๑.เมื่อเมฆพราวขาวข้อง ณ ท้องฟ้า เสนาะเสียงเพียงอุรุเวลา ละอองหมอกเพิ่งบอกลา ณ สายันณ์ ๒ สว่างไสวใต้เวหาคณากว้าง พิสิฐสร้างดั่งสวนสมพรหมสวรรค์ ศิลปีกวีวาดประกาศกัณฑ์ แสนสุคันธ์ ฤา เทียมได้ไม่มีทาง ๓ ธัญญะชาติกระจัดพรมด้วยลมโบก จะเกรียวโยกโกรกฟุ้งเมื่อรุ่งสาง ดุจเอนอายส่ายต้องละอองวาง ณ ทุ่งทองก็ร้องอ้างอยู่เกรียวเกรียว ๔ เคยจิกทิ้งดึงดื้อถือเหตุผล เชษฐ์ก็ทนเนื้อกล้ำจนช้ำเขียว ด้วยนุชงอนค้อนขึ้งขมึงเเกลียว แต่ใจเจียวสิจะยั้งลองหยั่งชาย ๕ แต่ล่วงลามข้ามกอดมาสอดช่วง มาดอมดมชมดวงให้ทรวงหาย อุ่นอ้อมแอบแนบนิดสนิทกาย ละมุนอายไม่คลายจิตสนิทใจ ๖ เพราะขุ่นข้องน้องช้ำจึงกำหมัด หมิ่นรีสัตย์สตรีไซร้น่าใจหาย จึงพ้อว่าอ้าพิเชษฐ์เพราะเหตุใด จึงชมนวล ให้หวลไซร้ต้องช้ำเกิน ๗ แต่ยังกล้าบ่หยุดยั้งระวังจิต ยังแอบลอบมาจุมพิศไม่คิดเขิน ฤา ไม่ข่มอารมณ์ไว้ปล่อยใจเพลิน จึงล่วงเกินกล้ากล้ำให้ช้ำนวล
17 กุมภาพันธ์ 2549 05:29 น. - comment id 561482
สดายุตาฉันท์ ๑๔ 00101011101012 00101211101013 1.....ลหุ 0/2/3....ครุ ๐ เปลวเทียนเฉวียนฉวัด พิศะจรัส ณ ค่ำ ณ คืน เบียดพลบจะขบจะขืน นิละทะมื่นมล้างมลาย ๐ แสงน้อยประดอยประดิษฐ์ พละกระจิด ฤ กลบ ฤ กลาย มืดดำก็ย้ำขยาย จุละประกายจะกร่อนไฉน ๐ กลางหม่นวิกลวิกาล นรกะผ่านสะท้านไผท คลุมครอบณขอบสมัย ทมิฬะนัยก็แย้มและหยัน ๐ จงดูจะสู ฤ เรา ศักยะเร้าจะโรมจะรัน สามารถและอาชญ์ผจัญ ชิวะจะผันชิวันจะผลาญ ๐ เราผู้จะคู่พิภพ พละตลบลุทิพพิมาน ค่ำคืนจะขืนจะคาน รุจะละลาญ ตระการ ฤ เห็น ๐ จงดูเถอะสู ฤ เรา จริตะเฝ้าคละเขลาลำเค็ญ เพียงรู้จะอยู่จะเย็น ทุขะก็เร้นบ่เค้นบ่คา ๐ หมื่นเทียนจะเนียนประกาย ชยุติผายประภัสสรา ข่มขืนทะมื่นพลา ศักยะกล้าจะกลบจะกลืน ๐ ช่วงเธียรเสถียร ณ ทาง เหมาะจะเหยาะย่างและหยัดและยืน หนึ่งใจเพราะไขว่เพราะฝืน มรณะคลื่นจะตื่นเพราะตรอง.
17 กุมภาพันธ์ 2549 08:06 น. - comment id 561494
เอาแล้วไง ท่านสดายุ หมัดตรงซะแล้ว
17 กุมภาพันธ์ 2549 12:50 น. - comment id 561596
๕ ๕ ๕ ... ใจเย็นน่า .. ปลายทางหรือที่ไหน ๆ ก็มี เหมือนกัน
17 กุมภาพันธ์ 2549 16:40 น. - comment id 561642
แวะมาอ่านผ่านมาก็มาเป็นนักอ่านที่ดีครับ
17 กุมภาพันธ์ 2549 17:56 น. - comment id 561658
วิทิตะสดายุตาฉันท์ ๑๔ 001010.....11101012 001012.....11101013 ๐ ฉายฉานสุรียะแสง ทิวะ ณ แจ้งก็แรงก็เริง ร้อนรุมประชุม ก็เติม พละสิเหิมบ่แล้งบ่ลา ๐ กัดทึ้งณ ชีพ ณ ชนม์ ฤติกระมล จะค้างจะคา ดิ้นด้น ฤ ชนม์ ฤ กา- ละสุขะชีพ สละสลาย ๐ กลางแจ้งประภัสประไพ ดนุหทัย สิ ห่วง สิ หาย ยังย้ำระกำไฉน ฤรติกล้ำกระทำกระเทือน ๐ กราวเกรียว ณ เคียว กระกวัด วยุสบัดจะพัด จะเบือน สมเพช ฤ ข้าจะเหมือน กะจุณะเศษขยะขยาย ๐ เหม่อมอง ณ ท้อง พนา ชยุติกล้า จะท้าจะทาย แสนสรรค์ ฤ พรรณ อุไร ดนุจะไป สิไหว้ และ หวัง ๐ เพราะพรหม ฤ กรรม ฤ กาฬ ทมิฬะปาน จะกลบจะฝัง ต่ำต้อย และ น้อย พลัง ฤจะตะโกน ก็ กลัว ก็เกรง แทบแย่.....................