ราตรีประดับดาว แสงแวววาวผิวทะเล เสียงคลื่นเจ้ากล่อมเห่ แสนว้าเหว่ห้วงหัวใจ เหม่อมองทะเลครวญ รอยรัญจวนสนิทนัย ลึกล้ำเกินคำไข ปวดร้าวในห้วงใจคน นางหนึ่งเจ้าผันผ่าน โฉมสะคราญมุ่งสู่ชล ยลรอยความกังวล อัสสุชลคลอดวงตา พิศพักตร์เจ้างามผ่อง ใยหม่นหมองยามมองหา ผ่านเลยถึงธารา เพียงหันหน้าชายตามอง สายน้ำที่เยือกเย็น คลื่นกระเซ็นย้ำผิวผ่อง โสมขับจับดาวส่อง งามเทียมทองยามได้ยล ใยเจ้ามิยั้งก้าว หาดทรายขาวสู่สายชล หายไปในวังวน ขาดเงาคนมิหวนคืน ครืนครืนเสียงซัดสาด ป่าวประกาศว่ายังตื่น ทะเลทุกวันคืน มันก็ตื่นอยู่ร่ำไป เพียงโฉมเจ้าลาลับ ไปมิกลับหรือไฉน โศกเอ๋ยโศกอันใด จึงทำให้คิดสั้นเอย สุดห้วงบ่วงความคิด ตามประชิดเจ้าทรามเชย อันใดจึงร้างเลย ชีวิตเคยอภิรมย์ คว้าร่างอรชร โอบสมรดั่งใจสม อุ้มร่างนางระทม ขึ้นสู่ฝั่งได้ดั่งใจ งามยิ่งนักโฉมเอ๋ย ใยมิเอ่ยคำปราศรัย เจ้านอนพับหลับไหล นั้นทำให้ข้าโศกตรม กายเจ้าที่เย็นเฉียบ กลางความเงียบยินแต่ลม หวีดหวิวห้วงโพยม เสียงดังขรมหวั่นอุรา ลมหายใจเจ้าสิ้นสาย เสียงเงียบหายใจประหม่า พลิกกลับจับกายา นอนคว่ำหน้าใส่บ่ายืน โอบอุ้มขึ้นเขย่า.. เพียงเบาเบาให้เจ้าตื่น สายน้ำที่เจ้ากลืน ให้ไหลคืนกลับออกมา โฉมเจ้ายังนอนนิ่ง ดุจเจ้าทิ้งความปรารถนา ไม่หวนทวนเวลา กลับเคหาโลกพิไล ริมฝีปากรูปกระจับ สัมผัสรับลมหายใจ ถ่ายทอดความห่วงใย ที่รินไหลสู่กายนาง สายลมจากดวงใจ อิงอุ่นไอจากเรือนร่าง แสงส่องแม้นเลือนลาง พิศกระจ่างงามละไม คิ้วโกร่งดั่งคันศร เส้นผมอ่อนดุจใยไหม สะคราญแม้หลับไหล.. เพราะเหตุใดใยเจ้าโศก โฉมเอยใยเจ้าเศร้า เหตุใดเล่าวิปโยค เปรียบเหมือนโลกทั้งโลก ตามเศร้าโศกมิเว้นวาย โอบกอดเจ้าหอมกรุ่น เอื้อไออุ่นให้หนาวคลาย ลูบผมพลิ้วสยาย เจ้าเคลื่อนกายลืมตามอง ดวงตาที่หมองเศร้า มิต่างเราที่หม่นหมอง สบตาคราประคอง เจ้าก็มองสบสายตา จวบรุ่งอุษาสาง อยู่เคียงข้างต่างมองหา เพียงพบเพื่อสบตา หมื่นวาจาต่างเงียบงัน สัมผัสหน้าต่างใจ บ่งบอกนัยสู่ใจกัน แทนถ้อยคำรำพัน ความกดดันในจิตใจ จนแสงสุรีย์ส่อง เพลาต้องจรจากไกล ต่างคนต้องต่างไป ต่างเข้าใจโลกของตน พบกันเพื่อพลัดพราก.. หันหลังจากริมฝั่งชล หันหลังเพื่อตัวตน คนค้นคนต่างเข้าใจ อย่าผูกความสัมพันธ์ มันเหมือนฝันที่อ่อนไหว ความเจ็บสั่งสอนให้. รักษาไว้ทั้งใจกาย หาดทรายที่พาดยาว กับรอยก้าวบนพื้นทราย ไม่นานลบรอยหาย สูญสลายแม้รอยลาง เงาร่างทับทางแยก มันไม่แปลกต้องแยกทาง เดินถนนต่างอ้างว้าง ดีกว่าสร้างแผลทางใจ.@ ...........................
22 เมษายน 2548 17:52 น. - comment id 458485
สายลมรัตติกาล เริ่มพัดผ่านให้เหน็บหนาว แสงเดือนดาวพร่างพราว ทะเลขาวยิ่งเศร้าตรม....
