...สายลมแผ่วพริ้ว..ยังใบไม้หวั่นไหวสั่นคลอน ...ราตรีที่เงียบงันคล้ายถูกทักทายด้วยสายลมแห่งวสันตฤดู ...พลันบังเกิดเสียงกิ่งไม้และใบไม้ลู่ไปตามสายลม ...เรานั่งมองการเคลื่อนไหวและการแปรเปลี่ยนแห่งสายลม ...ท่ามกลางรัตติกาลที่เงียบเหงา ...หลายต่อหลายคืนที่ผ่านมา ...สายตาที่ทอดผ่านระเบียงไปยังจันทร์ที่อยู่เบื้องหน้า ...จากเสี้ยวจันทร์ ค่อยๆขยายวงจนสุกปลั่ง ...โคมทองถูกชักขึ้นบนฟากฟ้าแล้ว ...แต่ไฉน บุรุษผู้เป็นเจ้าของหัวใจเรา มิมาเยือน ...และในขณะที่ทอดสายตาทัศนาไปในความมืดมนอนธการ ...พลันบังเกิด เสียงแว่ว..แทรกผ่านมากระทบโสตประสาท ... ..อัลมิตรา อัลมิตรา อัลมิตราครับ.... ...ไฉนเล่า เสียงนี้มาจากที่ใด ...ดึกป่านนี้แล้วยังมีคนพร่ำเพรียกหาเราผู้เดียวดายอยู่อีกฤๅ ...จริงสิ ! ...คงเป็นอุปาทานของเราเอง ...เรายังมีข้อข้องใจอันทำให้เกิดความหวั่นไหว ...และค้างคาใจอยู่บ้างบางประการ ...ข้อขัดข้องใดในก้นบึ้งแห่งห้วงมโนภาพอันว่างเปล่า ...ใช่ ! เราเป็นเช่นนั้น ...บุรุษผู้หนึ่ง ผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งเรา ... ...ฝากถ้อยความลอยลมมาจากถิ่นไกล เพื่อเรา ...เรายังคงเก็บปริศนาแห่งดวงจิต ...ท่ามกลางความมืดมนแห่งรัตติกาลนั้นอยู่ ...ยามรัตติกาลดูช่างยาวนานนักสำหรับผู้ยังมีสติแจ่มใสเช่นเรา ...แต่บุรุษผู้นั้น ...อาจจะเพียงฝากคำลอยลมมา ...และตอนนี้..เข้าสู่นิทรารมณ์ไปเสียแล้ว ...บทกวีบาทแรกยังไม่ได้เริ่มต้น ...ฤๅเราไม่อาจประพันธ์คำขึ้นต้นนั้นได้ ...ภาษาวรรณกรรมและฉันทลักษณ์มากมาย ...ที่บังเกิดขึ้นในมโนธรรมความสำนึก ...เราสมควรเขียนบทกวีประเภทใด ...เราใคร่ถาม ถามบุรุษผู้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เสมอมา ...แต่ ..เราอาจถามถึงผู้ใด...ได้ ...ใช่.. มิอาจถามถึงได้ ...นั่นเนื่องจากบุรุษผู้นั้น อยู่ไกลเหลือเกิน ...เกินกว่าที่เราจะฝากคำไปหา ...หรือ.. ...อาจมี ...ผู้อื่นหลับใหลในอ้อมอกของบุรุษผู้เป็นที่รักยิ่งของเราแล้ว ...ฤๅเป็นเช่นนั้นจริง ...ใช่..อาจจริงดังนั้น ...สายลมแผ่วเบายิ่ง ...แต่ยังความหนาวเหน็บได้อย่างน่าประหลาดใจ ...บาทแรก.. อักษรแรกแห่งบทกวียังไม่เริ่มขึ้น ...เรายังมีสติแจ่มใสอยู่หรือไม่ .. ...ใช่..เรายังคงมีสติแจ่มใส ...แต่คลองแห่งจักษุทั้งสองพลันพร่ามัวแล้ว ...ดังนั้น ..เราควรนิทราหรือ .. ...ยังมีข้อขัดแย้งกันเอง ในก้นบึ้งแห่งจิตใจ ...เราเริ่มง่วงแล้วจริง ๆ ...เทพเจ้าแห่งนิทรานันทกาลพลันมาทักทาย ..๏ ณ รัตติกาลหนาว.......................อุระราวระด่าวตาม สะท้านประหวั่นยาม-......................ตมะขามระกำทรวง ศศีฉวีเพริศ......................................วรเลิศประเจิดดวง ทหัยชม้ายปวง.................................สิริห้วงมหรรณพ์หาว ๚ะ๛
