**สองกรประณตน้อม....วันทนา ก้มกราบบูรพกษัตรา.....ฉัตรรั้ง บรมราชจักรีมหา.........วงศ์สวัสดิ์ ปกราษฎร์เวียนวารตั้ง...รัฐเรื้องนิกรเกษม นวรัชทรงปกด้วย.........ทศธรรม ทรงแผ่พระบารมีนำ....ชาติพร้อม ผดุงศาสน์สฤษฏ์สำ-.....เร็จยิ่ง พระเอย ปวงพสกสยามน้อม.....เกศก้มสดุดี** ศรีวารเวียนบรรจบครบอีกรอบ ประณตนอบกราบบังคมบรมศรี บูรพกษัตราฟ้าจักรี เทิดภูมีปกเกล้าผองชาวไทย พระเกริกเกียรติก้องไกรไปทั่วทิศ ทศพิธราชธรรมค้ำจุนให้ ประชาราษฎร์ทั่วเขตพ้นเภทภัย คือศูนย์รวมจิตใจของไพร่ฟ้า ได้อยู่ดีมีสุขพ้นทุกข์ร้อน พระอาทรดั่งฝนหล่นพรมหล้า ด้วยสำนึกระลึกถึงพระกรุณา ชาวประชาต่างแซ่ซ้องสดุดี .
6 เมษายน 2551 11:16 น. - comment id 835795
6 เมษายน 2551 11:09 น. - comment id 835812
ภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย และภูมิใจที่ได้อ่านกลอนเพราะๆจากใจของคุณ
6 เมษายน 2551 07:49 น. - comment id 837189
มาชื่นชมพระบารมี และแวะมาเอาที่ 1 ครับ สบายดีนะครับ ไปเลี้ยงควายต่อแล้วน๊า
6 เมษายน 2551 07:50 น. - comment id 837190
สวัสดีจ้า........ เช้านี้คุณตั๊กมาเยี่ยมเยียนด้วยความคิดถึงนะ...... ที่นี่เป็นไงบ้าง ถ่ายรูปสวยๆมาฝากหน่อยนะ สุขภาพล่ะ ดูแลดีหรือเปล่า?????? คุณปอน่ารักจัง.......อยู่ที่ไหนก็ไม่ลืมเมืองไทย จบแล้วก็มาทำงานที่บ้านเกิดของเราเน๊อะ
6 เมษายน 2551 07:52 น. - comment id 837191
อ้าวไปต่างประเทศอีกแล้วหรอ สงสัยไม่แคล้วแล้วล่ะ อิอิ
6 เมษายน 2551 07:53 น. - comment id 837192
น่าน....ว่าแล้ว..... ในที่สุดพระเอกขี่ม้าขาวดำสนิท บุกตลุยโคลนฝุ่นคลุ้งมาแย่งที่หนึ่งไปจนได้ ห่างกันแค่หนึ่งเสี้ยวนาที..............เฮ้อ...... เดี๋ยวไปดักตีหัวคุณคนบนเกาะก่อนดีกว่า เห็นแว่วๆว่าจะไปเลี้ยงควาย อืมม หรือว่าไปดักตีหัวควายดีหว่า?????
6 เมษายน 2551 07:56 น. - comment id 837193
จึ๊ยยส์..........ยังไม่ไปเลี้ยงควายอีก ( สงสัยจะรู้ทันว่าเราจะดักตีหัวเลยมาย้อนรอย ) ไม่ได้การซะแล้วเห็นทีต้องยอมสยบเผื่อจะพบกับความสงัดบ้าง อิอิ คุณคนบนเกาะสบายดีมั๊ยเอ่ย?? เช้านี้ทานอะไรหรือยังจ๊ะ ( เดี๋ยวพอเผลอค่อยวางยานอนหลับ ) อิอิ ล้อเล่นนะจ๊ะ
6 เมษายน 2551 08:32 น. - comment id 837195
ขอชื่นชมพระบารมีจักรีวงศ์ ด้วยคนน่ะครับ
6 เมษายน 2551 08:46 น. - comment id 837197
ภูมิใจและดีใจที่เกิดมาเป็นคนไทยนะค่ะ ป.
