ตะบี้ตะบันมั่นมุ่งแท้ แน่ใจ ทีท่าเหิมเริงไฟ ใฝ่สะท้อน ประชาธิปไตยไง ฉันมั่น กมลแฮ มีสิทธิ์ใช้สิทธิ์อ้อน สิทธิ์ใช้ ไฉนทราม ฯ งามสุนทรีย์พร่างพร้อย ภาพงาน งามยิ่งแล้อุดมการณ์ เหล่าข้า ศิลปะแห่งชาติตระการ จรุงจิตต์ งามสะท้อนสัจจ์กล้า เหล่าข้า มั่นผดุง ฯ งามศิลป์ค่าเลิศล้ำ ย้ำยิน งามค่าควรแผ่นดิน สยามหล้า ควรเทิดเปิดแสดงสิ้น เสพทั่ว กันนา มากหลากรางวัลท้า จึ่งกล้า การันตี ฯ กระท้อนทุบทุบเถิดถ้า รสดี ท่านเอย แก้วหากคือเลิศมณี รัตน์ล้ำ เนิ่นกาลนับพันปี ชนนอบ นบเฮย มิใฝ่ ปาคูถซ้ำ ปิดกั้น แสงมณี ฯ เวทนาปลาเต่าน้อย หอยปู หากว่ายหมายชื่นชู ฝั่งแพร้ว กระแสซัดสาดกราดกรู เกยหาด มิปรารถนาอีกแล้ว เหือดสิ้น ศรัทธา ฯ ร้อยร้อยโจรว่าร้าย ยังดี ท่านเอย ปล้นปอกลอกไปที แค่เสี้ยว ศรัทธาถูกย่ำยี ปล้นนิ่ม วายวอดวนหม่นเถี้ยว โศกสิ้น กัปกัลป์ ฯ ผดุงปริยัติไว้ ยืนยง ภิกษุหนึ่งธำรง กิจไว้ คันถธุระคง เพียรมั่น สืบแล ท่ามยุคศรัทธาไร้ บากหน้า ผดุงเดิน ฯ *คูถ = อุจจาระ เถี้ยว = เที่ยว **หลังจากได้ดู จับเข่าคุย ช่อง3 หลายวันก่อน** หมายเหตุ ๑.ผลจากสิ่งที่ศิลปินสะท้อนโดยเหมารวมคณะสงฆ์ ก็ได้เห็นคนจำนวนหนึ่ง โพสเข้าไปด่าพระอย่างครึกโครม ตามเวปที่มีข่าวลงโดยไม่กระดากปาก มีความแตกแยกทางความคิดอย่างชัดเจน (สงสัยว่า ศาสนิกศาสนาอื่น ๆ ไม่เห็นลุกมาสะท้อนแง่มุมเสีย ๆ ของศาสนาตนเองเลย ...งานนี้ไม่รู้ใครได้ ใครเสีย ) ๒. เห็นเรือด่วนเจ้าพระยาจากท่าน้ำนนท์บางลำ เอาป้ายข้อความ ที่นั่งสำหรับภิกษุ-สามเณรออกแล้ว(ทาสีกลบ) ถึงไม่ทำอย่างนั้น ปกติคนที่ไปนั่งตรงนั้นก็ไม่มีใครลุกอยู่แล้ว (พระผู้ใหญ่ บารมีมาก เกิดอะไรขึ้น ท่านจะไม่ได้รับ ผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น สัมภาษณ์อะไรท่านต้องให้เป็นกลางที่สุด อยู่แล้ว ) ๓.ประเทศ สถาบัน หรือสมาคมไหน ที่ถูกประณามหยามเหยียด ถูกรังเกียจ ถามว่าใครอยากเข้าไปอยู่ ไปเป็นส่วนหนึ่งในสถาบันนั้นบ้าง ถามเรา ๆ ก็ คงบอกว่า no thanks คนจะสืบทอดศาสนาก็คงน้อยลงเรื่อย ๆ ทุกวันนี้ เห็นบวชกันแค่ ๗ วัน ๑๕ วันยังไม่ทันได้เรียนรู้อะไรเลย... ๔.ชาวพุทธที่เคยรู้เกี่ยวกับพุทธประวัติตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์เป็นต้นมา รู้เรื่องราวเกี่ยวกับผ้ากาสาวพัสตร์ จะไม่กล้าหมิ่นน้ำพระทัยพระพุทธเจ้าเลย จะไม่กล้าแม้แต่จะคะนองคิด นี่เล่นเอาจีวรพระมาขึงเขียนภาพอุดจาด แทนที่จะใช้ผ้าอย่างอื่น...ศิลปินน่าจะศึกษาพุทธให้มากขึ้นกว่าคนทั่วไป ๕. พระบางรูปมีพร้อมทั้ง ศีลาจารวัตร บางรูปแม้ อาจาระ(มารยาท) หรือ วัตร (ข้อปฏิบัติ) อาจดูไม่เข้าตาชาวบ้าน (เช่นออกมาประท้วง ) แต่มิได้หมาย ความว่า ท่านไม่มีศีล(ในส่วนวินัยข้อห้าม) อยากด่าพระควรระวังให้มากไว้ก่อน....