28 กันยายน 2547 10:45 น. - comment id 339615
หากแม้นข้าได้เป็นจันทร์อันวิจิตร ทั้งชีวิตคิดส่องแสงแจ้งสุกใส ข้าจักทอแสงแห่งจิตพิศวิไล สาดส่องไปถ้วนทั่วหล้าละอาดูร ขอเจ้านี้ มีจันทรา มากล่อมจิต ขอจงให้ ใช้ชีวิต คิดหรรษา ขอให้ร้าย กลายเป็นดี มีวิชชา ขอให้ข้า พาคุ้มครอง ป้องผองภัย ตัวยังอยู่ จิตยังอยู่ สู้ชีวิต ดูมดน้อยจ้อยจิ๊ดริดคิดแสวงหา เราเป็นคนยิ่งต้องมั่นหมั่นศรัทธา ละโศกากล้าก้าวไปใฝ่ไล่อธรรม เจ้าจันทร์แจ่มจักแย้มยิ้มยังจิตเจ้า ลืมโศกเศร้า ลืมเจ็บปวด ลืมปัญหา ลืมอดีต ลืมวิถี ที่มีมา ยิ้มเถิดหนา พากันยิ้ม อิ่มเอมเอย อ่านบทกวีข้างต้นแล้วซึ้งและไพเราะมากเลยครับ ผมเลยขออนุญาตแต่งกลอนนี้มอบให้คุณอัลมิตราเพื่อตอบแทนนะครับ และขอแนะนำตัวเองด้วยครับ เพิ่งสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ครับ (ยังไม่ได้รับ password เลย ใหม่จริงๆ ) ผมได้อ่านกลอนของคุณอัลมิตราหลายกลอนอยู่ รู้สึกไพเราะ ลึกซึ้งและประทับใจมากจริงๆครับ ผมหวังว่าจะได้รับคำแนะนำจากคุณอัลฯบ้างนะครับ หรือไม่อย่างน้อยก็ขออนุญาตเป็นเพื่อนใหม่ด้วยคนนะครับ ( เอ..ขออย่างน้อยหรือขออย่างมากไปรึเปล่าเนี่ยครับ ) ขอบคุณครับ
28 กันยายน 2547 11:04 น. - comment id 339623
บางที....เขาอาจติดพันภารกิจมากมายที่มิอาจปลีกตัวมาได้ นอกจากเพียงช่วง coffee break สั้นๆ บางที....เขาอาจหลับไหลจนเลยเวลา แต่จะกี่ที....เขาคงยังพร่ำเพรียกเรียกหาเธอพ่านห้วงภวังค์ แม้ว่ามันจะดึกดื่นสักปานใด ดังนั้น .... จงเริ่มเถิด..อักษรแรกแห่งบทกวีบาทนั้น ที่เธอปรารถนาจะฝากสายลมกลับมา เขายังคงคอยเธอเสมอ ------------------------------------------ ทหัย ชม้ายปวง .... แปลว่าไรอ่ะ...อิ อิ
28 กันยายน 2547 11:10 น. - comment id 339628
หรือบางทีเขาอาจจะคิดถึงเราอยู่ก็เป็นได้.. เช่นกัน... .. หลับเสียเถิด คลายกังวลเสีย เพื่อพรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่น.. .. พร้อมกับแรงแรงเรียงร้อยบทกวี เพื่อมวลชนต่อไป.. .. แว๊ป...(ห้ามหัวร่อดังน่ะ อิอิ) ..