6 เมษายน 2551 09:44 น. - comment id 837198
ขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป แวะเข้ามาอ่านงอนกลอนสวย ๆ ครับ
6 เมษายน 2551 10:27 น. - comment id 837203
ด้วยพระบารมีจักรีบรมวงค์คุ้มครองไทย
6 เมษายน 2551 10:49 น. - comment id 837205
ยอดเยี่ยมและงดงามยิ่งใหญ่ เทิดเหนือศิระในดวงใจศรัทธา แห่งพสกนิกรไทยทุกดวงใจค่ะ พี่พุดกลับไปบ้านเกาะพะงันมาค่ะ ระหว่างนั่งเรือเฟอรี่ พี่พุดอ่าน *เจ้านายเล็กๆ- ยุวกษัตริย์* พร้อมพินิจภาพประกอบด้วยดวงใจ ที่แสนสงบงาม ด้วยความรู้สึกที่แสนปลาบปลื้มปิติ อย่างหาที่สุดมิได้.. ที่ได้เกิดมาใต้ร่มรัตน์ ฉัตรเพชรของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงทศพิธราชธรรมใต้ร่มไตรรงค์ อันอิสระเสรี ที่พี่พุดเพียรพลีอธิษฐานจิตให้ทุกดวงชีวี ไทยได้รู้รักสามัคคีกัน รู้สร้างสมานฉันท์ รู้ปันแบ่งเอื้อโอบ เพื่อให้โลกแลแผ่นดินไทยเรา ยังคงเป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง แผ่นดินไท ตราบชั่วกาลค่ะ ขอฝากผลงานแสนรักที่รจนาฝากไว้นะคะ ด้วยดวงใจธุลีหล้าข้าพระบาทที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เหนือชีวิตค่ะ ............................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem42257.html ความฝันอันสูงสุด พี่ที่รัก........ ฟ้าใกล้สว่างแล้ว...เสียงนกการ้องจุ๊บจิ๊บระงม..... อากาศเย็นสดชื่น......กลิ่นการะเวก แก้ว.. จำปี ...และพันธุ์ไม้ไทยนานา...ส่งกลิ่นหอม...... อวลละมุนมากับสายลมเยือกเย็น....ยามอุษาสาง หวันจุดเทียนหอม...ตามมุมต่างๆของบ้าน.... และจุดตะเกียงโบราณแสนรักเพื่อเขียน จดหมายถึงพี่....เปิดเพลงซึ่งอยากฝากไปกับสายลม.... ให้พี่ได้ยินคำครวญคร่ำ......... ตอบใจตัวเองมานาน... แอบรอคอยเธอก็รู้....... อยากให้เธอลองตรองดู...... ในความทรงจำ..เก็บไว้..... ต่างคนมีทาง..ต้องเดิน ........ .อาจมีเวลาต้องไกล..... หนึ่งคนยังคงรอใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น .......... อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า.... หากยังมีใจคุ้นกัน... .จะโยงใยความสัมพันธุ์ มาจนพบกันใกล้ตา....... ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ..... แบ่งปันในยามทุกข์ตรมไม่หวั่น..... ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกันจนเต็ม ... หวันคิดถึงพี่เหลือเกินค่ะ ในเวลาอย่างนี้ บรรยากาศอย่างนี้..และกับใจดวงนี้.. ที่แสนสงบสุข...แต่ว้าเหว่ลึกล้ำ....จนเกินใจจะทน...... หวันตื่นมาเพื่อเตรียมของจะไปใส่บาตร... เช้าวันนี้......เป็นวันสำคัญของคนไทยทั้งชาติ..... .พี่คงทราบดี คงซึ้งดี ว่าวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีนั้น เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ มีค่ามหาศาลต่อใจของพสกนิกรชาวไทยเพียงใด..... หวันเป็นเพียงธุลีเล็กๆที่ตั้งใจจะทำทุกสิ่งที่ดีงาม. .เพื่อถวายแด่พระองค์ท่าน หวันคิดว่าวันนี้คือวันที่..เรา..คนไทยทุกคนได้ร่วมร้อยดวงใจเป็นหนึ่งเดียวกัน... เพื่อประสานสามัคคี..และ..แสดงความจงรักภักดี ที่ตราตรึงในใจของเราทุกคนชั่วกาลนาน พี่คะ.... หวันเตรียมจัดของไปวัดด้วยใจที่อิ่มเอิบอย่างเหลือเกิน........ ใจดวงเล็กๆดวงนี้อยากย้อนวันคืนกลับ.... ไปเป็นเด็กหญิงตัวน้อยอีกครั้งหนึ่ง หวันยังจำได้ดีถึงยามเช้าแสนงาม.. ของชีวิตบ้านนอกของหวัน.... ยามเช้าที่เป็นวันสำคัญๆของชีวิต... ที่หวันจะต้องตามคุณย่าไปวัด..ไปทำบุญตามประเพณีไทย ของเรา....ที่หล่อหลอมให้วิถีไทยของเรามีความสงบงาม.. เรียบง่าย มากล้นน้ำใจ.. ต่อทุกสรรพสิ่ง..... หวันจะตื่นมาพร้อมกับเสียงไก่ขัน เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก....... กลิ่นดอกราตรี โมก และดอกพุดริมรั้ว ได้น้ำค้างยามเช้าพรมพร่าง มาหอมอวลปลุกนิทรา เสียงถ่านประทุ กลิ่นข้าวหอมร้อนๆที่เดือดปุดๆบนเตา เสียงตำน้ำพริก เสียงภาชนะกระทบกัน ล้วนแล้วแต่เป็นเสียงที่ทำให้หวันลุกจากที่นอน...... หวันมีหน้าที่จะต้องเตรียมดอกไม้เพื่อไปถวายพระ... เป็นดอกไม้ที่หวันเก็บจากริมรั้วบ้าน ชบาแดงจัดจ้าน ..... บานชื่นหลากสี ที่หวันคิดว่าคงแทนความเบิกบานร่าเริงใจ...... ดาวเรืองเหลืองละออ....แทนความสว่างไสวของชีวิตชีวา..... ทุกๆดอกคือความงามที่หวัน คัดสรรด้วยใจดวงงามของหวันเอง..... เอาความอิ่มเอิบของใจที่ใสงามและเย็นฉ่ำราวน้ำค้างยามเช้า มาผูกเป็นช่อร้อยรัด ........ ทุกๆสิ่งที่เรานำไปวัดมาจากใจที่งามล้ำค่าดั่งมณี.... หวันจะช่วยคุณย่าจัดของทุกอย่างใส่ลงใน..กะเฌอ..... ซึ่งบ้านหวันเรียกอย่างนี้.. .กะเฌอ..คือภาชนะที่สานละเอียดยิบ ด้วยไม้ไผ่ตอกละเอียด ด้วยฝีมือวิจิตรบรรจงของคนทางใต้ นำมาถักทอเป็นลวดลายงาม ทุกวันนี้ที่บ้านหวันยังมีอยู่หลายใบ และพี่จำได้ใช่ไหม มีใบหนึ่งเป็นใบเล็กๆที่พี่อุตส่าห์ แอบไปให้เค้าสานให้หวัน เป็นของขวัญชิ้นพิเศษ ที่หวันน้ำตาซึมเมื่อได้รับ ความพิเศษที่เหนือค่า เหนือราคา... .เพราะหวันซึ้งใจเหลือเกินที่คนที่หวันรักนักรักหนา .. และเรียกว่าผู้ชายคนพิเศษ ของหวัน... เข้าใจและมองเห็นความงามความละเอียดอ่อนเฉกเช่นใจเราเป็นดวงเดียวกัน พี่คะ........ หวันเคยกลับไปบ้านที่เกาะ และพยายามหามาเก็บไว้ เพราะหวันทราบดีว่า ของเหล่านี้นับวันจะหายากยิ่ง...... หาคนใจดวงละมุนฝีมือละไมละม่อม....ที่จะมาประดิษฐ์ ประดอย ด้วยใจดวงงามทั้งดวง..ทุ่มเท..ถ่ายทอดยากยิ่งนัก..... บางครั้ง..เวลามีงาน หวันจะนำมาใส่ผลไม้ และหวังว่าแขกของหวันสักคน ที่มีใจละเอียดอ่อนจะมองเห็นรายละเอียดของงานแห่งชีวิตนี้..... .แต่น้อยคนนัก ทุกคนมัวแต่ดื่มกิน เฮฮาปาร์ตี้จนหลงลืมและมองข้ามไป เราคนไทยยังโชคดีนัก ที่.. สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถองค์มิ่งขวัญ..ของเรา พระองค์ท่านทรงรัก ทรงห่วงใยงานศิลปกรรมทุกประเภท และมีโครงการศิลปาชีพ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และอนุรักษ์งานศิลปของไทยให้ดำรงอยู่ เพื่อเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่น่าภาคภูมิใจชั่วกาลนาน พี่คะ...โลกทุกวันนี้หมุนเวียนเปลี่ยนผันไป ชีวิตทุกคนรีบเร่ง..