ใต้แสงดาว
ฐปนวุธ
เหมือนหยาดแก้วแวววับระยับระย้า
แต้มบุปผาแต่ละเม็ดคล้ายเพ็ชรสี
ลมอรุณพริ้วห่มพรมราตรี
มุกมณีจึงเหือดหายประกายเลือน
ยอดผกาพ้อพลิ้วคลอผิวน้ำ
ร่ายลำนำร่ำจรุงท่ามทุ่งเถื่อน
จะลาแล้วห้วงหาวแล้วดาวเดือน
ฟ้าจะเคลื่อนดาวจะคว้างร้างราไป
สกุณาโบกโบยลมโชยพัด
ปีกกำดัดโผผินจนบินได้
ชำเลืองช่วงรวงรังอยู่ฝั่งใด
ปรารถนาจะไปให้ถึงรัง
เขาร่อนเร่พเนจรค่อนชีวิต
ยังมิคิดยังมิเค้นเพื่อเห็นฝั่ง
ฟ้าลิขิตเพียงนี้จึงจีรัง
มิอาจร้้งนั่นเพราะรู้สู้...ปราชัย
มิเคยเห็นแสงทองส่องเพริศแพร้ว
มิเห็นแววความหวังของวันใหม่
ทนร้างเร่พเนจรนอนกลางไพร
เหมือนบ้าใบมืดบอดตลอดมา
พระจันทร์พริ้มยิ้มพยักทักทายแล้ว
ดั่งวอมแววดาววิบกระพริบจ้า
เขาครวญคำจำข่มก้มหน้ามา
ปาดน้ำตาสองแก้ม...แล้วแย้มยิ้ม...