เนื่องจากเดือนหน้านี้ ซีไรต์ปี51ก็จะประกาศผลแล้ว จึงขอทบทวนรอยเท้าซีไรต์เพื่อเตือนความทรงจำครับ ดวงดาวพร่างพราวในเวิ้งฟ้า มีจันทราดวงแจ่มรังสีฉาย ข้ามคืนอุษาสางมาย่างกราย ความพร่างพรายของคืนจึงร้างลา เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วแตกดับ ดั่งดาราล่วงลับในฟากฟ้า แต่วรรณกรรมสรรขึ้นในโลกา จักชาลาคงอยู่คู่มวลชน วรรณกรรมคืองานสะท้อนชีวิต คือลิขิตคือแง่คิดนฤมิตผล คือความงามอันวิจิตรที่บันดล ให้ปุถุชนเสพซึ้งวรรณคดี วรรณกรรมคัดสรรสื่อความนัย สรรงานไปเพื่อสร้างทางวิถี มีคุณค่าวรรณศิลป์อันเปรมปรีดิ์ สุดรดีในถ้อยรจนา นัยหนึ่งคืองานผ่านการสรร ในวงศ์วานวรรณศิลป์ทั่วทิศา ทุกแหล่งหล้าทั่วฟ้าวสุธา คือที่มาของวรรณกรรม-คัดสรร ด้วยเหตุนี้ครูไทยควรรับรู้ นำวิญญาณของครูผู้สืบสาน เลือกสรรวรรณกรรมมาใช้งาน อนันตกาลจวบสิ้นทั้งภพไตร ด้วยเหตุเพราะวรรณกรรมมีมากล้น จนปัญญาของคนจะรับไหว จึงเลือกสรรที่ดีที่เด่นไว้ เช่นซีไรต์ - โนเบลวรรณคดี โนเบลคือวรรณกรรมชั้นเอก ที่สรรเสกกระจกเงาฉายรังสี กอปรคุณค่าชั้นเทพประดามี สดุดีวีรชนล้นคณา รพินทรนาถฐากูร คุรุเทพในตระกูลพราหมณ์วรรณา พรั่งพร้อมด้วยสินทรัพย์เลิศปัญญา ให้กำเนิดคีตาลชลีขจรไกล ผลงานจึงประจักษ์ไปทั่วทิศ ราชบัณทิต(สวีเดน)เอ่ยนามขานไข รพินทรนาถผู้นั้นไซร้ วรรณกรรมโนเบลวัย 52 ปี ด้วยสังขารเกิดจากวัตถุธาตุ 80 ปีจึงไม่อาจคู่ปฐวี ร่างได้ม้วยคืนสู่ธรณี แต่ความดีจักอยู่ชั่วฟ้าดิน ไพรสัณฑ์พรรณพฤกษ์ใหญ่กว่ากว้าง ภาพลายลวงด้วยลมเคล้าประทิน นกน้อยแรงอ่อนจะร่อนบิน โฉบวารินกินมัจฉาประทังตัว แม้ไม่เด่นก็จัดเป็นเช่นโคลนตม ที่หมักหมมปทุมมาผลิยอดบัว นภาสวยสดใสมีหมองมัว ชั่วชีพนี้คงมีวันพรรณราย ในอาเซียนมีทศมหาชาติ ร่วมสืบสานศาสตร์ศิลป์อันเฉิดฉาย เชิดชูเกียรติผู้ประพันธ์ชั้นแพรวพราย มิวางวายหายลับในจักรวาล เดือนสิงหาเวียนมาใบไม้ไหว ลุ้นระทึกสุดใจหาใดปาน สิ้นเสียงตัดสินคณะกรรมการ คือตำนานเล่าขานซีไรต์เวียน 50 ศกโลกในดวงตาข้าพเจ้า มนตรีชาวสงขลาเป็นผู้เขียน แทรกข้อคิดในดวงตาที่พร่าเลือน หรือสังคมได้เคลื่อนแปรเปลี่ยนไป ปี 49 ความสุขของกะทิ คือกะทิชั้นเลิศเปรมฤทัย งามพรรณงามเลิศงามวิไล งามอย่างไทยงามแท้งามระบิล ปี 48 ดินแดนในหุบเขา บินหลาบินเราคือเจ้าหงิญ ร้อยนิทานสานเรื่องให้ยลยิน เป็นนิทานอินนิยามของปุถุชน แม่น้ำรำลึกถึงช่างสำราญ ความน่าจะเป็น บ้านเก่า สัมฤทธิ์ผล อมตะยิ่งยงไม่อายชน สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนวินทร์เลียววาริณ ในเวลา แรคำประโดยคำ ประกรองคำรจนาพาโผผิน ประชาธิปไตยบนเส้นขนานของวินทร์ สู่แผ่นดินอื่นกนกพงศ์ ปี 38 ควบม้าก้านกล้วยย่ำกรุง ไพววินทร์รุ้งงามจากดอนคง เบนหน้าจากทุ่ง(กุลาร้องไห้)อันปลิดปลง ตัวเจ้าคงไม่รู้ซึ่งเวลา มุ่งมาเป็นครอบครัวกลางถนน มีโคมฉายสาดส่องบนศิลา ยืนหยัดทระนงดั่งหินผา ทุกธิวาราตรีบนฟ้าพราว ปี 35 ศักดิ์ศรีมีสมสืบ ทุกซอกหลืบมือนั้นสีขาว เจ้าจันทร์ผมหอมของมาลาคำจันทร์กล่าว เป็นเรื่องราวอัญชันคืออัญมณีแห่งชีวิต จิระนันท์ทำใบไม้ที่หายไป พนาไพรคงร้างมิมีผิด ตลิ่งสูงซุงหนักยังย้ำคิด ก่อกองทรายจะติดอยู่ได้อย่างไร ด้วยปณิธานกวีศรีสยาม ดาวอังคารเด่นงามเห็นสดใส แม้มีปูนปิดทองยังยองใย เพราะมีใจใฝ่หาซอยเดียวกัน นาฏกรรมบนลานกว้างเกิดมา คำพิพากษาของชาติไม่ผกผัน ขุนทองเจ้าจะกลับเมื่อฟ้าสางพลัน อย่าปิดกั้นเพียงความเคลื่อนไหว ลูกอีสานตำนานเด็กชายคูณ นามคำพูนบุญทวีแห่งดงไพร ซีไรต์จักยืนอยู่คู่ชนไทย ระบือไกลทั่วทิศสถิตนิรันดร์ 7 พฤศจิกายน 255
23 กรกฎาคม 2551 22:08 น. - comment id 877605
สวัสดีค่ะ แวะมาชื่นชมผลงานคุณภาพค่ะ
4 สิงหาคม 2551 16:15 น. - comment id 882372
ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล มีคุณคอยเรียบเรียงให้หาง่ายดี ดีจังได้มีโอกาสมาอ่านกลอนดีๆค่ะ
6 สิงหาคม 2551 21:39 น. - comment id 883364
ขอบคุณ คุณการัณยภาส ที่ชื่นชอบผลงาน และคุณแจ้นเองที่ยกยอบทกลอนจนเขินอาย และขอร่วมก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 แห่ง วรรณกรรมซีไรต์