๏ ช้ำรานฉานล้าเฉก .....ชะรอย แช่งแล
ทอดเนิ่นเทินหน่ายถอย .... นับท้อ
พากย์สรรพรั่นสบพลอย .... สั่นผ่าน โศกเฮย
ผลาญย่ำพร่ำยิ่งพ้อ .... พิโยคโย้ผ่าวยืน ๚ะ๛
๏ ช้ำรอยรานผ่านเร้าผ่าวอารมณ์-
สะกิดแคะแทะข่มจวนล่มขืน-
สังขารยั้งหวังหยัดรัดที่ยืน-
เหยียดชูเชิดหน้าชื่นระรื่นทรวง
๏ ขมซ่อนหลบขบมุมในหลุมหม่น-
หมางครางครวญถ้วนหนระคนห่วง-
หาอาทรภาพเก่าอันร้าวกลวง-
โบ๋ลึกล้นเกินล้วงจะท้วงร้อง
๏ คมใหม่กดหมดคมบาดจมค่อน-
มิดด้ามพร้าหาผ่อนบันทอนผ่อง-
ใสมัวขับจับเคล้าสีเทาคล้อง-
คอถูกก่านบั่นต้องจนหมองตัว
๏ กรีดบรรจงบ่งไว้บิใจแหว่ง-
วิ่นชิ้นแหกแหลกแห่งขาดแบ่งหัว-
หูร่างไร้คล้ายขอดเหมือนถอดคัว-
เกล็ดปลาเกลี้ยงเหวี่ยงทั่วทั้งตัวทิ้ง-
๏ แผลใหม่ไหม้ซ้ำเหมือนต่างเตือนมุ่ง-
หมายใครได้สะดุ้งร่วงรุ่งดิ่ง-
หล่นถึงเนื้อลึกใต้มิไหวติง-
ดึงยุดฉุดสาวยิ่งนับนิ่งยอ
๏ ปล่อยไปตามยะถาชาตาที่-
ย่ำผจญหนนี้ไม่หนีหนอ
สยบยอมจ่อมพับลำดับพอ-
เพียงแค่รานผ่านล้อของเวลา
+ กิ่งโศก +
พฤหัสบดี ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๖
แรม ๗ ค่ำ เดือนสิบ ปี มะเส็ง
...ตอนนี้เป็นแผลที่แก้มขวา..แบบว่าโดนใบมีดโกนเข้าไป ฉึกหนึ่ง เลือดโทรมเลย หุหุ...