ดั้นด้นมาที่นี่กระวีกระวาด
เพือโอกาสหัวใจอาจใฝ่อาจฝัน
มิใช่เพื่อถูกบีบจนตีบจนตัน
เพราะมิรับสัมพันธ์พิลั่นพิลึก
ไม่อาจยอมรับรักพิพักพิพ่วน
โดยกระบวนรู้จักกระอักกระอึก
เห็นเพียงชื่อหรืออกระทกระทึก
ความรู้สึกของใครปานไฟปานฟืน
จะสร้างรักควรยื่นคำชื่นคำชม
แทนการใช้อารมณ์มาข่มมาขืน
จะคบใครจริงจังให้ยั่งให้ยืน
มิควรฝืนจนมิตรระอิดระอา
บรรยากาศการพบควรอบควรอุ่น
ความเมตตาการุญมีคุณมีค่า
การหมายปองครองคู่ใช่ปูใช่ปลา
อันซื้อหาที่ชอบมาครอบมาครอง
เขียนกลอนรักจงใจให้ไหวให้หวาน
ให้ผู้อ่านเอมอิ่มชวนยิ้มชวนย่อง
มิได้แถมแก้มอิ่มให้ลิ้มให้ลอง
แค่ร้อยกรองสะกิดต้องจิตต้องใจ
รักเถิดรักบทกวีที่สร้างที่สรรค์
แต่อย่าฝันละเมอจนเผลอจนไผล
แม้กลอนจะอบอุ่นละมุนละไม
แต่มิใช่หัวใจละไมละมุน
....................................
กลบทสะบัดสะบิ้ง มีข้อบัญญัติ
เพิ่มจากกลอนทั่วไปคือ
1)กำหนดให้ช่วงหลังของกลอนแต่ละวรรคมี 4 คำ
2)ใน 4 คำนั้น ให้คำที่ 1 กับ 3 ซ้ำกัน และ
ให้คำที่ 2 กับ 4 เป็นสัมผัสอักษร
3)ให้คำท้ายของช่วงกลาง สัมผัสสระกับคำที่ 2 ของ
ช่วงหลัง ในแต่ละวรรคของกลอน
อ้างอิง ใน กลบทศิริวิบุลกิตติ์ และ จารึกวัดพระเชตุพนฯ