(ไม่ใช่ของฟรีอย่างที่คิด) เราจะได้ปลอดภัย...(เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รอง ยังจะเอากะทะทองแดงห้อย คออีก)( กะทะ= กระทะ ) ๖.สมัยพุทธกาลมีภิกษุชั่วบาปหยาบร้ายกว่านี้เยอะ (ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก วินัยปิฎก จะมีตัวอย่างพระทำอะไร ๆ อย่างที่เราคาดไม่ถึง ) พระพุทธเจ้า ทรงยอมรับจุดนั้น ได้วางโทษไว้เป็นระดับ ๆ และข้อแก้ไขไว้เป็นระดับ ๆ หนัก เบา ๗.พระพุทธเจ้าเคยเสด็จไปปกป้อง พระญาติศากยวงศ์ถึง สามครั้งสมัยถูก พระเจ้าวิทูฑะภะ ยกทัพไปเข่นฆ่า ..ถึงกรุงกบิลพัสด์ จนวอดวาย สูญสิ้นศากยวงศ์ ในสมัยนั้น ในที่สุดห้ามไม่ได้ ท่านก็จึงวางเฉย สถาบันที่ควรปกป้องพระองค์ก็ทรงปกป้อง ไม่ทอดทิ้งธุระเสีย.... เรื่องที่ควรเฉยจึงเฉย เช่น ถูกนางมาคันทิยา จ้างคนไปตามด่าเวลาเข้า ไปสู่คาม นิคม หรือบิณฑบาต เป็นต้น... .ถ้าอุบาสกอุบาสิกา เข้มแข็ง พระคงไม่ต้องออก มาประท้วงจีวรปลิวอย่างในไทยหรือในพม่า ฯ ๘. เงินทอง บุตรธิดา ฯลฯ เป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจ ได้ในชาตินี้ชาติเดียว เท่านั้น แต่ศรัทธาเป็นอริยทรัพย์ ๑ ใน ๗ อย่างที่ตามไปอำนวยสุขให้ได้ใน ทุกภพทุกชาติ ขอให้พี่น้องผองเพื่อนรักษาไว้ให้ดี....... ผู้ใดห้ามคนอื่นทำบุญ ทำกุศล หรือทำประโยชน์ ต่าง ๆ ( ด้วยวาจาตรง ๆ ก็ดี ด้วยการ ทำลายศรัทธาเขาวิธีใดวิธีหนึ่งก็ดี ) ผู้นั้นชื่อว่า ปล้นบุญของผู้จะให้ทาน ปล้นลาภของผู้จะได้รับ พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่าเป็น มหาโจร ฯ
18 ตุลาคม 2550 00:18 น. - comment id 772854
คนไทยส่วนใหญ่ที่บอกว่าตนเองนับถือศาสนาพุทธนั้น แท้จริงแล้วหากจะถามว่าคุณได้รักษาศีล 5 ข้อครบหรือเปล่าแล้วศีลข้อ 1 ถึงข้อ 5 คุณจำได้ดีแค่ไหน คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราได้ศึกษากันอย่างถ่องแท้รึไม่ เมื่อเราได้ศึกษาอย่างแท้จริงแล้วเราจะรู้เองว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนที่ไม่ดี ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เราจึงควรเทิดทูลไว้ ให้สมกับที่เราเป็นคนไทย เรานับถือศาสนาพุทธ
18 ตุลาคม 2550 00:33 น. - comment id 772856
สวัสดีครับแสงเหนือ ดีมากเลยครับโคลงนี้ เอาน่าไม่เก่งเรื่องกลอนรัก สำหรับแนวนี้คุณทำได้ดีครับ นับถือ ว่างสอนบ้างนะครับ อยากแต่งเป็นบ้าง
18 ตุลาคม 2550 01:07 น. - comment id 772871
