เรื่องมันนานมาแล้ว เจ้าน้อยศุขเกษมอายุได้ 15 ปี เจ้าพ่อก็ส่งไปเรียนหนังสือที่เมืองมะละแม่ง ประเทศพม่าโพ้น เลยกลายเป็นเรื่องของกรรมของเวรเขา... ณ แว่นแคว้นแดนดิน...ถิ่นเมืองเหนือ วังเวียงเครือเจ้านคร...ครองเขตขาม ปกครองคุ้มไพร่ฟ้า...ประชาชาญ เลื่องลือนามอุปราชเจ้า...เท้าเมืองแมน มีทายาทราชบุตร...สุดที่รัก คนรู้จักนามเจ้าน้อย...ศุขเกษม ทูลล่ำลาไปร่ำเรียน..กระบวนเพลง ตามกฎเกณฑ์รัชทายาท...ชาติชายชาญ จรลีถึงเมืองงาม...นามมะละแม่ง ในเขตแดนแหล่งพม่า...อาสน์สถาน เพียรร้ำเรียนวิทยา...วิชาการ จนชำนาญรอบรั้ว...ทั่วเวียงวงศ์ ด้วยบุพเพบันดาล...ผ่านกรรมเก่า มาแนบเนาพบรักแรก...แยกวงศ์หงส์ รักหลงใหลสาวแม่ค้า...กลางป่าดง งามสกลคนเลื่องลือ...ชื่อมะเมี๊ยะ ด้วยเจ้านางงามเพริศแพร้ว...แก้วมณี เปล่งราศีเยี่ยงนางหงส์...จนที่เปรียบ แต่กำเนิดเกิดนาง...ต้อยต่ำเตี้ย นางมะเมี๊ยะมอบใจภักดิ์...รักเจ้าไทย นางปฏิเสธมอบดวงใจ...ให้ชายอื่น รักยั่งยืนเนิ่นนาน...ผ่านล่วงหลาย จนเจ้าน้อยฯ รับคำสั่งกลับคุ้มไทย สองดวงใจแทบสลาย...วายชีวา เหมือนโดนมีดกรีดฟัน...ฝันสลาย นางปลอมกายเป็นผู้ชาย...ตามเจ้าฟ้า ด้วยไม่รู้ราชบุตรสุดที่รัก...กับพม่า ประเพณีสืบมาต้องร้างลา...แยกทาง เจ้าอุปราชเมืองเชียงใหม่...ไม่ยอมรับ ยื่นคำสัตย์นางไม่กลับ...จักถูกฆ่า เสื่อมเสียเกียรติราชบุตร...คนนินทา องค์เจ้าฟ้ามีชายา...แม่ค้าไพร ทั้งเจ้าน้อยและเจ้านาง...อาลัยหา หลั่งน้ำตาเกินทัดทาน...ห้ามไว้ไหว นางมะเมี๊ยะเสียสละ...ควักดวงใจ ขอลาไปตามทาง...นางจากมา เมื่อวันนั้นถึงวัน...ส่งนางคืน สุดขมขื่นก่อนขึ้นช้าง...นางไหว้สา สยายผมลงเช็ดองค์...บาทบาทา อาลัยลาชาตินี้หนา...เพราะมีกรรม โศกสลดรันทดใจ...ไหนเทียมเท่า ทั้งองค์เจ้าสาวพม่า....เทวดาสวรรค์ ให้ครวญคร่ำรำพันหวล...ครวญครามครัน ด่วนจะพลันกลั้นใจตาย....สลายลง อุปราชเจ้าเท้าเมืองแมน...เร่งอภิเษก ชายาเอกลูกเจ้านาง.....ชาติวงศ์หงส์ สืบนครครองแผ่นดิน....สิ้นแดนแดง สันตติวงศ์องค์รัชทายาท...ปราชญ์เมธี องค์เจ้าน้อยฯ ได้อภิเษก...เอกชายา ตามบิดาเห็นพ้อง...ครองกรุงศรี ไม่สนใจปกครองราชย์...อาสน์ธานี ดวงฤดียังรัญจวญ...นวลนางไพร ฝ่ายมะเมี๊ยะทางพม่า...ว้าวุ่นจิต ให้ครุ่นคิดถึงคู่รัก...ภักดิ์ใจหมาย ออกเดินทางมาหาเจ้า...เข้าคุ้มไกร หวังเพียงได้พบพระพักต์...ด้วยภักดิ์ดี เจ้าฟ้าน้อยทราบข่าว...จากบ่าวไพร่ มีนางไพรใคร่เข้าเฝ้า...พระสุรสีห์ หน้าละม้ายคล้ายมะเมี๊ยะ...