(Intro...) รักนั้นคืออะไรยากจะรู้ รักอยู่คู่บุคคลแสนหลากหลาย รักไม่มีวันสิ้นวันมลาย รักมากมายคืออะไรได้รู้กัน (รักคือ...) รักคือความจริงใจที่มีให้ รักคือการอภัยอันสร้างสรรค์ รักคือการยอมรับกันและกัน รักคือการแบ่งปันด้วยไมตรี (รักเป็น...) รักเป็นสิ่งสวยงามคลายความเหงา รักเป็นสิ่งคลายเศร้าสร้างสุขี รักเป็นสิ่งแต่งแต้มเติมชีวี รักเป็นสิ่งแสนดีเพื่อทุกคน (เมื่อรัก...) เมื่อมีรักภักดีต่อดวงจิต เมื่อมีรักมิคิดผิดติดสับสน เมื่อมีรักรักเดียวเพียงหนึ่งคน เมื่อมีรักไม่ฉ้อฉลวนกลับคำ (เชื่อในรัก...) เชื่อในรักแม้รักต้องผิดหวัง เชื่อในรักแม้ยังต้องเจ็บช้ำ เชื่อในรักแม้เจ็บจะจดจำ เชื่อในรักให้ชักนำจนวันตาย (Outtro...) บทสรุปแห่งรักท้ายที่สุด รักมีดีมีคุดสุดหลากหลาย รักแบบเพื่อนรักแบบหญิงและชาย รักสุดท้ายก็จบลงรักตัวเอง
3 มีนาคม 2546 23:39 น. - comment id 111989
เพราะดีนะ แต่สงสัยว่าคนที่แต่งเนี่ยจะมีอะไรในใจหรือเปล่าเนี่ย... อืมแต่โดยรวมก็ดีแล้วแหละ
4 มีนาคม 2546 00:11 น. - comment id 111996
ไพเราะ..มากค่ะ... ..ให้กำลังใจ...นะค่ะ..
4 มีนาคม 2546 00:34 น. - comment id 112001
ความจริงผมค่อนข้างกังวลมากเลยนะครับ แต่เห็นวงเล็บว่าวอนติชมก็เลยขออนุญาตเข้ามาร่วมแจมด้วยคน ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ ห้ามคิดอย่างอื่น ม่ายงั้นผมเก๊กซิมแย่เลย ขอมองภาพรวมว่ามองได้อย่างลุ่มลึกมีสาระ ดูได้จากการจบบทสุดท้าย ไม่ว่าเราจะเขียนอย่างไรต้องมีจุดคลี่คลาย ในกลอนได้อธิบายความหมายความรัก แต่ไคลแมกซ์จริงๆอยู่ตรงบทจบ ซึ่งผมถือว่าเป็นสารที่เราต้องการสื่อออกไปจริงๆ ในด้านการเขียนผมขอแลกเปลี่ยนโดยใช้สไตล์ของผมนะครับ ผมคิดว่าการมีสัมผัสในจะทำให้กลอนลื่นไหลมาก การพิจารณาจุดรับสัมผัสหลักจึงมีความสำคัญ ยกตัวอย่าง:- รักนั้นคืออะไรยากจะรู้ ไม่มีอะไรผิดหรอกครับ ใช้ได้เลยทีเดียวแหละ ทว่าหาดเราเพิ่มอะไรเข้าไปอีกสักนิดก็จะยิ่งดีขึ้นอีก ผมขอเรียกว่าความลื่นไหลไม่สะดุด โดยเราต้องจับจุดสัมผัสหลักให้ได้ซึ่งจะอยู่ที่คำที่ หกและเจ็ดสุดแท้แต่จะเลือก คำส่งสัมผัสอยู่ที่คำที่ห้า ต้องคิดล่วงหน้าโดยอัตโนมัติในทันที กรณีดังกล่าวถ้าเราตั้งใจจะเขียนว่า รักนั้นคืออะไร ไรจะต้องส่งสัมผัสไปคำที่หก