ผมและเพื่อนๆในชุมนุมแสงเทียนแห่งความหวัง ได้มีโอกาสไปทำบุญเลี้ยงเด็กที่โรงเรียนคนตาบอด(ในจังหวัดขอนแก่น) โดยผมได้มีโอกาสกล่าวบทกลอนสั้นๆว่า หากเดือนดับอับแสงดวงจันทร์ส่อง ตะวันพร้องชิงพลบอสงไขย เทียนเล่มน้อยจักสว่างกลางดวงใจ เพื่อดวงไทไปสู่ชีวิตงาม หลังจากนั้นผมไปนั่งกลับกลุ่มนักเรียนที่กำลังทานข้าวก็ได้รับบทกลอนบทนี้ จุดแสงเทียนแสงธรรมให้ส่องจ้า จุดดวงใจแห่งศรัทธาให้ผ่องใส จุดประกายแห่งฝันให้หัวใจ มอบดอกไม้แห่งรักให้แก่กัน เมื่อไหร่หนาแสงแห่งใจจะปรากฏ มาแทนทดอนธการม่านหม่นนี้ มีหมู่ดาวล้อมเดือนเอื้อนไมตรี ฟ้าจะมีมวลมิตรให้แก่กัน ผมนั่งอ่านกลอนบทนี้แล้วรู้สึกดีใจที่เด็กคนหนึ่งอายุ12 แต่งกลอนได้ดี และที่ดีใจกว่านั้นคือ ถึงน้องจะตาบอด แต่หัวใจกวีน้องกลับสว่างจ้ากว่าดวงตะวัน ผมเลยมอบกลอนให้น้องว่า น้องไม่เห็นแต่เป็นเช่นผู้รู้ น้องไม่ดูแต่รู้ว่าน้องเห็น น้องไม่อยู่เพียงโลกอันเฉียบเย็น แต่น้องเป็นแสงสว่างที่พร่างพราย จงมอบกลอนจากโลกกวีนี้ ในความมืดมากที่มีขยาย จงเป็นดาวเจิดจรัสพรรณราย และเป็นสายอีกธารวรรณกรรม เราจากกันมาแต่มิได้จากตลอดไป เพราะมิตรภาพพึ่งเริ่มต้นขึ้น
22 ธันวาคม 2551 11:43 น. - comment id 927127
เป็นความรู้สึกที่ดีค่ะ
22 ธันวาคม 2551 16:11 น. - comment id 927268
... น่ารักครับ..ดูอบอุ่น..และมีหวัง
22 ธันวาคม 2551 21:36 น. - comment id 927484
น่ารักจังค่ะ
23 ธันวาคม 2551 05:26 น. - comment id 927609
กวีย่อมไม่มีชนชั้นค่ะคนเป็นคนดีเหลือเกิน ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
23 ธันวาคม 2551 10:08 น. - comment id 927662
23 ธันวาคม 2551 10:47 น. - comment id 927682
ขอบคุณครูกระดาษทราย คุณประทีปดาว ลุงฝากฝัน คุณนรศิริ ที่ให้กำลังใจในสิ่งที่กฤตศิลป์ทำ และคำอวยพรดีๆของคุณพิมญดาด้วยครับ
23 ธันวาคม 2551 15:48 น. - comment id 927777
บทกลอนเป็นสื่อมิตรภาพสินะคะ ดีจัง ยินดีด้วยนะคะ
24 ธันวาคม 2551 04:23 น. - comment id 928148
ดีจริง