รอยยิ้มและหยาดน้ำตา ยามดอกโศกหยอกล้อกับดอกรัก ได้รู้จักดอกท้อมารอหา ยามรอยยิ้มล้อหยอกกับน้ำตา ได้รู้ว่ารักเข้ามาอยู่กลางใจ ยามลมหนาวพัดผ่านมาแตะฝัน ไม่นึกหวั่นรักโอบอุ้มอบอุ่นได้ แต่พอรักกลับร้างเหินห่างไกล กลับหนาวเหน็บเจ็บข้างในจนใจท้อ ยามได้ยินเสียงเรียกร้องรักร้องเรียก ยามเสียงเพรียกแห่งรักมาร้องขอ จงเดินตามเสียงแห่งรักแค่นั้นพอ แม้ต้องรอต้องเจ็บต้องกล้าทน
28 กันยายน 2547 13:49 น. - comment id 339688
ยามน้ำตาอาบล้นท้นใบหน้า ก็รู้ว่ารักหักหาญเชี่ยวชาญเหลือ ยามรอยยิ้มแต่งแต้มมาจุนเจือ ก็รู้ว่าทุกเมื่อเหลือแต่รัก *-*แต่งได้ดีค่ะ ชอบจัง*-*
28 กันยายน 2547 14:54 น. - comment id 339741
น้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้าง ไหลเป็นทางแสนเศร้า ไม่อยากให้ไหลใจปวดร้าว จะทำอย่างไรเล้าก็มันเศร้าใจ แต่งได้น่ารักมากค่ะ ชอบค่ะ แวะมาทักทายนะค่ะ
28 กันยายน 2547 15:11 น. - comment id 339757
ยังดีนะที่ยังเป็นดอกท้อ ส่วนบินเดี่ยวตอนนี้ปลูกไร่แห้วสวนผสมอยู่ ***แวะมาทักทายครับ
28 กันยายน 2547 15:59 น. - comment id 339789
ถ้าคิดจะรัก..ก็จงเชื่อมั่นในผลแห่งรัก จะสุขหรือทุกข์หนัก หรือพบกับเหงาเศร้า..นักต่อนัก มันก็เป็นประสบการณ์แห่งรัก ..ที่น่าลอง
28 กันยายน 2547 22:30 น. - comment id 340012
เพราะมาก
30 กันยายน 2547 10:35 น. - comment id 341242
**แต่งได้เพราะมากเลยค่ะ** ชอบมาก..มาทักทายค่ะ
30 กันยายน 2547 15:21 น. - comment id 341437
ขอบคุณทุกท่านมากๆค่ะที่แวะมาทักทาย ชอบอ่านหนังสือพวกปรัชญาความรัก มีอยู่ตอนหนึ่งกล่าวว่า จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งความรัก..และขอให้ความรักนั้นเป็นเหมือนห้วงสมุทรอันเคลื่อนไหว..อยู่ระหว่างจิตวิญญาณของเธอทั้งสอง จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่ากินจากถ้วยเดียวกัน จงให้ขนมปังแก้กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน ......จงร้องและเริงรำด้วยกัน และจงมีความบันเทิง แต่จงให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว...เช่นสายพิณนั่นที่อยู่โดดเดี่ยวแต่สั่นสะเทือนด้วยทำนองเดียวกัน...ฯลฯ ของ คาริน ยิบราน รวี ภาวิไล แปล ..