เจ็ด ลงเป็นกลอนไลเหมือนกันเข้ามารับ เช่น รักนั้นคืออะไรใครจะรู้-คำที่หกรับ รักนั้นคืออะไรยากใครรู้-คำที่เจ็ดรับ กรณีเขียนแล้วติดจำเป็นต้องเปลี่ยนเอาคำที่ห้าออก สามารถเอาคำที่หกหรือเจ็ดตั้งรับไว้ก่อนแล้วหาตัวส่งที่หลังตรงคำที่ห้า เช่น รักนั้นคือขี้ปากยากจะรู้-คำหกตั้งรับ รักนั้นคืออะไรนะยากจะรู้-คำที่เจ็ดตั้งรับ อย่าเพิ่งรำคาญนะครับ คงสรุปโดยใช้ทางของผมเองที่ใช้อยู่ประจำว่าเขียนกลอนน่าจะมีหลักการอยู่นิดนึงคือ ควรเขียนเรื่องใกล้ตัว เพื่อไม่ให้ภาพเบลอถ้าห่างตัวมาก ยกเว้นจินตนาการสูง+มากประสบการณ์, ผูกโครงเรื่องให้รัดกุม บทที่หนึ่งจะกล่าวถึงเรื่องอะไร บทสองจะอธิบายเรื่องอะไร ให้ร้อยรับกันเป็นทอดๆไม่วกวน, เฟ้นหาคำที่เหมาะสม เช่น พระอาทิตย์ มีคำแสดงความหมายมากมายที่เลือกได้ :-ตะวัน ตาวัน ภาสกร ไถง พันแสง ฯลฯ เลือกให้เหมาะกับบรรยากาศและสุดท้ายควรสื่อสาระที่เราต้องการแสดงออกไปให้ได้ ขออนุญาตจบดื้อแค่นี้แหละครับ คงได้เห็นงานคุณอีก และที่สุดของที่สุดจริงๆ เขียนอย่างที่เราอยากเขียนอย่าไปเกร็งขอรับกระผม-โอยคอแห้ง
4 มีนาคม 2546 00:40 น. - comment id 112004
เหมือนๆ เพลง มากกว่าจะเป็นบทกลอนนะ ถ้าร้องแล้วใส่ทำนอง จะต้องเพราะมาก ๆแน่เลย... เป็นกำลังใจให้นะคะ ขนาดบทแรกในชีวิตยังเพราะขนาดนี้.... สู้ๆ ค่ะ
4 มีนาคม 2546 01:06 น. - comment id 112009
เก่งจัง ปรบมือให้ดัง ๆ เลยค่ะ
4 มีนาคม 2546 05:45 น. - comment id 112021
...รัก ไม่รัก ไม่รู้ รู้ ไม่รู้ ก็รัก ....
4 มีนาคม 2546 11:01 น. - comment id 112042
ไพเราะ แล้วค่ะ แต่งมาให้อ่านกันอีกนะค่ะ ขอบคุณ คุณ ราม ลิขิต ที่ให้ความรู้กับเราด้วย หัดแต่งเหมือนกันค่ะ
4 มีนาคม 2546 13:33 น. - comment id 112077
ดีค่ะ ...นิยามรักอันหลากหลาย..
4 มีนาคม 2546 19:14 น. - comment id 112158
ใช้ได้เลยเพื่อน ปล.รู้นะ ตอนแต่งคิดถึงใครอยู่
5 มีนาคม 2546 03:08 น. - comment id 112228
อ๊ะ...บทแรกก็บอกรักแล้วหรืออ๊ะ บทสองคงจะขอแต่ง...แหงแหงเลยอ๊ะจิน่ะ อิอิ มาแซวเล่นเล่น ไม่ติ ไม่ชม อิอิ เพราะว่า ติใครไม่เป็น แล้วก็ชมใครไม่เก่ง อ๊ะจิน่ะ ว่าแต่ว่า มีใครหาน้ำให้คุณ ราม ลิขิต ทานยังอ๊ะ
5 มีนาคม 2546 06:06 น. - comment id 112241
.... มาเป็นกำลังใจให้นะคะ