ยามเมื่อฝนตกโปรยปราย รุ้งขึ้นเป็นสายที่ตรงขอบฟ้า วิหคเริ่มออกบินสู่นภา หมู่สกุณาแวกว่ายออกสู่ชล ยามเมื่อฝนตกโปรยปราย น้ำตาไหลเป็นสายไม่หายไปพร้อมฝน เพราะรักแล้วช้ำเวียนวน ความรักของคนช่างแปลกสิ้นดี ยามเมื่อฝนตกโปรยปราย น้ำไหลเป็นสายไหลไปทุกที่ ไม่เคยมีใครมาหยุดได้สักที เหมือนเวลาที่ไม่เคยรอใคร ยามเมื่อฝนตกโปรยปราย เธอกับฉันเดินเล่นสายฝนไป ปล่อยตัวและปล่อยใจ ปล่อยให้น้ำไหลชะล้างใจที่อ่อนแอ ยามเมื่อฝนตกโปรยปราย ยังมีคนที่จิตใจยังไม่แพ้ ขอสู้ต่อไปแม้ไม่มีใครเหลียวแล ขอเพียงแค่...มีเพียงเธอเป็นกำลังใจ
19 เมษายน 2546 17:42 น. - comment id 128363
เวลาฝนตก กางร่มหนึ่งคัน ไออุ่นจากลมหายใจ มีความหมายเกินคำจำนรรจ์ ความเหน็บหนาวมลายไปพลัน เราอุ่นกันแค่เพียงสองคน ภาวนาขอให้ฝันอย่าเพิ่งหยุดเลย เจ้าพระคุณ..... บทกวีงดงามนะครับ ด้วยประทับใจทุกบทกวี ที่รังสรรค์จากธรรมชาติ ธรรมดา ธรรดา เป็นกำลังใจให้นะครับ
19 เมษายน 2546 23:10 น. - comment id 128498
ฝนตกแม้ไม่มีร่ม. . .ถ้าได้ยืนอยู่กะคนที่เรารัก ก็อบอุ่นได้ ไม่เหน็บหนาว =^____^=
20 เมษายน 2546 10:11 น. - comment id 128654
.....ความคิดเห็นของผม..เหมือนกับ คุณแม่มดน้อยค่ะ...เพราะผมเป็นพวก..ใจปอนๆ.... ....................สวัสดีครับ................................
21 เมษายน 2546 09:02 น. - comment id 129156
ลำน้ำน่าน พุดพัดชาหรือป่าว แม่มดน้อยมีอิทธิฤทธิ์หรือไม่ ใบบอนแก้ว หายากนะสมัยนี้ ทุกคนที่มีจิตเป็นบทกวี นั้นแล เขาว่า เป็นบุคคลที่แสนจะอ่อนโยน และจินตนาการไร้ขอบเขตสิ้นดี... ขอบคุณที่ให้กำลังใจครับผม
21 เมษายน 2546 09:06 น. - comment id 129158
ยามฝนตกโปรยปราย สองเราวิ่งเล่นสายฝน สองเราจูงมือวิ่งวน สองเราเปียกฝนชุ่มตัว ยามฝนตกโปรยปราย สองเรากระหายความรัก สองเรารู้จักกันดี สองเราจะไม่หนีห่างกัน
23 เมษายน 2546 13:07 น. - comment id 130264
ลำน้ำน่าน กับ พุดพัดชา เป็นคนละคนกันครับ หาใช่คนเดียวกันใหม หากแต่อย่างหนึ่งที่คล้ายกัน น่าจะเป็นการหลงไหลในธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร ประสบการณืร่วมที่มีกับธรรมาชาติ มักจะถ่ายทอดออกมาหวานไหว พอพอกันเสมอ บังเอิญที่คล้ายกัน กับการเพียรสรรค์บทกวีที่วิจิตรครับ
27 เมษายน 2546 16:08 น. - comment id 132002
แต่งได้เก่งจัง...อ่านแล้วรู้สึกเย็น ๆ ดีนะเนี๊ยะ แต่ตากผนนาน ๆๆ เดี๋ยวไม่สบายนะ