อันคำว่าประชาธิปไตย คืออะไรในความหมายของคำนี้ จึงถูกใช้กล่าวอ้างอย่างเสรี ในวจีวิจารณ์ทุกการณ์กล ทั้งประณามหยามเหยียดให้เดียดฉันท์ ใช้สิทธิ์กันทุกที่ทุกแห่งหน ประชาธิปไตยให้สิทธิ์แก่ทุกคน จึงใช้สิทธิ์กันล้นไม่สนใจ เพราะต่างคนต่างมุ่งจะใช้สิทธิ์ ท่านเคยคิดถึงส่วนรวมกันบ้างไหม ประเทศชาติของเราจะเป็นอย่างไร ถ้าทุกคนร่วมใจใช้สิทธิ์เกิน --------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------- ประชาธิปไตยให้สิทธิ์ทุกคนในการแสดงความคิดเห็น แต่ทุกคุนที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ควรจะแสดงความคิด(ที่ดีดี)และความเห็น(ใจคนอื่นบ้าง) เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง โลกจะได้สดใสขึ้น การด่าทอ ส่อเสียด เหยียดหยาม คนอื่น ไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้แตกแยก และสับสนวุ่นวาย ถ้าด่ากันแล้วได้ดี ผู้คนคงออกมาด่ากันทั้งเมือง แล้วเราจะหาความสุขได้จากที่ไหน
18 ตุลาคม 2550 05:10 น. - comment id 772900
ดีคะ แวะมาอ่านบทกลอนที่ไพเราะค่ะ
18 ตุลาคม 2550 06:24 น. - comment id 772908
คงถึงกาลสมัยแห่งกลียุคเสียแล้วมั้งนี้ อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้ โลกมนุษย์ก็จะกลายเป็นแดนนรก สัตว์นรกขึ้นมาเดินปะปน หน้าตาปกติแต่ใจจ้องทำลาย
18 ตุลาคม 2550 07:09 น. - comment id 772917
คิดว่าไม่เหมาะไม่ควรทั้งสองฝ่ายเลยอ่ะค่ะ
18 ตุลาคม 2550 07:33 น. - comment id 772928
เสพศิลปเนื้องานศิลปยินยลแยบ ไร้รูปแบบคือแบบหนึง่พึงศึกษา ห่มเหลืองประเทืองชัดใช่สัจจา มิรู้ว่าภายในใสฤามัว
18 ตุลาคม 2550 07:47 น. - comment id 772941
ความขัดแย้งในสังคมเกิดขึ้นเพราะคนเราไม่ยอมมองตัวเองทั้งสิ้นเลย
18 ตุลาคม 2550 08:41 น. - comment id 772977
คุณแสงเหนือ แวะมาทักทายและชื่นชมผลงานค่ะ คุณแต่งโคลงได้เยี่ยมมาก บทวิเคราะห์วิจารณ์ ก็คมชัด เรื่องนีเป็นอะไรที่อยากเขี ยนแต่เขียนไม่ออกค่ะ ไม่รู้จะสื่ออย่างไรดี แต่พอเห็นคุณนำมาเขียน อดทึ่งไม่ได้ ขอชื่นชมด้วยใจจริง ขอแอบศึกษางานคุณด้วยนะคะ
18 ตุลาคม 2550 09:31 น. - comment id 773016
พิมก็ดูคะมองต่างมุมคนละมุมมอง แต่พิมว่าคนเราแฉใส้อะไรที่ไม่ดีของตัวเองออกมามักไม่พอใจทั้งนั้นแระคะ... มานุษย์นี่คะคุณแสงเหนือ
18 ตุลาคม 2550 09:45 น. - comment id 773025
สวัสดีค่ะคุณแสงเหนือ หายไปหลายวัน ยังไม่ครบกำหนดเลยนะคะ แอบมารึเปล่า คิดถึงผลงานคุณค่ะ มาครั้งนี้เป็นโคลงนะคะ ผลงานชิ้นเยี่ยมเหมือนเคย ในเรื่องนี้เห็นแล้วเศร้าไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ยุคสมัยเปลี่ยน สภาพแวดล้อมเปลี่ยน จิตใจเปลี่ยน เหมือนคำที่ว่า สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือการเปลี่ยนแปลง ยังติดตามผลงานเสมอค่ะ จิตรำพัน (ขออนุญาตเรียกสั้นๆ นะคะ ถ้าเอาชื่อยาวมา อิอิ พิมพ์นาน )