ต่อสู้ แย่งชิง เพื่อให้ได้มาสนองโลกแห่งวัตถุ คงมีน้อยคนที่จะมีเวลามามองเห็นความงามประณีตของวิถีชีวิต และมีเวลามาประณีตกับจิตภายใน แม้กระทั่งการเตรียมของไปวัด.... หวันถึงแสนเสียดาย เสียใจกับวิถีชีวิตสงบงาม ที่หวันเคยมีเคยเป็น เคยได้สัมผัส แต่หวันยังเชื่อมั่นว่า ในบางชนบท ที่ห่างไกลของประเทศเรานี้จะยังคง เหลือวัฒนธรรมทางใจ ให้โลกนี้มีวิถีที่จะนำเราเดินไปตามเส้นทางสายงามของชนบท ที่รายเรียงไปด้วยนาข้าว พระอาทิตย์ดวงโต ลัดเลาะผ่านกองฟาง ข้ามลำประโดง... เพื่อใช้เส้นทางสายสวยที่ธรรมชาติหยิบยื่นมาให้นี้....... นำเราไปสู่เส้นทางใจ ที่จะกล่อมเกลา ให้ใจของเรา สะอาด สว่าง สงบ..... และสร้างรากฐานความสุขทั้งสิ้นทั้งมวลของชีวิตเราหนึ่งนี้ ที่เราต้องอาศัย ใจที่สว่างล้ำด้วยปัญญาแห่งการเรียนรู้ เพื่อจะมองโลก มองชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น... พี่คะ........พี่ทราบดีทุกๆโอกาส ที่หวันเดินทางกลับบ้านเกาะของเรา หวันจะออกจากบ้าน ตอนตีสาม ตีสี่ หวันจะเตรียมของใส่ท้ายรถเอาไว้ และไม่ลืมเลยที่จะเตรียมของพร้อมที่จะใส่บาตร ไปด้วยทุกครั้งครา....... หวันจะชงกาแฟหอมอ่อนๆ มีกลิ่นช่อเล็บมือนางจากประตูรั้วบ้านแกล้มกลิ่นกาแฟ ในรถ เพื่อรับอรุณรุ่งแสนงามของชีวิต และจะเปิดเพลงเย็นๆคลอเคล้า...... ยามอุษาฟ้ากระจ่าง ทั่วนภางค์สว่างแล้ว.... ตื่นนิทราเสียเถิดน้องแก้ว สว่างแล้วนะแก้วตา..... แจ้วจำเรียง เสียงกระซิบสั่งดังสัญญา กระซิบคำรักว่าอุษาสวาทวอน อย่าข้องใจมอบฤทัยไว้ด้วยกัน ยามน้องหนาวตัก พี่ซบดวงพักตร์อบไอรักให้อุ่นพลัน.... อย่าโศกสันต์ ขวัญตา เจ้าอย่าลืมสัมพันธุ์ปองรักกันจนวันตาย......... ********* และเมื่อพ้นจากกรุงเทพ..... แหงนมองออกไปยังฟากฟ้ายามเรื่อเรือง ดาวดวงโตที่ระยิบระยับ จันทร์สีทองสุกปลั่งค้างฟ้า จะทำให้ใจเรา มีพลังรับความเบิกบานในเช้า วันใหม่ของโลก เมื่อเข้าเขตเพชรบุรีเมืองน้ำตาล.... พี่ที่รักจะเห็นสองข้างทางที่จะทำให้ ต้องตื่นจาก ภวังค์.... พระอาทิตย์จะค่อยๆชักรถโผล่พ้นดงตาลออกมาเยี่ยม เยือนทายทักโลก .... ลำแสงสีทองจะค่อยๆ ทาบทา โลมไล้นาข้าว ราวกับจะค่อยๆ พรมจูบลูบไล้ทุกรวงเรียวเพื่อเผยอแย้มบานรับพลังแห่งชีวิต นกกา..ผีเสื้อบินว่อน.. นกกระยางขาวราวภาพวาดสลับกับความเขียวขจี ของพืชพรรณทุกกิ่งใบ ทุกสรรพสัตว์ตื่นมาอย่างเริงร่าเพื่อสู้ฝัน สู้วันใหม่ ทิวเขาสลับสล้าง.... .เป็นฉากงามตระการตาตระการใจจนตื่นตาตื่นใจ....... เบื้องหน้านั้นคือโลกแห่งความฝัน..หรือโลกแห่งความจริง..... ใกล้ตาใกล้ใจจน เราสัมผัสได้ ..... .และที่นั่นจะมีพระภิกษุเดินเป็นแถวยาวเพื่อให้ชาวบ้านใส่บาตร หวันพรรณนาความงามที่ธรรมชาติเมตตา ให้แก่มวลมนุษย์ออกมาเป็นภาษา เขียนยากลำบากยิ่ง นาทีนั้น หวันอยากเกิดมาเป็นกวี อยากเกิดมาเป็นนักประพันธ์ เอก อยากเกิดมาเป็นนักวาดรูป...... ที่จะได้สะท้อนใจ ....สะท้อนความงามออกมา ให้โลกรับรู้ได้อย่างหมดจด เท่าที่ใจของหวันได้สัมผัสเห็นงามละเมียดละไมนี้ จากใจที่อ่อนโยนดวงนี้ พี่คะ.......หวันเล่าไปยาวเลย เพราะอยากจะบอกผู้ชายคนดีคนพิเศษสุด ของชีวิตหวันให้ได้รับรู้ถึงความคิด. .ความรู้สึกของหวันที่ยากนักที่ใครจะได้สัมผัสและ หยั่งถึง ดังเฉกเช่นพี่ ซึ่งพร้อมเปิดห้องหัวใจที่จะเข้าใจเสมอมา.. และคงตลอดไปนะคะ หวันกลับจากวัดก็มาเขียนจดหมายนี้ต่อ คงเป็นจดหมายที่ยาวมาก เพราะหวัน ใช้ใจทั้งดวงของหวันเขียนทุกสิ่งถึงพี่.... ไปวัดวันนี้ หวันมีความสุขมากล้น ลั่นทมขาวคู่ใจหวันยังบานอวดดอกสะพรั่ง หวันทรุดตัวนั่ง..และเก็บดอกร่วงหล่นมาทัดหู ใจหวังจะให้หอมไปถึงเส้นผม โลมไล้แทรกซึม ไปประโลมใจดวงร้าวให้สร่างซาจากคิดถึงพี่...... หวันชอบวัดนี้ เพราะเป็นวัดที่มีต้นไม้มากมายราวจำลองป่ามา หวันชอบเดินทอดน่องชมนกชมไม้...... .