28 กันยายน 2547 12:03 น. - comment id 339641
นับถือในฝีมือจริงๆค่ะ บรรยายทุกห้วงความคิดถึงได้อย่างงดงาม....
28 กันยายน 2547 12:36 น. - comment id 339655
...ทิวาสิมาเยือน........ขณะเคลื่อนละเลือนดาว กระจ่างสว่างพราว.....มนน้าวสกาวแสง หทัยสะใสสม.............สติบ่มระดมแรง สลัดขจัดแปลง...........ธิติแต่งแสลงลบ... มาขานชื่อให้กำลังใจนะ
28 กันยายน 2547 14:03 น. - comment id 339700
im alone.. all I could think about...is you.. but youre not here with me... the wind of winter time is murmuring.... and I am calling you with tears.... a joyful day has gone past... but those memories still in my mind... why I have always heard someone calling my name....!! ..loudly, and strongly... I hardly open my eyes...look around...my circumstances is cold and white...the I heard the slam on the door...I ran to that door...and started knocking...harder and harder..then I said ..Please let me go in there...outside is very cold.. They ignored me... I bent my knees down and I cried....what did I ever do to you?..nothing.. then they replied me with something that I am forgetting about it... they politely said ... ...Yes maam you did nothing harmful..but you didnt pay the rent for 3 monts which is now increasing to $2000 and according to our apartment rules we have to move you out right away...or otherwise you have to pay if you still want to stay... I was shocked for a moment and the said..Didnt my boyfriend pay to you? as far as we concerned, no maam im alone..(and broke) all I could think about...is you...(and the money that you have forgotten to pay before you gone to ever sea) but youre not here with me...at all the wind of winter time is murmuring.... and I am calling you with tears... it might not be good... Cheers
28 กันยายน 2547 14:10 น. - comment id 339710
สวัสดีค่ะพี่อัลมิตรา แวะมาทักทายพี่นะคะ เพราะจังค่ะรูปก็สวยด้วยนะคะ พระจันทร์ ในเดือนกันยาสวยแบบนี้จริงเหรอค่ะไม่เคยได้มองขึ้นไปดูเยยค่ะคิกๆๆๆๆ
28 กันยายน 2547 14:16 น. - comment id 339718
