เหม่อมองน้ำกับฟ้าเวลาค่ำ หัวใจย้ำด้วยโศกโรคผิดหวัง ความเจ็บช้ำซ้ำเป็นสิ่งให้ชิงชัง น้ำตาหลั่งพรั่งพรูอดสูใจ ในชีวิตการศึกษาน่าอนาถ เราก้าวพลาดพลั้งผิดคิดไฉน สิ่งหมายอยู่ข้างหน้าพร่ารำไร อยู่เสียไกลเกินกว่าคว้าครอบครอง ท้อแท้ต่อชีวิตเกินคิดก้าว ร้าวแสนร้าวดวงกมลทนหม่นหมอง ปวดแสนปวดดวงชีวีหมดค่าปอง ไม่ผยองหาญสู้เหมือนรู้อาย ซมซานมาก้มเกล้ากราบเท้าแม่ ลูกขี้แยแพ้ชีวิตหมดสิทธิ์หมาย เมื่อเดินล้มระบมเจ็บเหน็บใจกาย ลูกแสนหน่ายเหนื่อยชีวิตแทบสิ้นลม อาจหมดสิทธิ์คิดหวังดังก่อนเก่า อาจลบเงาความสำเร็จเข็ดขื่นขม อาจละใจไปให้พ้นทนระทม อาจต้องตรมซมกว่านี้ชั่วชีวา เห็นรอยยิ้มพิมพ์หทัยใจสะท้าน ดุจแหวกม่านหมอกสีดำที่คลำหา ได้พบเห็นสีแดงแห่งเมตตา ยิ้มนี้มาจากแม่แผ่อาจิณ อุ้งมือน้อยลูบปลายผมพรหมหยาดจิต ปัดเป่าพิษร้าวกมลไปจนสิ้น เสียงปลอบดังกังสดาลหวานครายิน ถึงหวังภินท์ก็อย่าท้อ อย่าอาลัย ผิดพลาดนั้นมันเป็นครูให้รู้ซึ้ง เป็นสิ่งซึ่งเตือนฤดีที่ไหน..ไหน เมื่อล้มลงก็จงลุกบุกต่อไป คงมีชัยเข้าสักวันนะ ..ขวัญยืน.. ลูกกราบเท้าก้าวย่างอย่างมานะ ลูกขอละล้อระทมข่มใจฝืน ลูกจะสร้างหวังใหม่ให้กลับคืน ลูกขอยื่น ..ความท้อ.. ต่อสายชล เหม่อมองน้ำกับฟ้าเวลาค่ำ หัวใจฉ่ำด้วยหวังดั่งหยาดฝน ลืมทุกข์เศร้าตรมท้อล้อกมล ขอตั้งต้นความหวังอีก ..ครั้งเดียว..
11 ตุลาคม 2545 13:52 น. - comment id 86369
ยาวมากเห็นแล้วเหนื่อยนะ น่าจะทำให้เป็นบทสั้นๆต่อๆกัน น่าอ่านกว่า ใช้คำพูดที่ยากเกิน เข้าใจหรือเค้ามันโง่เองก็ไม่รู้
11 ตุลาคม 2545 16:37 น. - comment id 86409
ครับ...
11 ตุลาคม 2545 20:29 น. - comment id 86565
เพราะ ครับ เพราะ มากเลย เวลาที่เรารู้สึกท้อแท้ คนที่เราคิดถึงเป็นคนแรกก็คือ พ่อแม่ แน่นอนครับ พ่อแม่ คือรักแท้