และคิดไปว่านี่คือสวนแห่งธรรม.......... ธรรมชาติจริงๆ........ ที่นี่มีหนังสือธรรมมะมากมายให้อ่าน เพื่อกล่อมเกลาจิตใจ และค้นหาแสงธรรมแห่งจิตวิญญาน เหล่าพระสงฆ์ที่เป็นตัวแทนของพระบรมศาสดา ได้เขียนชี้ทาง นำทาง หลวงพ่อพุทธทาส....หลวงพ่อปัญญา.....หลวงพ่อเทียน... หลวงพ่อชา ....หลวงพ่อจรัญ.........และอีกนับไม่ถ้วน.............. ในเส้นทางสายจิตนี้ อยู่ที่เราจะมีดวงตามองเห็นธรรมหรือไม่...... และค่ำคืนนี้...... หวันก็ไปที่ศูนย์เมืองทองใกล้บ้าน ซึ่งกำลังมีงานค่ะ....เพื่อไปจุดเทียนถวาย พระพรแด่พระองค์ท่าน. .มิ่งขวัญของใจปวงชนชาวไทยทุกๆดวง..... หวันน้ำตาซึม..... เมื่อมองเห็นแสงเทียนพริบพราว สว่างไสว ตอกย้ำใจให้รู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.. ใจของคนไทยทุกดวงก็ยังมีที่ยึดเหนี่ยว แน่นเหนียวเป็นหนึ่งเดียว ด้วยพระเมตตา บารมีจากน้ำพระทัย ที่ปกเกล้า..ปกกระหม่อมมานานนับหลายทศวรรษ หยดน้ำตาเทียน ทำให้นึกถึงพระเสโทจากพระวรกายของพระองค์...... ที่ยอมทุ่มเทจนแทบทานทนไม่ไหว เพื่อพลีให้แผ่นดินนี้ มีสุข สงบ ร่มเย็น เป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง เพื่อลูกหลานชาวไทย......... หากแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไม หวันน้ำตาซึมด้วยปลื้มปิติ ด้วยสำนึก ด้วยใจที่ตั้งมั่น.... ว่าแม้เราจะเป็นเพียงธุลี แต่ทุกธุลีนี้ คือส่วนหนึ่งที่จะหลอมรวมให้ไทยนี้ มีแผ่นดิน ที่เราจะเชิดหน้าบอกใครได้อย่างภาคภูมิ ว่า......เราคือคนไทย ..เรามีแผ่นดินของเรา ..... เรามีพระมหากษัตริย์ไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เกินจะเปรียบปาน..... พี่ที่รัก..... หวันหวังว่าพี่ซึ่งเป็นข้าราชการ. ข้าของแผ่นดินนี้ คงทำหน้าที่ได้มากกว่าหวัน งานของพี่ปกป้องแผ่นดินนี้โดยตรง... หวังว่าพี่คงรู้ว่าหน้าที่ของมนุษย์นั้นคืออะไร โดยเฉพาะหน้าที่ ของลูกผู้ชายคนดี ต่อแผ่นดิน ต่อชาติ และเพื่อให้ผู้หญิงคนนี้ของพี่ภูมิใจ........ หวันคิดถึงพี่มากล้น มากเกินกว่าจะบอก มากเกินกว่าจะนำสิ่งใดๆมาเปรียบเปรย แผ่นฟ้า แผ่นดิน แผ่นน้ำ น้อยไป เมื่อเทียบกับใจดวงนี้ที่รักพี่แน่นหนักนัก หวันขอฝากบอกเพียงว่า เหนือความรักระหว่างเราสอง หวันอยากให้พี่รักแผ่นดิน ของเรา เพราะเราได้เกิดมาเพื่อพบ..... และรักกันก็เพราะผืนดินไทยแห่งนี้......นะคะคนดี ************* บทเพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด........ ขอฝันใฝ่ ในฝัน อันเหลือเชื่อ ขอสู้ศึก ทุกเมื่อ ไม่หวั่นไหว ขอทนทุกข์ รุกโรม โหมกายใจ ขอฝ่าฟัน ผองภัย ด้วยใจทะนง จะแน่วแน่ แก้ไข ในสิ่งผิด จะรักชาติ จนชีวิต เป็นผุยผง จะยอมตาย หมายให้เกียรติดำรง จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา ไม่ท้อถอย คอยสร้างสิ่ง ที่ควร ไม่เรรวน พะว้าพะวัง คิดกังขา ไม่เคืองแค้น น้อยใจ ในโชคชะตา ไม่เสียดาย ชีวา ถ้าสิ้นไป นี่คือ ปณิธาน ที่หาญมุ่ง หมายผดุง ยุติธรรมอันสดใส ถึงทนทุกข์ ทรมาน นานเท่าใด ยังมั่นใจ รักชาติ องอาจครัน โลกมนุษย์ ย่อมจะดี กว่านี้แน่ เมื่อมีผู้ ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยัน ยังยืนหยัด สู้ไป ใฝ่ประจัญ ยอมอาสัญ ก็เพราะปอง เทอดผองไทย ..