คุณรักษ์เซน..... สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะคะ ขอบคุณสำหรับบทกลอนที่มอบให้อัลมิตรา ขอน้อมรับด้วยใจค่ะ สำหรับความเป็นเพื่อน อัลมิตรามีมิตรภาพมากล้นที่จะมอบให้ทุกๆคนด้วยความจริงใจเสมอมา สำหรับคำแนะนำเรื่องบทกลอน เอาเป็นว่าเราเรียนรู้ไปพร้อมๆกันดีกว่านะคะ ดีไหมเอ่ย คุณศศิชนก...หากแม้นอักษรตัวแรกที่จรดนิ้ว กระทั่งตัวสุดท้ายก่อนผละจากคีย์บอร์ด ชดเชยความรู้สึกที่โหยหาต่อกันได้ ก็จักทำ .. แต่หากทว่า มิใช่เลย คุณกุ้งหนามแดง .. (ว่าจะไม่ขำ แต่อ่านคำว่า เพื่อมวลชนแล้วอดขำไม่ได้ค่ะ) ประมาณว่า ให้เขียนปลุกระดมมวลชนดีไหม อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่เดือนเดือดตุลาเลือด.. จำได้ว่าปีที่แล้ว ไปงานสัปดาห์หนังสือ ซื้อหนังสือมาหลายเล่มของ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และจำได้อีกว่า ยังไม่ได้เปิดอ่านสักเล่มเลย ( อย่าบอกใครเชียว..) คุณมัทนา.. ขอบคุณมากค่ะ เหตุเกิดเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ มองผ่านระเบียงห้องนอน มองเห็นจันทร์ดวงโตลอยโคมบนฟ้า งามเหลือเกิน เสียงกังสดาลที่กระทบเพราะลมแผ่ว ดังกรุ๊งกริ๊ง ดุจจะปลอบใจให้คนเหงาคลายโศก คุณดาวศรัทธา .. ...อกเอยสิเปรยอ้าง................กวิอย่างระหว่างสรวล เป็นฉันท์ประพันธ์ถ้วน..............มนะชวนกระบวนคำ ร่ายเรียงเผดียงแล้ว..................ผิวแก้วมิแคล้วคำ- นึงคิดจริตนำ.............................อุระย้ำสิพร่ำวอน ฯ คุณน้ำตาฟ้า..ฟ่าง ...เสี้ยวหนึ่งซึ่งพานพบ...จุดจบก็คงต้องจาก... ...คิดถึงมากเกินใจเก็บกั้น... ...กักจิต...ขังใจ...ซึ่งแสนไกลกัน... ...ปิดบังความฝัน...ในวันที่ผ่านเลย... ...สักครั้งหนึ่ง...ซึ่งอยากพบหน้า... ...ขอร้องว่าอย่า...ทำแววตาที่เมินเฉย... ...คงสะท้านร่ำไห้...หวั่นไหวเหลือเกินจะเปรย... ...เพราะไม่อาจจะรู้เลย...ว่าเคยคิดถึงใคร... ...อยากได้ยินอีกครั้ง...อยากได้ฟังอีกสักคำ... ...และจะจดจำถ้อยความงดงามนั้นนั้นไว้... ...รอยยิ้ม...กรุ่มกริ่มในใบหน้า...เมื่อยามจรลา...ลับตาไกล... ...กว่าจะข้ามความคิดถึงไป...ก็ยากทำใจให้ลืมกัน... ...ขออิสระภาพ...ขอทราบสักนิด... ...ว่าเสี้ยวแห่งความคิดที่ติดกางกั้น... ...มิอาจห้ามจิต...ที่คิดปลุกตื่นทุกคืนวัน... ...ความเป็นจริงใช่ความฝัน...อย่างนั้น...จริงจริง... ...วันเวลา...ดาราจันทร์พรรณพราย... ...ยังงดงามในใจ...ในสิ่งทุกสิ่ง... ...เคยหัวเราะ...ยิ้มแย้ม...แซมใบหน้า...คราแอบอิง ...แล้วความคิดถึง...ในคืนที่ไร้สิ้นทุกสิ่ง... ...ก็คือความเป็นจริง...ยากยิ่ง...ลืมเลือน... คุณเพราะรัก .. เป็นเพียงหนึ่งในห้วงคำนึงค่ะ เขาว่ากันว่า พระจันทร์มีอิทธิพลต่อจิตใจมนุษย์อย่างเรา ๆ เป็นการยากนักที่จะบิดเบือนความจริงต่อตัวเอง ความรู้สึกที่แอบซ่อนอยู่ในก้นบึ้งแห่งใจ จะมีไหม ที่ใครสักคน จะมีความรู้สึกเช่นเดียวกับเรา .. มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