18 ตุลาคม 2550 09:50 น. - comment id 773028
บ้านเราคนนี่ชอบมาสนใจและจุกจิกกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เนอะ ทีเรื่องใหญ่ๆ ทำนิ่งกันไปหมดก็มี เฮ้อ ปลงนิ....โคลงเพราะนะกบเฒ่า
18 ตุลาคม 2550 12:55 น. - comment id 773093
แวะมาอ่านผลงานท่านเจ้าชายกบเจ้าค่ะ ยอดเยี่ยมจริง ๆ
18 ตุลาคม 2550 13:18 น. - comment id 773114
โคลงเพราะมากเลยค่ะ เมย์ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนะค่ะ สองภาพนี้ ผู้เขียนคงแสดงถึง ความเสื่อมของศาสนาในช่วงครึ่งของยุค ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสทำนายไว้ (พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระพุทธศาสนามีอายุ 5,000 ปี) เค้าอาจใช้สิ่งที่แสดงถึงศาสนาพุทธ ในรูปของ ภิกษุ เพราะหน้าหนังสือพิมพ์มีพาดหัวข่าวอยู่เป็นประจำ ผู้เขียนคงหมายถึง เปรต หรือ อสูรกาย ที่แฝงมาในคราบของบรรพชิต เค้าคงไม่ได้กล่าวถึงพระภิกษุทั้งหมดค่ะ -----------นานาจิตตังนะคะ พี่ๆ ^^
18 ตุลาคม 2550 15:40 น. - comment id 773226
น่าเศร้าใจจริงๆคะ เราเป็นคนหนึ่งที่ศัทธาในศาสนามาก เห็นแล้วมันอดสู่ใจไม่ได้
19 ตุลาคม 2550 12:31 น. - comment id 773682
สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นและเป็นกำลังใจขอรับ....คุณนิชา...เราอยู่อย่างร่มเย็นได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะสถาบันทั้งสาม จึงมีความผูกพันและอดเป็นห่วงไม่ได้เหมือนกันครับ
19 ตุลาคม 2550 12:35 น. - comment id 773685
คุณดาวระดา แนวนี้ไม่ค่อยฮิตเท่าไหร่ครับ อยากแต่งแนวเฮฮาบ้างครับ ...ปรึกษาใครดี สงสัยต้องเริ่มอ่านระเด่นลันไดซะแล้วครับ...เผื่อได้แรงจูงใจ...
19 ตุลาคม 2550 12:47 น. - comment id 773694
คุณจิ้งจอกน้อย ประชาธิปไตยจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อพื้นฐาน ทางการศึกษา และ จริธรรม ของประชาชน มีมาตรฐานในระดับสูง....ไม่เช่นนั้น ก็จะ เป็นประชาธิปไตยหลอก ๆ คำว่า ประชาธิปไตยก็จะเป็นแค่เครื่องมือ หรือคำพูดอันสวยหรู ให้นักอัตตาธิปไตย หรือธนาธิปไตย ฯลฯ ประเทศไทยพยายามอย่างยิ่งที่จะเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่พัฒนา ระบบการศึกษา และจริธรรมเลย วังเวงครับ....
19 ตุลาคม 2550 12:49 น. - comment id 773698
คุณ Black Moon ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม เด๋วจะตามไปเยี่ยมมั่งนะครับ
19 ตุลาคม 2550 12:51 น. - comment id 773699
พี่เก็จถะหวา สบายดีนะครับ ยุคนี้ เราคงต้องช่วยกัน ให้กำลังใจคนดี ๆ รอบข้างเรานะครับ ...