6 เมษายน 2551 13:09 น. - comment id 837219
ก็เป็นบุญนะคะที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบารมี ทั้งคุณอรุณสุข และคุณปราณรวี แต่ง โคลงและกลอนได้ยอดเยี่ยมมากค่ะ ขอชื่นชม
6 เมษายน 2551 16:46 น. - comment id 837237
สวัสดีครับคุณมัสลินเพิ่งกลับจากเลี้ยงควายครับเมื่อเช้ารีบได้ทานข้าวกะปลาทอดครับ เย็นนี้ยังมะรู้จะมีไรทานบ้าง สบายดีนะครับ
6 เมษายน 2551 18:28 น. - comment id 837245
ทรงพระเจริญ สวัสดี ป.และคุณตั๊ก พร้อมๆกันทั้งสองท่านครับ ขอให้มีความสุขมากๆ ทั้งที่เมืองไทยและเมืองนอก
6 เมษายน 2551 18:34 น. - comment id 837247
6 เมษายน 2551 19:05 น. - comment id 837255
.....ตั๊กแก่..... .....เอ๊ยๆๆ ไม่ใช่ๆๆ .....แหะ..แหะ...ตั๊บแก่ ต่างหาก หุห สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆทุกท่านด้วยค่ะ คุณลุงด้วย อิอิ
6 เมษายน 2551 20:42 น. - comment id 837271
ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศเลยค่ะ แวะมาชื่นชมในผลงานของคุณทั้งคู่นะค่ะ
7 เมษายน 2551 10:17 น. - comment id 837347
สวัสดีครับ..ม่วยน้อย...เถ้าแก่กลับมาจากนคร แล้ว..แวะมาบ้านกลอน..อ่านกลอนแล้วหายเหนื่อย..ไม่รู้เป็นไร พักนี้เหนื่อยง่าย..งานประจำทำไม่ทันงาน วิทยากร..เข้ามาถี่มาก คาดว่าคงจะถูก ผอ.ไล่ออกในไม่ช้านี้ครับ
7 เมษายน 2551 12:22 น. - comment id 837368
จักกรีวงศ์ลือล้นฟ้าแดนไกล หมู่พสกนิกรเทศไทยทั่วหล้า ต่างเคารพในความดีเทอรดไท้ เหนือจดใต้แซ่ซ้องลือเลื่องพระบารมี แจมด้วยคน ครับ
7 เมษายน 2551 16:29 น. - comment id 837420
วันจักรี ตรงกับวันที่ ๖ เมษายนของทุกปี เป็นวันที่ระลึกถึง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประวัติการตั้งชื่อวันจักรีมีว่า เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จปราบดาภิเษก ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และทรงสร้างกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของไทย มาจนทุกวันนี้ รัชกาลที่ ๑(ร.๑) :: ได้ก่อตั้ง โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือพระรามาธิบดีที่ 1 พระองค์ ทรงประสูติ เมื่อ วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๘๐ มีพระนาม เดิมว่า "ทองด้วง" และเสด็จขึ้น เสวยราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ พระองค์ทรงครองราชย์ อยู่เป็นเวลา ๒๘ ปี ในช่วงรัชสมัย ของพระองค์ ทรงรวบรวม ราชอาณาจักร ให้เป็นปึกแผ่น อย่างมั่นคงและ ทรงได้รับการสรรเสริญว่า ทรงเป็นรัฐบุรุษ ผู้ปรีชาสามารถ เป็นนักกฎหมาย เป็นนักกวี และชาวพุทธผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระศาสนา ดังนั้น รัชสมัย ของพระองค์ จึงได้รับ การกล่าวขานว่า เป็นยุคของ "การสร้างสรรค์ฟื้นฟู" แห่งรัฐ และ วัฒนธรรมไทย พระองค์ ทรงเป็น กษัตริย์ ผู้ก่อตั้ง กรุงเทพมหานคร ให้เป็นเมืองหลวง ของไทยมาจนทุกวันนี้ รัชกาลที่ ๒(ร.๒) :: ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๔ ของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ คือ สมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือ สมเด็จพระรามาธิดี ที่ ๒ ได้เสด็จขึ้น เสวยราชสมบัติ สืบต่อมา ในช่วง รัชสมัยของ พระองค์นี้เอง ที่ได้มีการฟื้นฟู ศิลปะ และวัฒนธรรมไทย กันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านวรรณคดี สมเด็จ พระรามาธิบดี ที่ ๒ เองก็ทรง พระอัจฉริยะภาพ ในด้านศิลป์ รัชกาลที่ ๓(ร.๓) :: คือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ทรงโปรด ให้สร้าง ป้อมปราการ ในประเทศ และ เสริมสร้าง กำลังกองทัพ ให้แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ก็ทรงรับสั่ง ให้สร้าง สิ่งปลูกสร้าง อีกหลายอย่าง ในช่วง รัชสมัย ของพระองค์ นี้เอง ที่ศิลปะ ก้าวถึงจุดเจริญ รุ่งเรืองสุดขีด นับตั้งแต่ สมัยกรุงศรี อยุธยา เป็นต้นมา กล่าวกันว่า ในรัชกาล ของสมเด็จ พระรามาธิบดี ที่ ๒ และที่ ๓ นี้เปรียบ ได้กับ "ยุคทอง" แห่งวรรณคดี และ ศิลปะ เปรียบได้กับ ยุคของ สมเด็จ พระนารายณ์ มหาราช แห่งกรุงศรี อยุธยา ก็ว่าได้ รัชกาลที่ ๔(ร.๔) ::พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 4 หรือ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๔๓ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ทรงเป็นผู้นำที่ทรงพระอัจฉริยะ ด้านการศาสนา พระองค์ ทรงริเริ่ม การติดต่อ ค้าขาย กับต่างประเทศ และทรงริเริ่ม ให้มีการใช้ วิทยาศาสตร ์ตะวันตก และนำความ ทันสมัย มาสู่ ประเทศไทย รัชกาลที่ ๕(ร.๕) ::พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือพระปิยะมหาราช พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในช่วง แห่งการครองราชย์ เป็นเวลา ๔๒ ปีของสมเด็จ พระปิยะมหาราชนี้ ได้มี การเปลี่ยนแปลง และ การปฏิรูปมากมายหลายอย่าง ในประเทศไทย กล่าวคือ มีการเลิกทาส ได้มี การนำเอา ระบบการบริหาร แบบสมัยใหม่ เข้ามา ในประเทศ มีการ จัดตั้ง การศาล ที่มี ประสิทธิภาพ การศึกษา ได้ถูกแพร่ ขยายออกไป อย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ระบบการเงิน ก็ยังได้มีการปรับปรุงใหม่ รัชกาลที่ ๖(ร.๖) ::สมเด็จพระมหาวชิราวุธ พระราชโอรสองค์ที่ ๒๙ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรง สานงานต่อ โดยการรวบรวม ความเป็น ปึกแผ่น และพัฒนาประเทศชาติ ให้เจริญ รุ่งเรือง สืบต่อไป จากเดิม พระองค์ ได้ทรงช่วยจรรโลงภาษาและ วัฒนธรรมของชาติอย่างมาก จนกระทั่ง บางครั้ง มีผู้กล่าวว่า พระองค์คือ นักกวี ที่เป็น กษัตริย์ ความสำเร็จ อันยอดเยี่ยม ในรัชสมัย ของพระองค์ ก็คือ สนธิสัญญา ใหม่ๆ หลายฉบับ ที่ทำขึ้น ระหว่าง ประเทศไทย และประเทศ มหาอำนาจอื่นๆ เพราะเท่ากับ เป็นการช่วย เสริมศักดิ์ศรี ของประเทศไทย พระองค์ ยังทรงโปรด ให้มีการนำ ธงไตรรงค์ มาให้แทน ธงสีแดง มีช้างเผือก อยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็น แบบเก่า รัชกาลที่ ๗(ร.๗) ::พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว พระอนุชาในสมเด็จพระมหาวชิราวุธ ได้รับการสืบทอดราชสมบัติต่อ (เป็นพระมหากษัตริย์ ผู้ซึ่ง ครองราชย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ องค์สุดท้าย) เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ก็ได้ เกิดการปฏิวัติขึ้น และพระองค์ก็ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าให้มี การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญพระองค์ทรงสละราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ และทรงเสด็จสวรรคตในเวลาต่อมา รัชกาลที่ ๘(ร.๘) ::ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเนรเทศพระองค์เอง อยู่ในต่างประเทศทรงสละพระราชบัลลังก์ ไว้ให้พระราชนัดดา (พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล) พระองค์ ผู้ซึ่ง ครองราชย์อยู่เป็น เวลาเพียง ๑๑ ปี ก็ทรงเสด็จสวรรคต อย่างปัจจุบันทันด่วน รัชกาลที่ ๙(ร.๙) :: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเป็นพระอนุชา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงสืบราชบัลลังก์ ในเวลาต่อมา จนกระทั่ง ถึงปัจจุบัน ขอร่วมสดุดีเนื่องในวาระครอบรอบวัน สถาปนาราชวงศ์จักรี..๒๒๖ ปี อันเป็น มหามงคล..ขอให้ทุกพระองค์รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงพระเกษมสำราญ สถิตเป็นมิ่งขวัญชาวไทยตราบนานเท่านาน.. ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ.