28 กันยายน 2547 14:20 น. - comment id 339720
สายลมแผ่วพลิ้วสั่นให้หวั่นไหว ยินเจ้าไห้ ฝากคำรำพันหา จิตประหวัดซ่านซึ้งตรึงอุรา หลับเถิดหนาพี่ถนอมจะกล่อมทรวง ปิดเปลือกตาให้สนิทอย่าคิดหวั่น คำไกลนั่นสื่อแทนจากแดนสรวง เพื่อเจ้าจอมมอบให้ใจทั้งดวง สุดแสนห่วงทุกคราวอย่าร้าวราน มิมีใครใฝ่กอดมาออดอ้อน ทุกยามนอนมีเจ้าเป็นเงาหวาน จะม้วยดินสิ้นฟ้ากาลนาน รอพบพานใจภักดิ์เพียงรักเรา แม้น้อยหนึ่งเพียงนิดเจ้าคิดโศก เหมือนทั้งโลกโศกครองให้หมองเศร้า สุขเถิดหนาทุกข์แฝงพี่แบ่งเบา จะคอยเฝ้าปลอบโลมโฉมสะคราญ จะห่างไกลปลายฟ้ามหาสมุทร มิสิ้นสุดความรักสมัครสมาน แม้ร่างล้มมิเอื้อเหลือวิญญาน ขอพบพานพิศวาสมิคลาดคลา หลับเถิดขวัญเจ้าจอมกระหม่อมใจ พบฟ้าใหม่มีตะวันให้หรรษา โอบถนอมมิแคล้วดั่งแก้วตา คำสัญญาแนบสนิทนิจนิรันดร์ พอดีอิ่มแทนมื้อกลางวันเลย...ถ้านอนไม่หลับเขาให้นับแกะ เดินเข้าคอกไง... ฟังเสียงกรุ๋งกริ๊งจากโมบายยามต้องลม ก็น่าจะหลับได้นะเพราะดี..หรือ เขียนกลอนครับ เดี๋ยวก็ตาลายง่วงเอง... ระยะนี้อากาศยังไม่ค่อยดี..เนตก็ติดๆหลุดๆ..เอาไว้เนตดีแล้ว มาเขียนกลอนกันสักเรื่องดีมั้ย.. ผมทานข้าวก่อนนะ สวัสดีครับ..โอ๋.โอ๋.
28 กันยายน 2547 14:34 น. - comment id 339732
มาอ่านเป็นกำลังใจให้ รูปสวยดีนะครับ
28 กันยายน 2547 14:57 น. - comment id 339743
^________^ ชอบค่ะ
28 กันยายน 2547 15:38 น. - comment id 339776
พระจันทร์เดือนอื่นเป็นยังไง เล่าให้ฟังอีกนะคะ
28 กันยายน 2547 15:50 น. - comment id 339786
เมื่อคืนไปนั่งมองจันทร์สักพักแล้วเข้านอน ด้วยอ่อนเพลียทั้งกายและใจ พอได้อ่านงานนี้เลยบอกได้คำเดียว ตรงความรู้สึกจัง
28 กันยายน 2547 16:43 น. - comment id 339808
คุณฟ้าใหม่ .. จันทร์เอ๋ยจันทร์ที่ลอยเด่นฟ้า จะมีน้ำตาหลั่งมาเหมือนฉันบ้างไหม ความรักมันช่างห่างไกลแสนไกล ไม่รู้วันไหน หัวใจถึงจะเต็มดวง.. ...ในยามที่เราเหงาใจ และตัวแทนแห่งจันทร์อยู่ไกลแสนไกล ...ซึ่งก็เหมือนความรวดร้าวจะยิ่งถูกตอกย้ำ ผ่านลำนำเพลง ...จันทร์ยังมีซึ่งวันเต็มดวง แต่สำหรับเรา ...ผู้เฝ้ารอด้วยความหวัง จะมีไหม วันนั้น.. ...จันทร์..ของเรา อยู่ที่ใดหนอ ...รู้บ้างไหมเราเฝ้ารอทุกคืนค่ำ ...จันทร์..บทเพลงตอกย้ำจิตจำ ...ทุกถ้อยคำ ช่างบาดใจ ...จันทร์..เจ้าเอย จันทร์เจ้าขา ...เวทนาเราบ้าง จะได้ไหม ...จันทร์..อย่าร้าง อย่าเลือน เสมือนไกล ...ปล่อยเราทิ้งไว้ ท่ามกลางความอาดูร ...ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง ...ดูเหมือนว่า.. ...ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะไม่สะเทือนใจยามได้ยินบทเพลง ..จันทร์.. คุณผลิใบสู่วัยกล้า .. ขอบคุณมากค่ะ คุณคนเมืองลิง .. ขอบคุณมากค่ะ คุณเพียงพลิ้ว .. อัลมิตราเคยฟังเขาเล่าว่า พระจันทร์เดือนกันยาจะงามซึ้งที่สุด แต่ก็ไม่ใช่คืนเดือนเพ็ญนะคะ ท่าจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงประมาณ ๑๓- ๑๔ ค่ำ ค่ะ แสงนวลทอประกายจรัสจะงามกว่าคืนใด คืนวาน อัลมิตราจึงมองอยู่นานสองนาน และค่ำคืนนี้ซึ่งเป็นคืนวันไหว้พระจันทร์ .. ตอนเยาว์วัย อัลมิตราจะมีโคมกระดาษ ที่คุณพ่อทำให้ ข้างในจุดเทียนด้วยนะ ขี่จักรยาน เอาโคมผูกติดไว้กับแฮนด์ อัลมิตราไปกับพี่ชาย ตอนนี้ ไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นแล้ว อัลมิตรา เพียงหวังว่า... คืนนี้ใครบางคนจะมองจันทร์เช่นเดียวกับอัลมิตรา และระลึกถึงกันบ้าง ความรู้สึกบางอย่างที่หาย .. อยากได้กลับคืน .. คุณผู้หญิงไร้เงา .. ขอบคุณมากค่ะ เป็นเพียงคำพร่ำเพ้อ ของผู้โดดเดี่ยว เป็นเพียงหนึ่งเศษเสี้ยวของความรู้สึก เป็นเพียงความเจ็บปวดที่ซ่อนไว้เบื้องลึก เป็นเพียงผลึกแห่งความเหงา ..
28 กันยายน 2547 17:24 น. - comment id 339827
พระจันทร์ เดือนดาว ลมหนาว เป็นการเริ่มต้นสิ่งดีๆ ในชีวิตครับ
28 กันยายน 2547 19:06 น. - comment id 339873
คุณอัลมิตราเคยได้ยินถึงตำนานของ่านเสน่ห์จันทร์ กับ พระจันทร์มั้ยคะ ลึกลับและมหัศจรรย์มาก กับงานชิ้นนี้ของคุณ...ฝีมือจริงๆ เลยค่ะ :) ขออนุญาตเก็บลูกเดียวเลย
28 กันยายน 2547 21:13 น. - comment id 339945
ขอบคุณค่ะ คุณนายรักษ์ .. คุณวนัสนันท์ .. พอจะได้ยินมาบ้างค่ะ แต่อาจจะไม่ชัดเจนนัก คุณวนัสนันท์เล่าให้ฟังบ้างสิคะ ว่านเสน่ห์จันทร์..เป็นชื่อว่านชนิดหนึ่ง..กล่าวกันว่า ถ้าหนุ่มสาวอยู่ใกล้ชิดกันที่ใด หากเรณูของมันขจรขจายไปถึงจะมีการเสียตัวเกิดขึ้นที่นั้น ... ( อันนี้ขออ้างมาจากหนังสือเรื่องเพชรพระอุมาค่ะ ตอนที่นายทหารหนุ่มผู้มีนามว่าไชยยันต์ โดน..สาวมาเรีย..เผด็จศึกซะหมดรูปทหารเลย ..) ส่วนมนต์จันทร์นั้น น่าจะมีหลายความหมาย แต่ในส่วนที่อัลมิตราคิด จันทร์ที่เราเห็น มีอิทธิพลต่อจิตใจของมนุษย์ให้สุข เศร้า อารมณ์ที่ซ่อนไว้ในส่วนลึกจะถูกกวนผลึกให้ฟุ้งกระจาย มนต์จันทร์ขลังพอๆกับมนต์สนธยา ว่ากันว่า คนฆ่าตัวตายกันแยะ ก็ช่วงนี้แหล่ะค่ะ .. คนที่แปลงกายเป็นมนุษย์หมาป่า ก็น่าจะเอี่ยวด้วยนิดหน่อย .. (ว่าไปนั่น อัลมิตรามั่วแล้ว..)
28 กันยายน 2547 22:25 น. - comment id 340008
...มองต่างกัน จันทร์แจ่ม ที่แต้มฟ้า ไม่เจิดจ้า เลยครับ สำหรับผม เพราะเมฆบัง ตั้งเค้า ฝนเจ้าพรม ไม่ชื่นชม เหมือนคุณ อบอุ่นใจ... ...............สวัสดีครับ................