แต่เป็นชี พระภูมีรู้แก่ใจ...ไม่ขอออกมา ด้วยกลัวใจไม่สามารถ...หักห้ามจิต ล่วงเกินผิดสมณเพศ...เหตุเสน่ห์หา มอบดวงใจบูชานาง...หลั่งน้ำตา จึงเสนอมาเพียงแหวน...ไปแทนกาย เมื่อนางชีได้พิศแหวน..แน่นหัวอก น้ำตาตกว่าองค์เจ้า...ไม่ปรารถนา ลืมสิ้นแล้วรักในอก...ซบในอุรา องค์ชายาเอกธานี....ที่เป็นจริง นางจึงกลับมะละแม่ง...แหล่งพม่า ยึดพระศาสดาสรณะ...เป็นที่พึ่ง ฝังบาปเวรรอยกรรม...ที่ยังคะนึง ขอตราตรึงในชีเพศ...เจตจำนรรจ์ เจ้าศุขเกษมช้ำหนัก...อักโลหิต สิ้นชีวิตหมดวี่แวว...แล้วยอดขวัญ ถอนใจดับตรอมใจตาย...ไม่นานวัน วายชีวันสังเวยรักที่มักเป็นฉะนี้..แลเอย เรื่องจึงจบลงด้วยชีวิตเช่นนี้.....
20 เมษายน 2546 00:55 น. - comment id 128578
เป็นเรื่องจริงที่โสกสรด ตอนที่มะเมี๊ยะ กำลังจะจากเจ้าน้อยศุขเกษม แม้จะขึ้นไปบนกูบช้างแล้วก็ตาม มะเมี๊ยะก็ขอลงมาหาเจ้าศุขเกษมอีกจนได้ เธอคุกเข่าลงกับพื้นก้มหน้า สยายผมออกเช็ดเท้าสามีด้วยความรักอาลัย เรียกน้ำตาของเจ้าสุขเกษมไหลลงนองสองแก้ม แล้วก็โผเข้า กอดรัดกันอีก เหตุการณ์ต่อหน้าต่อตาที่คาดไม่ถึงทำให้ประชาชนทั้งชายหญิงที่มีจิตใจไม่เข้มแข็งกลั้น น้ำตาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน ท้าวบุญสูงต้องอึดอัดใจอย่างยิ่งเพราะไหนจะปลอบใจให้มะเมี๊ยะกลับขึ้นไปบน หลังช้าง ไหนมะเมี๊ยะจะดึงดันกลับลงมาอีก เป็นหนที่สองวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดเจ้าศุขเกษมอีก กว่าขบวนจะ ออกเดินทางได้ก็เลยกำหนดเวลาไปนานอักโข เจ้าศุขเกษมยืนเหม่อมองดูจุดเล็กๆ ที่ขยับเขยื้อนเหลียวมองด้านหลังจากบนหลังช้างนั้นตลอดเวลา จนลับจากสายตาจึงยอมกลับสู่คุ้ม ประชาชนชาวเชียงใหม่ไม่มีโอกาสประสบพบเห็นความรักต่างแดนอันลงเอยด้วยความโศรกสลดรันทดใจ มาก่อน และไม่มีโอกาสจะพบเห็นได้อีกแล้วในประวัติศาสตร์ของเวียงพิงค์
20 เมษายน 2546 01:05 น. - comment id 128587
[+_+]
20 เมษายน 2546 04:58 น. - comment id 128606
เศร้านิ อันเกิดเป็นคนรักเดียวหัวใจเดียว เป็นสัจจะรักย่อมมีความพลัดพรากเป็นข้าสึก ความรัที่จริงใจแม้เพียงน้อยนิดโลกย่อมสรรเสริญในธรรมนั้น นิ
20 เมษายน 2546 08:56 น. - comment id 128628
^J^ ..................... ไม่รู้จาพูดยังงัย.......ได้แต่ถอนหายใจ....เฮ้อ...!!!........
20 เมษายน 2546 09:26 น. - comment id 128636
...ผมว่าน่า..จะแบ่งเป็นตอนๆ...ให้น่าติดตามนะครับ...ดีครับ..สวยงามด้วย... .............สวัสดีครับ.......