8 เมษายน 2551 09:28 น. - comment id 837532
๑,๓ คนบนเกาะ....โหหห เล่นกะเขาด้วยเหรอคะ ชิงที่ ๑ นี่น่ะค่ะ..ปิดเทอมนี่ไม่ได้พักเหรอ ต้องออกไปเลี้ยง ควายอีก โห ชีวิต.. ๒,๔,๕ คุณตั๊ก....ฮ่าๆๆๆ พระเอกขี่ม้าขาวผ่านมา แล้วก็ผ่านไปโดยไม่ได้เหลียวมองแม่นางที่รอทักทายเลยเนาะ อย่างนี้สมควรแล้วที่จะดักตีหัว?..อิอิ ๖ คุณไร้อันดับ....คิดว่าคนไทยทุกคนต่างก็คิดแบบนี้ เหมือนกันค่ะ ๗ คุณรัน....ป ก็เช่นกันค่ะ ๘ คุณหลวงวิจิตรฯ....คิดเหมือนกันค่ะ ขอบคุณค่ะที่แวะมา ทักทาย ๙ คุณไหมไทย....ป ก็คิดเช่นนั้นค่ะ ขอบคุณค่ะที่แวะมา ๑๐ พี่พุด....ภูมิใจนะคะที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย อยู่ใต้ร่ม พระบารมีแห่งพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง ๑๑ คุณนันทัชพร....ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาทัก ๑๒ คุณแจม....โหหหหพูดย้าววววววว..อิอิ ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาทักทาย ๑๓ คุณช่อ....ขอบคุณค่ะ ป นี่แต่งกลอนเกี่ยวกับคำสูงๆ ไม่ค่อยได้หรอกค่ะ นึกคำไม่ออก แถมบางคำนึกออกไม่เขียน ผิด ก็ไม่รู้ความหมายซะงั้น ๑๔ คนบนเกาะ....อิจฉาคนอยู่เกาะเนอะ ได้ทานปลาสดๆ ทุกวัน..ตกลงอยู่เกาะแล้วเลี้ยงควายไว้ทำไรคะ..อิอิ ๑๕ คุณฤทธิ์....เป็นไงมั่ง ตกลงสงกรานต์กลับบ้านหรือเปล่า คะ..น่าจะได้หยุดหลายวันนะ ไม่มีคนงาน นายช่างจะทำงาน ยังไง ไม่น่าถามเลย ป ๑๖ ฝน....ดีจ้า.. ๑๗ ช้างน้อย....หวัดดีค่ะช้างน้อย เรียกลุงระวังมีคนโกรธนะ คริๆๆ ๑๘ ผู้หญิงไร้เงา....พระมหากษัตริย์ทุกประองค์ของไทย ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรเสมอนะคะ ๑๙ เถ้าแก่....อิอิ ถูกไล่ออกเลยเหรอ งั้นไปหลวงพระบาง เลยดิ้ ตั้งรกรากที่โน่นเลย ว่างเมื่อไรม่วยน้อยจะไปเยี่ยม หาซ้อด้วย ฮี่ๆ ๒๐ จ่าน้อย....ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทาย ๒๑ ลุงเชย....ขอบคุณมากค่ะสำหรับพระราชประวัติ ฉบับย่อ..น่าจะเลื่อนไปเป็นคอมเม้น ๑ เนาะ อิอิ
8 เมษายน 2551 14:06 น. - comment id 837557
9 เมษายน 2551 09:16 น. - comment id 837733
๒๓ คุณ ๒ จุด ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทาย
20 พฤศจิกายน 2551 21:15 น. - comment id 916011
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย ขอพรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอยู่กับพสกนิกรชาวไทยไปตลอดกาลนาน
2 ธันวาคม 2551 20:47 น. - comment id 920686
สุดแผ่นดิน แผ่นฟ้ามหาสมุทร ได้น้อมเกล้าฯกราบ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ขอน้อมเกล้า น้อมกระหม่อม ถวายความจงรัก และภักดีตลอดกาล