ความรัก ของสดายุ

โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน

ก็เมื่อใหม่พี่ก็งามด้วยความรัก
ชื่นจิตภักดิ์เรียงภิรมย์เป็นสมสอง
เอ่ยอ่อนหวานซ่านอารมณ์นิยมปอง
ถึงว้าเหว่จะเห่ก้องให้ต้องใจ
ไม่เห็นหน้าเคยพิศจริตป่วน
สักยามยวนเจียนบ้าน้ำตาไหล
ครวญพิร่ำพร่ำเนาให้เบาใจ
ก็หงอยเหงาเศ้ราหทัยไม่เว้นวาย
เอ่ยว่ามาตรปราถนิยมจะชมน้อง
จะอุ่นสองเคียงสู่ไม่รู้หาย
กล้ำเกินเพลินใจชอบอยู่รอบกาย
นี่ก็ชายฉวยได้ ก็ฉวยเอา
เชษฐ์เอ่ยความทรามสงวนว่าอ่วนอก
ยิ่งนานหนักอกไหม้ดั่งไฟเผา
อุปมาจม ณ สุขที่รุกเอา
ฤา ระทมตรมเศ้ราในโศกา
บอกกับนุชว่าอกข้ายังอาเพศ
แสนประเทศผ่านไปไม่ใฝ่หา
มาจุดจบสงบสมกรมอุรา
พจนาหลั่งได้ชายจำนรรจ์
ดุจน้ำหอมย้อมยลสุคนธรส
แสนพิร่ำคำจรดให้สดหวาน
ไม่นานนักหักสวาทมิปราถปราน
ฤา จะซ่านเสพย์กรุ่นเช่นคุ้นเคย
เกรงจะเหงาเฝ้าเคหาที่อาศัย
ณ คืนจันทร์ อันอำไพไกลเขนย
ดุจธาราบ่าไกลลับไม่กลับเลย
โอ้ดาวเอยหยาดจากชู้ที่คู่เคียง
เช่นศรศักดิ์ปักปวดกร้าวร้าวดวงจิต
ดำเนินทางร้างมิตรใกล้ไร้สรรพเสียง
จะวาดหวังตั้งหทัยเช่นเคยเคียง
ก็รุ่มร้อนอุทรเพียงเช่นเพลิงไกร
ที่เคยหวานปานหยาดสรวงทั้งปวงหอม
ก็ชืดรสหมดพร้อมจะดอมได้
หลับตาเห็นผวาหวาดอนาถใน
เพราะเห็นเชษฐ์ร้างไกลไม่คืนมา
ช่างหนักหนาสาสักกระอักอ่วน
หทัยกวนรวนเรจะเห่หา
เมื่อเหม่อมองปองพี่ชายไม่เห็นมา
คงจะพาแปรใจไปเสียแล้ว
สะดุ้งตื่นฟื้นตามาอีกครั้ง
รอบกายยังไร้รอยเฝ้าคอยแคล้ว
เมื่อแรกรักหักใจไม่ตรงแนว
ก็เผลอแผ่วเผยใจให้ชายชม
เขาว่างามก็งามใจนุชนารถ
เขาว่าชาติยูงให้สูงสม
เขาว่าซาบซึ้งหทัยในคารม
เมื่อเขาชมป่านนี้ไกลไม่เห็นมา				
comments powered by Disqus
  • อัลมิตรา

    16 กุมภาพันธ์ 2549 00:36 น. - comment id 561212

    สงสัยอัลมิตราก็จมอยู่ก้นบ่อเหมือนกัน
    เพราะเขียนวนไปวนมา ก็ปีนไม่พ้นปากบ่อซักที ค่ะ
  • สดายุ

    16 กุมภาพันธ์ 2549 05:24 น. - comment id 561241

    ฮะแอ้ม
    มีพาดพิง
    ต้องมาแจมซะหน่อย
    
    
    
    
    ๐ นิรมิต ๐
    
    
    ๐ พอเมฆขาวลอยฟ่องเต็มท้องฟ้า
    ก็รู้ว่าเป็นหนาวอีกคราวหนึ่ง
    พอรวงข้าวร่ายรำก็คำนึง
    ความหมายซึ่งรำร่ายผ่านสายตา
    
    ๐ สดใสแต่แผ่นฟ้าจดหล้าล่าง
    จึงเห็นความแตกต่างอยู่ข้างหน้า
    พร้อมหลากสรรพหลากสีหลากลีลา
    หลากหลายปรากฎเป็นจึงเห็นงาม
    
    ๐ เรียวข้าวโค้งยอดค้อมดังพร้อมอยู่
    จะให้กรูเกรียวลมพัดข่มข้าม
    อ่อนเอนส่ายใบรัวเพียงชั่วยาม
    ก็หยุดยอดหยัดท่ามตะวันทอ
    
    ๐ หมื่นพันร่องรอยเล็บ..กลางเหน็บหนาว
    ก็ผุดราวนิรมิตภาพติดต่อ
    ลมหนาวกรีดสำเนียงหรือเพียงพอ
    จักข่มเสียง..งอน/ง้อ...ที่คลอลม
    