20 เมษายน 2546 09:38 น. - comment id 128641
กลอนไพเราะ ภาพสวย แต่เศร้านะ(นิ) เลียนแบบใคร(นะ)นิ Q*^-^*Q นะ(นิ)
20 เมษายน 2546 11:15 น. - comment id 128663
น่าสงสารจัง ความรักที่มีอุปสรรค.. ขอบคุณมากนะคะ ที่เขียนให้ได้อ่าน เคยฟังจากเพลงมา(ฟังออก-ไม่ออกบ้าง) และเมื่อมาอ่านอีกครั้งที่นี่ ..
20 เมษายน 2546 12:11 น. - comment id 128676
ตอนได้ไปเยือนพม่า ถามคนพม่าว่ารู้จักมะเมี๊ยะหรือเปล่า คงเสียชีวิตแล้ว แต่คงจะมีร่องรอยบ้าง แต่หน้าแปลกว่า คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักมะเมี๊ยะเสียแล้ว เคยฝันไว้ว่า อยากมีดวงใจเป็นดังมะเมี๊ยะ สักคน ขอบคุณทุกๆ ท่านนะครับ ที่เข้ามาชื่นชมกับรักรัดทนสรดใจ ในวันนี้
20 เมษายน 2546 12:11 น. - comment id 128678
ได้รู้เรื่องจริงซะที รู้แบบครึ่งกลางๆมาตั้งนานแน่ะ @*_*@
20 เมษายน 2546 12:27 น. - comment id 128685
( ู^:_:^ )........เศร้าค่ะ.....
20 เมษายน 2546 14:09 น. - comment id 128718
---ถ้าผมเป็นจเจ้าน้อย จะหอบเสื้อผ้าหนีตามมะเมี๊ยะไป--ไปเป็นพ่อค้า ดีกว่าที่จะต้องทนในสิ่งที่ไม่อยากทน--หรือเจ้าน้อยในเรื่องห่วงตัวจะลำบาก ซึ้งครับซึ้ง
20 เมษายน 2546 14:37 น. - comment id 128731
ร้อยเรียงเรื่องราวได้ไพเราะมาก http://www.chiangrai.com/art/mamia1.html (เรื่องราวสาวพม่า นาม มะเมี๊ยะ)
20 เมษายน 2546 15:05 น. - comment id 128741
ขอบคุณครับ คุณรดา น้องอ้อม คุณวิจิตร และเกี้ยวเกล้า แรงบันดาลใจจากเพลง มะเมี๊ยะ ของสุนทรี เวชานนท์ ที่ถ่านทอดได้อย่างไพเราะ เนื้อเพลงที่เศร้าสลดรันทดใจ สุดพรรณา มะเมี๊ยะเป็นสาวแม่ค้าคนพม่าเมืองมะละแมง...งามล้ำหมื่นเดือนส่องแสง คนมาแย่งหลงรักสาวมะเมี๊ยะบ่ยอมฮักไผ มอบใจให้หนุ่มเชื้อเจ้า..เป็นลูกอุปราชเท้าเชียงใหม่..แต่เมื่อเจ้าชายจบการศึกษาต้องลาจากมะเมี๊ยะไปเหมือนโดนมีดสับดาบฟันหัวใจ ปลอมเป็นผู้ชายหนีตามมาเจ้าชายเป็นราชบุตรแต่สุดที่รักเป็นพม่า..ผิดประเพณีสืบมาต้องร้างลาแยกทาง..ก็เมื่อวันนั้น วันที่ต้องส่งคืนบ้านนางเจ้าชายก็จัดขบวนช้างไปส่งนางทั้งน้ำตา..มะเมี๊ยะตรอมใจอาลัยขื่นขม ถวายบังคมทูลลา ..สยายผมลงเช็ดบาทบาทา..ขอลาไปก่อนแล้วชาตินี้..เจ้าชายก็ตรอมใจตาย มะเมี๊ยะเลยไปบวชชี...ความรักมักเป็นฉะนี้..แลเอย......