28 กันยายน 2547 22:35 น. - comment id 340018
อิอิ มีแต่คนเก่ง ๆทั้งนั้นเยยอ่ะ เมกขอเป็นคนอ่านแร่ะกันคร๊าบบบ จิ๊จิ๊ +-*-+-*-+ +-*-+-*-+ปู้ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+ +-*-+-*-+
28 กันยายน 2547 23:43 น. - comment id 340065
คุณค้างคาวคืนคอน .. แม้เมฆฝนตั้งเค้าบังเงาแสง หรือจันทร์แสร้งหลบเลี่ยงเยี่ยงลี้หาย หากเพียงหนึ่งพึงสดับมิลับกาย ยังคงคล้ายสถิตอยู่เป็นคู่เคียง คุณเมกกะ .. ขอบคุณมากค่ะ
29 กันยายน 2547 00:34 น. - comment id 340093
......... วิจิตรบอกตรงๆเลยครับว่าเพราะมากครับบบ ไม่รู้วันหนึ่งวิจิตรจะเขียนได้งี้บ้างหรือเปล่า .........
29 กันยายน 2547 07:35 น. - comment id 340226
พระจันทร์เดือนกันยาใกล้หมดไปแล้ว พระจันทร์เดือนตุลาคงชักนำพาใครที่ว่าเดินทางมาหานะครับ
29 กันยายน 2547 07:54 น. - comment id 340229
คุณวิจิตร .. ที่เขียนไม่ใช่ร้อยกรองเลยนะคะ เป็นเพียงเรียงความธรรมดา นึกอะไรก็เขียนลงไป ดูแล้วเหมือนจะจี้เส้นด้วยซ้ำไปค่ะ เขียนเอง ตอบตัวเอง เหมือนกอลลั่ม ยังงัยก็ไม่รู้ .. รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน ค่ะ คุณชัยชนะ .. เรื่องสมมุติ บุรุษที่จะมีตัวตนหรือเปล่า ก็มิอาจรู้ได้ ทว่า...ผ่านคืนเพ็ญไปแล้วไปเล่า ก็ไม่เห็นแม้เงา ค่ะ ..
29 กันยายน 2547 15:10 น. - comment id 340579
เป็นพระจันทร์ดวงเดียวกับที่เห็นอยู่นี่หรือเปล่านะ ดวงจันทร์เปลี่ยนแปลง เว้าแหว่ง แล้วกลับคืนเป็นดวงจันทร์เพ็ญเต็มดวงได้ ไม่เหมือนรักเราแหว่งเว้าแห้งหายไปกับสายลมไม่หวนคืน
29 กันยายน 2547 15:57 น. - comment id 340608
จันทร์ดวงเดียวกันหรือเปล่าหนอ หรือว่าจันทร์มีหลายดวง จันทร์น่ะ แน่นอนมีดวงเดียว แต่ทว่าใจ อาจยืนยันไม่ได้ค่ะ ว่าคุณฤกษ์มีดวงเดียวหรือเปล่า ที่เว้าแหว่งไปไม่คืนเต็มดั่งเดิม ก็อาจจะเกิดจากแจกจ่ายไปแล้ว ตามเก็บคืนไม่ครบค่ะ คิดงั้นไหมคะ .. :)
30 กันยายน 2547 13:24 น. - comment id 341381
กลับมาอ่านอีกครั้ง อันที่จริงเรื่องพวกนี้ บอกกันไว้แล้วในกลอน วรรณศิลปบนจอ ภาพที่เห็น มิได้เป็นอย่างที่เห็นและถ้าจริงไม่มีการทวงคืน. อิอิ
30 กันยายน 2547 14:03 น. - comment id 341403
ภาพที่เห็น มิได้เป็นอย่างที่เห็นและถ้าจริงไม่มีการทวงคืน. .. ต้องหาพยานมาอ่านมากๆ ดีมั๊ย ... (ขำ !)