แม้นเนิ่นนานหากนับวันเวลา เหมือนดังว่ามิเคยจากไปไหน แม้นห่างจากกายสุดแสนไกล เหมือนมิเคยห่างจากใจไปได้เลย ...แม้นสุขล้ำยังจำคำเคยสอน เหมือนยังตอนเคียงอยู่เป็นคู่เอ่ย แม้นทุกข์เศร้าร้าวรานใจยิ่งใช่เลย เหมือนคอยคำเอื้อนเอ่ยเปรยปลอบใจ ...ผิว์ว่าเพียงเหมือนเพียรแค่รอวัน แต่ความตายเท่านั้นจึงพรากจากไปได้ สะดุ้งจิตคิดมาได้อย่างไร หรือเป็นเพียงเสียงบอกใจให้รู้ตัว... ...และคงเป็นแค่เพียงเสียงอักษร ลำนำกลอนสอนตนดูรู้ดีชั่ว ตื่นเถิดหนาอย่าเผลอใจให้เมามัว เหลือเพียงแต่ตัวของตนพึ่งตนเอง... เมื่อมีเรื่องมากมายที่ต้องรับผิดชอบและต้องตัดสินใจ บางครั้งความวุ่นวายอัดแน่นจนรู้สึกเหมือนว่างเปล่า ว่างเปล่าเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงตั้งใจหลับตาลงเพื่อให้ความรู้สึกได้ผ่อนพัก แต่วันนี้นอนหลับตาลงได้ เพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น กลับสะดุ้งตื่น เพราะความรู้สึกบางอย่าง ผุดขึ้นมาอย่างทันใด จนต้องลุกขึ้นนั่งและบอกหัวใจตนเองว่า ที่ยังเหมือนเศร้าลึกๆ เพราะระลึกถึงใครบางคนอยู่เสมอนั้น คงเป็นเพราะสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถเลือนหายไปจากใจดวงเดิมได้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่สับสนและกังวลอีกต่อไป หากจะคิดถึง ก็คิดถึง เพราะเราเพียงแค่คิดถึงเท่านั้น พอคิดได้อย่างนี้แล้วก็แปลกดีนะ ทำให้ใจผ่อนคลายและมีกำลังที่จะก้าวเดินต่อไปทันที ....ผิว์ความตายมาพราก.... มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะพรากเธอออกไปจากหัวใจได้ ต่อนี้ไปหากจะคิดถึงก็คิดไป เพราะความคิดนั้นเป็นเพียงภาพมายา หากเราไม่ลุ่มหลงและติดกับดักแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องทุกข์โศกหรือหมองเศร้าอีก รอจนวันที่ความตายมาถึงแห่งร่างกายของเราเท่านั้น ความทรงจำทั้งหมดก็คงจะหายไปทันที
23 มิถุนายน 2549 23:02 น. - comment id 585785
.. ขอให้เป็นชาตินี้ชาติสุดท้าย เราจะได้มีวิถีชืวิตใหม่ ชาตินี้ที่เคยเห็นและเป็นไป คือภาพแห่งมายาใจไม่แน่นอน ...มีเหตุผลมากใยไม่ขอพบ แม้ยังลบเลือนหายไปไม่ได้ แม้สิ่งหวังยังฝังค้างอยู่ข้างใน ต้องสอนใจไม่ห่วงหาและอาลัย... ... เคยสะอื้นหวนไห้ใจจะขาด เพราะไม่อาจลืมคำจำไว้ได้ แต่วานนี้ที่เห็นและเป็นไป คงเลือนหายวันกายตายจากกัน
24 มิถุนายน 2549 10:49 น. - comment id 585872