20 เมษายน 2546 15:16 น. - comment id 128752
มะเมี้ยะ.. เป็นสาวแม่ก้า..อยู่พม่าเมืองมะละแมง เพลงนี้..ฟังมาแต่เด็ก.. ของคุณจรัล มโนเพ็ชร นิว..เขียนได้ไพเราะดีจัง
20 เมษายน 2546 15:31 น. - comment id 128757
ขอบคุณครับแจม ผมชอบเพลงนี้เหมือนกันครับ มะเมี๊ยะ เสียชีวิตเสียก่อนเกิดไม่ทัน น่าเสียดาย
20 เมษายน 2546 17:41 น. - comment id 128820
ความรัก..และความผูกพัน..แม้นจะนานเพียงใด...ก็ยังฝังรอยรักไว้ในใจ...เกือบพันปี...รักนี้ยังอยู่ภายในใจ....เนิ่นนานเพียงใด..รักนี้..ไม่เคยร้างลา...ตราบฟ้าสิ้นลม... ลำน้ำน่าน..เขียนได้ดีมากค่ะ...ประทับใจ...และเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองคนได้ดีว่าเป็นเช่นไร...ซึ้งใจมากค่ะ...บทเพลงนี้.ชอบมากเช่นกันค่ะ..
20 เมษายน 2546 22:24 น. - comment id 128934
ผมเป็นหลาน ชั่ว ที่ 4 ของเจ้าน้อย ศุขเกษม ครับ เรื่องนี้ บิดเบือนนิดหน่อย เพราะเจ้าน้อยศุขเกษม ไม่ได่ตรอมใจตาย พอส่งมะเมี๊ยะ กลับ มะละแหม่ง แล้ว เจ้าอินวิชชยานนท์ก็ส่งเจ้าน้อย ไปรับราชการเป็นมหาดเล็ก ในกรม กับเจ้าดารารัสมี พระราชชายา ซึ่งเจ้าน้อย เอาแต่ ดื่มเกล้าเมามาย เจ้าดารารัศมี จึงให้แต่งงานออกเรือน และพามาอยู่ที่เมืองด้ง (อำเภอสวรรคโลก ในปัจจุบัน) ซึ่งเจ้าน้อยก็ มีทายาทสืบสกุล ต่อมา และ สิ้นชีพเมื่ออายุ 33 ปี หลังจากส่งมะเมี๊ยะกลับมะละแหม่ง ไปแล้ว ถึง 9 ปี ส่วนมะเมี๊ยะ บวชเป็นชี จนเสียชีวิตเมื่อปี 2513 ผมยังเคยไปเยี่ยม เลยครับ ผมชื่อ เสริมศักดิ์ ศุขเกษม ไม่เชื่อ ไปดูในหน้าส่วนตัว ได้เลย
20 เมษายน 2546 22:46 น. - comment id 128939
น้ำทึ่งจังทั้งลำน้ำน่านที่พยายามเสาะแสวงหาตำนานรักมาพรรณาให้อ่านกัน.อย่างสวยงาม.และทั้งม้าก้านกล้วยที่พุดพัดชา..เชื่อเลยโดยมิต้องสงสัย เพราะมีเลือดรักแท้จริงใจอ่อนไหวอ่อนหวานละมุนพอกัน..นะจนเหลือเพียงแปรฝันผลงานให้ผ่านตาผ่านดวงใจคนไทยทั้งประเทศ..ม้าไม่ลืมสัญญาแต่ว่าชีวิตวุ่นมากเลยไม่มีกะจิตกะใจ..รอหน่อยนะจะพยายาม คิดถึง..เสมอ..
20 เมษายน 2546 23:37 น. - comment id 128976
ด้วยซึ้งใจและขอบคุณในมิตรทุกๆ ท่านนะครับ ตำนานมะเมี๊ยะ นั้นอ่านกี่ครั้งก็ไม่ตรงกันสักที เลยไม่รู้ว่าจะเชื่อเล่มไหนดี บ้างก็บอกว่ามะเมี๊ยะเสียชีวิต ปี 2505 แต่อย่างไรก็ตาม ขอบคุณลุงม้านะครับที่เข้ามาให้ข้อเท็จจริง ประทับใจในความรักของท้องสองท่านครับ...จริงๆ แล้วอยากบอกว่า อยากเจอมะเมี๊ยะ แต่คงได้แค่ฝัน
21 เมษายน 2546 00:43 น. - comment id 129030
ที่จริงโยนกนครมีอะไรดีๆอีกมาก ลุงม้าน่าจะเล่าให้หลานๆฟังแบบนี้บ้าง
4 สิงหาคม 2549 14:40 น. - comment id 146024
เรื่องมะเมี๊ยะได้ยินมาตั้งแต่เด็กสงสารเจ้าน้อยและมะเมี๋ยะจังเลยที่รักไม่สมหวัง
4 สิงหาคม 2549 14:42 น. - comment id 146025
สงสารเจ้าน้อยและมะเมี๋ยะที่ความรักไม่สมหวังเศร้าจิงจิง