... มองไปไกลที่สุดปลายท้ายฟ้ากว้าง......สุดเวิ้งว้างบนนภาพาใจหาย ดวงดาราเปล่งแสงส่องมองมิวาย.............แม้นใกล้ตายขอได้ยลจนบรรลัย มองไปไกลที่สุดปลายท้ายฟ้ากว้าง...........ไขกระจ่างทั้งจิตใจคลายสงสัย ได้แต่มองได้แต่เพ้อละเมอไป.................แต่สุดท้ายมิได้ยลสักหนเดียว
1 พฤศจิกายน 2546 21:11 น. - comment id 177903
ดวงดาราแพรวพราวสกาวผ่อง นภาหมองกลับสร่างสว่างไสว เพราะถูกทับประดับสวยด้วยดาวพราย พรรณรายเลื่อมเรื่อเอื้อโลกา... ไฉนหนอยลไปในฟ้ามืด จึงจึงชืดมืดมนหม่นเวหา หรือวันนี้เจ้าพิศผิดเวลา เพราะเมฆามาบังบดจึงอดดู ฝีมือร้ายใช่ย่อยนะเพื่อนเรานี่
1 พฤศจิกายน 2546 21:32 น. - comment id 177909
เหมือนเราอยู่คนละฟ้าอยู่คนละชั้น รักเอยไม่เคยนึกฝันจะบินลัดฟ้า
2 พฤศจิกายน 2546 01:30 น. - comment id 177979
เพียงแค่ได้มองเห็นเด่นบนฟ้า กลายเป็นดาวดาวรานภาใส แต่ไม่อาจเอื้อมคว้ามาใกล้ใจ ด้วยว่าดาวนั้นไกลสุดเอื้อมดึง ***กลอนไพเราะดีค่ะ***
2 พฤศจิกายน 2546 10:32 น. - comment id 178028
มองออกไปให้ใจนั้นได้คิด แม้ได้ยลซักนิดก้อหาไม่ แต่จันทราจะคงอยู่ในหัวใจ สุขอุราเป็นไหนไหนกว่าได้ยล..นะ ว่าจริงป่ะ มาเป็นกำาลังใจจ้า
9 พฤศจิกายน 2546 02:15 น. - comment id 179767
ไอ้เลว!!! แกไม่เข้าใจหรอกว่าเรารักการแต่งกลอนมากแค่ไหน อยู่ใครอยู่มันไม่ได้เหรอ ทำไมต้องมาก่อกวนกันด้วย เราเริ่มเข้าใจแล้วหล่ะว่าทำเพื่อนๆถึงพากันเกลียดแก เพราะเป็นอย่างนี้นี่เอง ซีเรียสนะโว้ย ไม่ตลกด้วยหลอก ช่างเถอะ เราก็พอเข้าใจเพราะพระพุทธองค็ท่านสอนว่า คนเราก็เปรียบเหมือนกันบัว 4 เหล่า แกก็คงเป็นพวกที่จมปลักอยู่ในโคลนตม พูดไปยังไงก็เท่านั้น ยังไง ขอสาปแช่ง ไว่ก่อนแล้วกัน ถ้าแกเข้าไปแม้แต่คลิกดูบทกลอนเราก็ขอให้แกสอบตกทุกวิชา มีแต่เรื่องร้ายๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยเทอญ สาธุ.. ขอให้คำสาปแช่งนี้เป็นจริงด้วยเทอญ