19 ตุลาคม 2550 12:54 น. - comment id 773702
หวัดดี จ้าคุณเฌอมาลย์ เรามาร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ ขอบคุณที่แวะมาเป็นเพื่อน
19 ตุลาคม 2550 12:56 น. - comment id 773707
หวัดดีครับคุณโคลอน เห็นด้วยครับ เราจมูกแหว่งแล้วยังจะ ไปล้อคนจมูกแหว่ง อีก ..เฮ้อ ใครจะยอม
19 ตุลาคม 2550 13:06 น. - comment id 773716
สวัสดีครับ คุณนิลวรรณ ขอบคุณจังเลยครับ ที่ติดตามให้กำลังใจ นักเขียนกลอนมือสมัครเล่นเหมือนเราก็ อย่างนี้แหละครับ อยากจะแต่งบางเรื่อง แต่นึกไม่ออกว่าจะดำเนินเรื่องไปยังไง เช่นอยากแต่งเรื่อง เพลงดาว ..เพราะเห็นดาวบางดวงร่าเริง บางดวง หงอยเหงา บางดวงถูกทิ้ง ฯลฯ แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะโยงใยให้ ไพเราะใด้ยังไง อาจต้องรออ่านจากเพื่อน ๆ ในห้องกลอนอาจมีใครสักคนแต่งแนวนี้มา ให้เราได้อ่าน เรื่องจะแต่งได้ไม่ได้ แรงจูงใจมีส่วนมากนะครับ ถ้าแรงจูงใจไม่มีกำลังพอก็ต้อง วางปากกาไป บางทีจังหวะเวลา และสถานที่ก็มีส่วนสร้างแรงจูงใจได้มาก .. .แล้วเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสอ่านผลงานของคุณนิลวรรณอีกครับ ?
19 ตุลาคม 2550 13:08 น. - comment id 773719
คุณพิมญดา สวัสดีเจ๊า ใจตรงกันนะครับ แต่ในรายการ รู้สึกไม่มี ข้อสรุปนะครับ ดูแล้วผันร้ายเลย..... แล้ว คุณพิมฝันไปถึงไหนแล้วครับ เนี่ย ?
19 ตุลาคม 2550 13:16 น. - comment id 773727
คุณน้องจิตรำพัน โห รู้สึกผิดมากเลยครับ ที่มาก่อนเวลา อุตส่าห์คิดถึง แล้วเอาไงล่ะ ข้าน้อยสมควรตาย (ดีมั๊ย) ..แต่ตอนนี้ขอขีวิตไว้กอ่น ปายล่ะจ๊ะ
19 ตุลาคม 2550 13:20 น. - comment id 773728
คุณ อะไรเอ่ย ได้ยินแต่เสียง คุ้น ๆ เรียกคุณหญิงละกันนะ..... วิสัยทัศน์อย่างนี้สิ ที่ชาติต้องการ เลือกตั้งสมัยหน้า ไว้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะติดต่อกลับ คุณหญิงอยากได้กระทรวง ไหน คิดๆ ไว้นะครับ เด๋วจัดให้..
19 ตุลาคม 2550 13:23 น. - comment id 773731
คุณ Bananaleaf ใช่แล้วครับ คำนี้แหละ เจ้าชายกบ ฟังดูเพราะกว่า กบเฒ่าเป็นไหน ๆ เฮ้อ.. ตกกระได ฯ ตั้งแต่เมื่อไหร่นี่เรา
19 ตุลาคม 2550 13:27 น. - comment id 773735
สวัสดีครับ คุณวรรณวราภรณ์ (ชื่อเพราะจังเลยครับ) ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับผม คุณเมย์กับผมเข้าใจตรงกันแล้วครับ แต่คนอื่นสิ ไม่รู้คิดยังไงกันมั่งเน๊าะ
19 ตุลาคม 2550 13:32 น. - comment id 773738
คุณผู้หญิงมือสอง หวัดดีจ้า ขอบคุณที่แวะมาทักทาย อนุโมทนาบุญด้วยขอรับ ความศรัทธาจะทำให้เราจิตใจเบิกบาน ทำบุญก็ขึ้น และก็เป็นเหตุให้เราได้ทำบุญ ยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วย ... มีศรัทธา ทำบุญไว้บ่อย ๆ ดีคับ จิตใจและใบหน้า จะได้อิ่มมมม...บุญ ทีนี้ล่ะ หนุ่ม ๆ จะมารุมรักกันตรึม.... ...
19 ตุลาคม 2550 15:57 น. - comment id 773792
ความคิดเห็นที่ 7 : หมายเลข 782397 เสพศิลปเนื้องานศิลปยินยลแยบ ไร้รูปแบบคือแบบหนึง่พึงศึกษา ห่มเหลืองประเทืองชัดใช่สัจจา มิรู้ว่าภายในใสฤามัว . 18 ต.ค. 50 - 07:33 IP 125.25.28.74 ภาพจากเวปhttp://www.84000.org/ ที่สุดแล้ว คงต้องยกให้เป็นเรื่องของ เจตนากรรม แล้วล่ะครับ ทั้งศาสน์ทั้งศิลป์ เป็นเรื่องของปัจจัตตัง คืออันบุคคลนั้น ๆ พึงเห็น พึงเสวย ได้ด้วยตนเอง แต่สำหรับบุคคลผู้ปรารถนาบุญ ปรารถนา จะทำที่พึ่งให้แก่ตน ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อพระ บางรูปไม่ดีแล้ว เราจะไม่ได้บุญ.... พระพุทธองค์ตรัสสอน อานิสงส์ในการให้ทานไว้ใน ฉฬังคทานสูตร และทักขิณาวิภังคสูตร ที่เห็นโดยสรุปใน หนังหนังสือมังคลัตถทีปนี (มงคงสูตร )ว่าด้วยทานกถา นั้น...ว่า @ ทานที่ให้ในสัตว์เดรัจฉาน(ในปริมาณที่พอ พอแก่ความต้องการ) มี สุนัข นก ปลา เป็นต้น ชื่อว่ามีอานิสงส์ ๑๐๐ เท่า เพราะให้อานิสงส์ ๕๐๐ คือ ให้อายุใน ๑๐๐ อัตภาพ ให้วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ ใน ๑๐๐ อัตภาพ พึงทราบนัยยะ ในทานแม้สูงขึ้นไปอย่างนั้นเหมือนกันคือ @ ทานที่ให้ในชาวบ้านผู้ทุศีลเลี้ยงชีพด้วยการเบียดเบียนผู้อื่น มีนายพราน และ คนดักปลา เป็นต้น มีอานิสงส์ ๑,๐๐๐ เท่า @ ทานที่ให้ในบุคคลภายนอกพระพุทธศาสนา เช่น ฤาษีชีพราหณ์ เป็นต้น ผู้ได้ ฌานอภิญญา ข่มกิเลสราคะไว้ได้ด้วยกำลังฌานสมาธิ มีอานิสงส์ แสนโกฏิเท่า @ ทานที่ให้ในบุคคลผู้ปฏิบัติตนเพื่อมุ่งโสดาปัตติผล ..ฯลฯ ..จนถึงมุ่งพระโพธิญาณ คือความเป็นพระพุทธเจ้า และทานที่ ให้ในบุคคล ..ผู้บรรลุแล้ว...ซึ่งโสดาบัน ...ฯลฯ จนถึงความเป็นพระพุทธเจ้า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ โดยลำดับ @@@ บุคคลใดเล่า ชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อต้องการ โสดาปัตติผล หรือเพื่อมุ่งโสดาปัตติผล @@@ บุคคล ๘ จำพวกเหล่านี้คือ ๑.อุบาสกอุบาสิกาผู้ถึงไตรสรณะว่าเป็นที่พึ่ง ๒.อุบาสก ฯ ผู้ตั้งอยู่ในศีล ๕ ๓.อุบาสก ฯ ผู้ตั้งอยู่ในศีล ๑๐ ๔.สามเณรแม้เพิ่งบวชในวันนั้น ๕.ภิกษุแม้เพิ่งบวชในวันนั้น ๖.ภิกษุผู้สมบูรณ์ด้วยวัตร ๗.ภิกษุผู้ปรารภวิปัสสนา ๘.ภิกษุผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค เหล่านี้แล ชื่อว่า .... ผู้มีจุดมุ่งหมายเพื่อโสดาบัตติผล ทานที่ถวายเจาะจงตัว ชื่อว่า ปาฏิปุคคลิกทาน ทานอุทิศส่วนรวม ชื่อว่า สังฆทาน สังฆทานมีผลมากกว่าปาฏิปุคลิกทาน ดังพระพุทธดำรัสว่า น เตฺววาหํ อานนฺท เกนจิ ปริยาเยน สงฺฆคตาย ทกฺขิณาย ปาฏิปุคฺคลิกทานํ มหปฺผลตรํ วทามิ ( อานนท์ เราไม่กล่าวว่าปาฏิปุคคลิกทานมีผล มากกว่าทักษิณาที่ไปในสงฆ์ โดยปริยายไรๆ) ทานที่ให้ในสงฆ์นั้น แม้เราจะรู้ว่าในสงฆ์นั้นมีภิกษุทุศีลรวมอยู่ แต่เราระลึกถึงคุณของพระสงฆ์แล้วถวาย ด้วย ความยำเกรงสงฆ์ เคารพสงฆ์ ศรัทธาในหมู่สงฆ์ ปราศจากปฏิฆะ (จิตนึกรังเกียจ) ทานนั้นมีผลมากกว่าทานที่ให้เจาะจง พระอรหันต์รูปใดรูปหนึ่ง ดังพระบาลีว่า... (สงฺเฆ จิติการํ กาตุง สกฺโกนฺตสฺส หิ ขีณาสเว ทินฺนทานโต อุทฺทิสิตฺวา คหิเต ทุสฺสีเลปิ ทินฺนํ มหปฺผลตรเมว ฯ ...) จากหนังสือมังคลัตถทีปนีข้อ ๒๒ หน้า ๑๕-๑๖ สรุปว่าศรัทธาในหมู่สงฆ์ มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ปัจจัยภายในคือศรัทธา จึงเป็นสิ่ง ที่สำคัญมาก ที่ต้องรักษาไว้ด้วยปัญญา ศรัทธาและปัญญาจึงเป็นทรัพย์อันยิ่ง ๒ ใน ๗ อย่าง ที่ต้องรักษาให้มั่น ภาพที่เหล่าศิลปินแสดง จะมีเจตนาเช่นไรก็ตาม แต่หากมีผู้หนึ่งผู้ใดในโลกนี้ เห็นแล้ว เสื่อมศรัทธาในสงฆ์ ผู้ที่จะได้รับผลวิบาก ก็คือศิลปินและผู้สนับสนุนเห็นดีด้วย... การฆ่าคนจะมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม จะตั้งใจหรือจะเพราะความประมาท ขาดสติ ก็มีโทษ ตามลำดับแห่งความเป็นกรรม ก็ด้วยความเป็นห่วงทุกคนนะครับ วันนี้วันพระ ขออนุญาตร่ายยาวสักวันขอรับ หมายเหตุ ไม่ควรคิดว่า แสน หรือล้านอัตภาพเป็นของมาก เพราะชีวิตในสังสารวัฏฏ์ ประมาณไม่ได้ด้วยอะไรทั้งสิ้น เป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก
21 ตุลาคม 2550 08:39 น. - comment id 774741
พิมพ์ตกไปประโยคหนึ่งคิดว่าควรเข้ามาแก้สักหน่อยครับ..จะได้ไม่มีโทษแก่ตนเอง @..ทานที่ให้ในสาธุชน กัลยาณชน ผู้สุจริต มีศีลมีสัตย์ จะเป็นชาวนาก็ดี พ่อค้าก็ดี มีอานิสงส์ ๑๐๐,๐๐๐ เท่า บุญที่ทำเพื่ออุทิศสงส์โดยไม่เจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง มีอานิสงส์มาก ขณะเดียวกัน ศรัทธาในสงส์ อันบุคคลใดทำลายแล้ว ก็มีโทษหนักประมาณมิได้เช่นกัน....ดังนี้แล ด้วยความรักและปรารถนาดี จาก เพื่อนคนหนึ่งในบ้านกลอน.....