น้ำตาหลั่งนั่งซบสงบนิ่ง
จำทอดทิ้งร้างลายอดยาหยี
หัวใจแหลกแตกร้าวเศร้าหลายปี
สองปรางที่เคยเห็นซีดเย็นชา
จุมพิตเธอยิ่งเห็นเยือกเย็นกว่า
จริงดั่งว่าตามทำนายใช่มุสา
ต้องประสบพบเหงาเศร้าโศกา
รุ่งทิวาหยาดหยดพลิ้วพรมคิ้วคาง
ยิ่งย้ำเยือนเตือนเรายามเหงานี้
สัญญามีเหลือเกินเธอเมินหมาง
แสงสว่างสร้างชื่อนั้นคือนาง
ยินเอ่ยอ้างนามเธอเหม่อละอาย
เขาเอ่ยชื่อกานดาต่อหน้าฉัน
หูก็พลันยินระฆังลั่นดังหมาย
ฉันสะท้านสั่นจังงังทั่วทั้งกาย
เธอวิเลิศเฉิดฉายเมียงมายมอง
หามีใครล่วงรู้เคยคู่รัก
ฉันตระหนักเธอดีไม่มีสอง
นานแสนนานในอดีตกรีดทำนอง
เกินกว่าร้องเรียกเอ่ยเผยให้ตรม
เป็นความลับอย่างชะงัดเรานัดพบ
เงียบสงบฉันสะอื้นและขื่นขม
หัวใจเธออาจลืมเรื่อยเฉื่อยอารมณ์
จิตเธอก้มรับฉ้อฉลแห่งกลลวง
หากหลายปีต่อไปในภายหน้า
เผื่อพบพาอดีตเก่าเคยเฝ้าหวง
จะทักเธออย่างไรในแดดวง
น้ำตาร่วงเงียบสงบยามพบกัน
When we two parted
When we two parted
In silence and tears,
Half broken-hearted,
To sever for years,
Pale grew thy cheek and cold,
Colder thy kiss;
Truly that hour foretold
Sorrow to this!
The dew of the morning
Sunk chill on my brow;
It felt like the warning
Of what I feel now.
Thy vows are all broken,
And light is thy fame:
I hear thy name spoken
And share in its shame.
They name thee before me,
A knell to mine ear;
A shudder comes o’er me-
Why wert thou so dear?
They know not I knew thee
Who knew thee too well:
Long, long shall I rue thee
Too deeply to tell.
In secret we met:
In silence I grieve
That thy heart could forget,
Thy spirit deceive.
If I should meet thee
After long years,
How should I greet thee?-
With silence and tears.
(George Gordon Lord Byron, 22 January 1788 – 19 April 1824)