดเลาทำเลให้เหมาะเสียก่อน หลวงพ่อบอกว่า ไม่มีป่าช้า และก็ไม่มีเมรุ ด้วย แต่ที่ศาลานั่นสวดศพอยู่บ้าง ทว่าตอนเผา เอาไปเผาที่วัดอื่น ... อืมมม จะจำไว้ จะไม่นอนที่ศาลา ....
27 สิงหาคม 2553 16:22 น. - comment id 1153269
ไปที่ไหน วันไหนคะ
28 สิงหาคม 2553 20:29 น. - comment id 1153363
คุณแมงปอ .. กำหนดวันแล้วค่ะ 9- 10 ตุลาคม นี้ คุณวลีลกษณา .. ยินดีค่ะ รอ อยู่นะ
28 สิงหาคม 2553 21:01 น. - comment id 1153367
หวัดดีจร้า...คุงอัล.... แหมะ...ไปช่วงปิดงบป. จาไปได้ไหมหนอ... รอตอบถึงวันไหนเนี่ยะ... สุขสันต์กับโครงการดีๆจร้า...
28 สิงหาคม 2553 21:04 น. - comment id 1153369
คุณkirati .. ช่วงนี้อัลมิตราแน่นมาก ขยับเวลาไม่ได้เลย กว่าจะลงตัวได้ ก็วันที่ 9-10 ตค. ถัดจากนั้นก็แน่นอีกแล้ว ตอนนี้เหมือนกับว่า วันหยุดปลายสัปดาห์หายไปจริง ๆ ถ้าไง จะรอคำตอบจนถึงวันที่ 25 กย. นะคะ
29 สิงหาคม 2553 09:58 น. - comment id 1153432
หยดหนึ่งน้ำใจใสสะอาด งามผุดผาดผ่องใสตามวิถี ชีวิตสุขสดใสหมื่นพันทับทวี ปลุกชีวีชาวไพรให้งดงาม สายธารใสป่างามตามธรรมชาติ พฤกษาพรรณดารดาษรอคำถาม มือน้อยๆของใครๆคอยติดตาม ปลูกป่ายามก่อนที่น้ำจะหายไป แหล่งน้ำแห้ง...สายธารหด...แม่น้ำหาย หลายคนถามแหล่งน้ำหายไปไหน อยากรู้ไหมคำตอบคืออะไร ใครเล่าใครตัดป่าไม้เลี่ยนเตียน...
29 สิงหาคม 2553 20:38 น. - comment id 1153504
ขอบคุณค่ะ คุณหยดน้ำ .. อัลมิตราอ่านอย่างช้า ๆ นึกคิดตามไปด้วย :) เป็นงานที่ชัดเจนในความหมายค่ะ มนุษย์เป็นผู้ทำลายสมดุลของธรรมชาติ สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จึงถือว่า ธรรมชาติเรียกร้องเอาคืนบ้าง เมื่อใดที่เราเข้าอกเข้าใจกัน และรวมไปถึงเข้าใจในธรรมชาติ เมื่อนั้น .. เราก็จะอยู่ร่วมกันได้ โดยสุข ค่ะ