22 เมษายน 2548 17:58 น. - comment id 458492
สวยงาม ล้นความหมาย พี่สาวของผม เก่งที่สุด
22 เมษายน 2548 18:00 น. - comment id 458495
เพราะจังค่ะ . .ตามพี่แววมาติดๆ ๑^_____^๑
22 เมษายน 2548 18:50 น. - comment id 458536
ฝากความคิดถึง ถึงท่านผู้เฒ่าด้วยนะครับ :) สบายดีนะครับ กอกก
22 เมษายน 2548 19:19 น. - comment id 458571
แวะมาดูบทภาพยนต์ไทยครับ แต่เอ! จบแบบเศร้าไม่ค่อยจะประทับใจคนชมสักเท่าไหร่ ถ้าได้เป็นผู้กำกับ จะได้เพิ่มบทพระเอกผายปอดช่วยนางเอก และเปลี่ยนบทจบใหม่ให้ด้วยครับ
22 เมษายน 2548 20:23 น. - comment id 458629
เอ...ถ้าเป็นน้องจ๋อ จะมีใครมาช่วยผายปอดไหมคะเนี่ย.??? คงรอให้ขึ้นอืดมาเองแหงมๆ 555 ปากก็ไม่ได้เป็น รูปกระจับ ( ปากปลาร้าซะด้วยเด่ะ ) คิ้วก็ไม่ได้โก่ง ดั่งคันศร ( ผูกโบว์ไว้ตลอด24 ชั่วโมง ) เส้นผมก็ ไม่ได้อ่อนดุจใยไหม ( ไม่ได้ใช้รีจ๊อยส์ ) ซารุปว่าคงปล่อยให้เป็นอาหารปลา แหงมๆ เฮ้อ เศร้า เคล้า รันทด แงๆๆๆๆๆๆๆ
22 เมษายน 2548 20:58 น. - comment id 458678
ลมหายใจ..แห่งชีวิต ด้วยดวงจิต..พิสุทธิ์ใส มิตรภาพ..ซึมทราบใจ ตลอดไป..ตลอดกาล .................................. ..................................
22 เมษายน 2548 21:16 น. - comment id 458703
เงาร่างทับทางแยก ไม่เคยแปลกที่ทรวงใน ยามที่ต้องหวั่นไหว ยามที่ใครมาใกล้กัน เงาร่างทับทางแยก กลับจะแตกสลายพลัน ยามที่เธอและฉัน ต้องมีอันร้างลาไกล *-*ไพเราะและงดงามมากเลยค่ะ งั้นวันนี้เตรียมน้ำชาไว้สองทีนะคะ ให้พี่ปรายแก้วหนึ่ง ให้อาจารย์อีกแก้วหนึ่งค่ะ อิอิ (ราตรีสวัสดิ์นะค่ะพี่สาวที่แสนดี)*-*
22 เมษายน 2548 22:10 น. - comment id 458766
ตำนานรักสะท้านกังวานโลก สุขเศร้าโศกปะปนด้วยความเหงา เมื่อมีรักจึงเข้าใจช่วยทุเลา คอยแบ่งเบาแบ่งปันเคียงข้างใจ เสียดายจังอด ! ไปมาบตาพุด เลยเนอะ พี่ปราย
22 เมษายน 2548 22:16 น. - comment id 458784
อารมณ์ไหน ?
22 เมษายน 2548 22:34 น. - comment id 458808
ขออนุญาติ คุณกอกก..เข้ามาตอบทักทายสหายที่คิดถึงสักหนึ่งท่านก่อน.... สวัสดีครับคุณชัยชนะ..ความจริงเรื่องนี้เขียนค่อนข้างละเอียดครบครับ..ทั้งการปั้มหัวใจ และการผายปอดตามวิธี..แต่เลี่ยงๆรื้อเอาออกไปหลายบท..บางทีคำมันพาไป..ชวนหวาบหวาม.. ส่วนที่จบประมาณนี้.อยากจะชี้ให้เห็นว่า รักนั้นควรมาจากใจ ไม่ใช่โอกาส.. กระซิบไว้อีกนิด..ตอนจบเปลี่ยนแปลงไม่ยากครับ..สวัสดีครับ และสวัสดีทุกท่านด้วย..
23 เมษายน 2548 13:29 น. - comment id 459050
ยอดเยี่ยมสมเป็นครูจริง ๆ
23 เมษายน 2548 16:02 น. - comment id 459163
เหนือคำบรรยาย....อ่านแล้วก็นั่งซึมอ่ะนะ...คิดว่า...ในทุกชีวิตที่เกิดมา...มีเส้นทางที่ไม่เหมือนกัน...พบเพื่อพราก...เจอเพื่อจาก...ผิดหวัง....สมหวัง...ก็เป็นสัจจธรรม..ที่เป็นความจริง... ...ทุกอย่าง..ต้องมาจากใจ...ช่วงชีวิตที่พบกัน...ขอจงมีแต่ความรู้สึกที่ดี..ความปรารถนาดี..และความจริงใจ...ที่มอบให้แก่กันและกันค่ะ.... ราชิกา...มาชื่นชมผลงาน..ท่านผู้เฒ่า...และส่งความรัก..ความห่วงใย..มาหา..พี่ปรายคนสวย..ด้วยค่ะ..คิดถึงนะคะ....
23 เมษายน 2548 19:27 น. - comment id 459269
งามล้ำน้ำคำในบทกลอน งามจริงเจ้าบังอรของตัวข้า งามเลิศกว่าหญิงใดในโลกา งามดังว่างามจิตติดตรึงใจในความงาม มาชมผลงานที่งามๆๆๆของผู้เฒ่าค่ะ
24 เมษายน 2548 02:32 น. - comment id 459481
เป็นบทกลอนที่อ่านแล้วรื่นรมย์มากคับ เก่งๆกันทุกคนเลยนะคับ^^
24 เมษายน 2548 23:52 น. - comment id 460042
สวัสดีทุกๆ ท่านค่ะ... ด้วยงานกาพย์งามชิ้นนี้เขียนโดยท่านผู้เฒ่า ข้าพเจ้าจึงต้องขออนุญาตตอบคอมเม้นท์รวมไว้นะที่นี้นะคะ ต้องขอขอบคุณท่านผู้เฒ่าที่สละเวลามาเขียนกาพย์งามไว้ให้มากมาย ขอขอบคุณค่ะ ขอบขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน และที่มาคอมเม้นท์ ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านค่ะ