    ๐ จากเรียวกรอ่อนราวใบข้าวพลิ้ว
    ถึงปัดปลิวป่ายใจเส้นไรผม
    รวมขุ่นขึ้งค่อนว่า..งามน่าชม
    ขอรวบห่มอกแล้วนะแก้วใจ
    
    ๐ พร้อมเรียวนิ้วกำหมัด..เสียงตัดพ้อ
    คือหยัดรอสร้อยศัพท์..เสียงขับไล่
    พร้อมค้อนคมขุ่นขึ้งหน้าบึ้งใคร
    คือห้วงใจครวญคร่ำ..กับน้ำตา
    
    ๐ ตราบเงยหน้า..จูบย้ำพร้อมพร่ำพลอด
    แล้วกุมกอดด้วยเล่ห์เสน่หา
    ก็เมื่อนั้นแก้มเนื้อแดงเรื่อมา
    จึงรู้ว่าวันนี้...วันที่รอ
    
    ๐ เพียงปอยผมลมร่ายปลิวป่ายหน้า
    จึงคุณค่าเลอเลิศได้เกิดก่อ
    ก็เมื่อช่วงตราตรึงลึกซึ้งพอ
    จึงตามต่อพ่วงภพ...สุดลบเลือน
    
    ๐ ต่อเข้าเพลกึกก้องเสียงกลองร่ำ
    ก็ดั่งคร่ำครวญใครมีใครเหมือน
    อ่อนหวานในนิรมิตมาติดเตือน
    เมื่อแล่นเลื่อน...ย่อมสำหรับ...ให้กลับย้อน..!
  • โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน

    16 กุมภาพันธ์ 2549 13:14 น. - comment id 561355

    ผมก็ว่าวนไปวนมา เพราะผมอ่านของ คุณอัลมิตรา ทีไรหลงใหลจนหาทางออกไม่ได้ทุกทีสิน่า
  • โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน

    16 กุมภาพันธ์ 2549 13:15 น. - comment id 561356

    ท่านสดายุนี่กะไม่ให้ผมเกิดบ้างเลยใช่มั้ยเนี่ย อิอิ ...........
    ยังเคารพในปรีชาอยู่ เหมือนเมื่อวานนี้
  • ภูวดินทร์

    16 กุมภาพันธ์ 2549 13:41 น. - comment id 561364

    6.gif11.gif
    
    ช่างงามงดบทกลอนที่อ้อนเอื่อย
    จำนรรเจื้อยเรื่อยไหลใส๋แจ๋วจริง
    กลอนสุดยอดสมศิษย์มีครูยิ่ง
    ไม่ช้าซิ่งนำหน้าครูอาจารย์
    
    ศิษย์มีครูงูมีพิษคิดข้อจริง
    เพ็ชรงามยิ่ง(โอ๋)ศิษย์นันท์โคลงกลอนหวาน
    แวะมาอ่านผ่านมาทักมิตรสำราญ
    เป็นเพื่อนบ้านเขียนกลอนจิตสบาย
    
    แวะมาอ่านผ่านมาทักทายครับผม
  • โอ๋คับ

    16 กุมภาพันธ์ 2549 19:33 น. - comment id 561441

    เมื่อเมฆพราวขาวข้อง ณ ท้องฟ้า
    เสนาะเสียงเพียงอุรุเวลา
    ละอองหมอกเพิ่งบอกลา ณ สายันณ์
    
    สว่างไสวใต้เวหาคณากว้าง
    พิสิฐสร้างดั่งสวนสมพรหมสวรรค์
    ศิลปีกวีวาดประกาศกัณฑ์
    แสนสุคันธ์ ฤา เทียมได้ไม่มีทาง
    
    ธัญญะชาติกระจัดพรมด้วยลมโบก
    จะเกรียวโยกโกรกฟุ้งเมื่อรุ่งสาง
    ดุจเอนอายส่ายต้องละอองวาง
    ณ ทุ่งทองก็ร้องอ้างอยู่เกรียวเกรียว
    
    เคยจิกทิ้งดึงดื้อถือเหตุผล
    เชษฐ์ก็ทนเนื้อกล้ำจนช้ำเขียว
    ด้วยนุชงอนค้อนขึ้งขมึงเเกลียว
    แต่ใจเจียวสิจะยั้งลองหยั่งชาย
    
    แต่ล่วงลามข้ามกอดมาสอดช่วง
    มาดอมดมชมดวงให้ทรวงหาย
    อุ่นอ้อมแอบแนบนิดสนิทกาย
    ละมุนอายไม่คลายจิตสนิทใจ
    
    เพราะขุ่นข้องน้องช้ำจึงกำหมัด
    หมิ่นศรีสัตย์สตรีไซร้น่าใจหาย
    จึงพ้อว่าอ้าพิเชษฐ์เพราะเหตุใด
    จึงชมนวล ให้หวลไซร้ต้องช้ำเกิน
    
    แต่ยังกล้าบ่หยุดยั้งระวังจิต
    ยังแอบลอบมาจุมพิศไม่คิดเขิน
    ฤา ไม่ข่มอารมณ์ไว้ปล่อยใจเพลิน
    จึงล่วงเกินกล้ากล้ำให้ช้ำนวล

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน