๏ ประทีปป้าย ฉายปราง สะอางเหลือ รติเจือ นวลผาด พิลาสไหว อรชร ชูชื่น รื่นแสงไฟ แนบครรไล เคียงองค์ นงพะงา ๏ ฤดีไต้ ต่ำต้อย คอยชะเง้อ ด้วยเพราะเธอ เฝ้าครวญ รัญจวนหา ยังเบื้องบน พร่างดาว พราวนภา แล้วลืมข้า ชิดคู่ อยู่ดำเนิน ๏ เรียมก้าวเดิน เพลินแหงน ณ แดนสรวง บุหลันควง เมฆา พาเหาะเหิน ชลนา หลั่งนี้ อิตถีเมิน คือส่วนเกิน เถ้าไต้ ที่ไฟราน ๏ หากมอดภินท์ สิ้นแล้ว แคล้วไฟเชื้อ บุญยังเจือ น้อมจิต อธิษฐาน ขอมุ่งมั่น ตั้งประณต พจมาน จุติผ่าน ดาวส่อง ให้น้องแล ๚ะ๛ .
23 กรกฎาคม 2554 21:07 น. - comment id 1203359
เขียนได้งดงามแล้วล่ะไม่นานหรอกไปไกล แน่นอน แต่ละวรรคสอดคล้องกันด้วยอักษร เสียงทำนองสอดคล้องไม่ขัดกัน พยายามไว้ นะ รักศิษย์เสมอ แก้วประเสริฐ.
24 กรกฎาคม 2554 00:26 น. - comment id 1203374
กราบคุณครูแก้วครับ ด้วยใจจริงครับ...ศิษย์จะลองค้นคว้ากลอนไปเรื่อยๆ สุดแต่เวลาจะอำนวย เวลาชอบอะไรแล้วกระผมอยากจะศึกษาให้ลึกๆไปเรื่อยๆครับครู เหมือนร้องเพลง วาดรูป ดังที่ผ่านมาก่อนจะกลับมาหากลอน เป้าหมายผู้น้อยนั้น ไม่คิดจะเป็นนักเขียนแม้แต่น้อย " หากแต่อยากมีความสุขเวลาเขียนงาน แล้วมีคนที่อ่านแล้วมีความสุขด้วยครับ " คิดงั้นจริงๆ (คงเพราะงานที่ทำปัจจุบันต้องบริการผู้คน แม้จะเป็นทางด้านการเงิน จนเกิดอาการซึมซับ) แต่ไปๆมาๆ จำเป็นต้องรู้ฉันทลักษณ์ให้ตรงตามแบบแผน แล้วยิ่งสั่งสมมากกลับรุ้สึกว่ายิ่งด้อยซึ่งประสบการณ์ เพราะมันเป็นทั้งภาษาไทย และประวัติศาสตร์ รวมถึงขนบธรรมเนียมแต่บรรพชน ที่ต้องเริ่มรู้ ให้มากขึ้นโดยธรรมชาติ เลยเรื่องยาวเลยครับทีนี้ ผมว่าคงเรียนไม่จบเสียที จึงขอฝากเนื้อฝากตัวครูมากๆครับ ผมว่าสงสัยจะนานยิ่งเรียนก็ยิ่งสนุกเหมือนกันครับ รักเคารพท่านมากครับ
21 กรกฎาคม 2554 23:24 น. - comment id 1203379
กราบสวัสดีคุณคนกุลาครับ ขอบพระคุณท่านที่มาช่วยพิจารณา และเติมความรู้ที่มาที่ไปของไต้ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือน ปัจจุบันหาแหล่งผลิตยากมาก ครูแก้วท่านให้กระผมหมั่นฝึกฝนกลอนแปด ให้ชำนาญอยู่ก่อนครับ เนื่องด้วยพื้นฐานไม่มีความรู้ด้านภาษาไทยมาก่อนเท่าใด ด้วยความเคารพครับ ทั้งการงาน และชีวิตประจำวัน ไม่ได้เข้าใกล้ศิลปะแขนงใดเลย แต่งานสถาบันทางด้านเอกชนจะเกี่ยวกับด้านการบริการ หรืออาจจะเป็นพื้นฐานของความรักต่อการบริการการแก้ไขปัญหาให้กับผู้อื่น ก็เป็นได้ครับที่น่าจะทำให้เป็นแรงบันดาลใจ ให้พื้นฐานการเขียนกลอนเป็นแนวที่ อยากรับใช้ อยากให้ท่านๆ รู้สึกดี หรือเป็นสุขเมื่อได้เห็นงานกลอน ส่วนตัวไม่กล้าทำร้ายจิตใจ หรือเขียนในแง่วิจารณ์เลย ไม่ว่าจะด้วยนัย หรือ ตรงๆ อาจเพราะรู้สึกว่าเวลาต่อว่าต่อขาน แบบเป็นกลอนแล้วความเข้มข้นรุนแรง จะมากกว่าพูดปกติหลายเท่า ตั้งใจไว้ว่าเขียนงานเพราะมีควาามรัก และศึกษาสานต่อความรู้ของปราชญ์บรรพชน ท่านอุตส่าห์คิดค้นเอาไว้ ตามแบบฉันทลักษณ์ให้มากที่สุด น่ะครับ สิ่งที่ได้ไป คงเพียงเล่าให้คนใกล้ตัว ที่ทำงาน ญาติๆ ได้ลองศึกษาตามเท่านั้น ก็น่าจะเป็นสิ่งที่สมองก้อนน้อยๆ กระผมทำได้ดีที่สุดแล้วครับ กราบขอบพระคุณท่านอีกครั้งครับ
22 กรกฎาคม 2554 09:53 น. - comment id 1203386
มาย้อนยุคด้วยคนค่ะ
23 กรกฎาคม 2554 11:10 น. - comment id 1203470
คุณห้าเจ้าจอมครับ มาครับมา สุขอุราด้วยกัน มิตรกลอน^^
21 กรกฎาคม 2554 17:19 น. - comment id 1203525
จินตนาการ ได้เยี่ยมมากค่ะ....
21 กรกฎาคม 2554 19:33 น. - comment id 1203540
๐ ในโบราณถ่านไต้เปลือกไม้แห้ง เอากระแชงกระชับห่อให้พอถือ น้ำมันยางต่างใส่ให้ไฟพือ จับมั่นมือมุ่งหมายส่องรายทาง ๐ เมื่อแสงไฟใส้สอดพลันมอดดับ มาเปรียบกับครรลองรักหมองหมาง คล้ายดวงใจไหลเลื่อนมาเลือนลาง ลบรักจางจืดเชื้อไม่เหลือรอย.๚ะ๛. มาอ่านงานงามๆ ครับ จินตนาการ และฝีมือ ดี ครับ หมั่นฝึกฝน มากๆ นะครับ
21 กรกฎาคม 2554 22:20 น. - comment id 1203597
สวัสดีครับคุณแกงฯ ขอบพระคุณครับ อยากให้มีความสุขมากๆนะครับ จะพยายามหมั่นฝึกฝน ครับ
21 กรกฎาคม 2554 09:25 น. - comment id 1203728
แจ่มๆๆๆ ชอบๆๆๆ
21 กรกฎาคม 2554 13:19 น. - comment id 1203767
สวัสดีครับ คุณกีรติ ขอบคุณที่ท่านชอบ อิอิอิอิ แบบว่า ภาพมันจะผุด ปุ๊ดๆๆ ตอนใจสบายๆน่ะขอรับ แต่ใจยังอยู่กับเนื้อกับตัวนะครับ ยังม่ายหลุด5555 มิตรกลอน ช่วยแนะทีนะครับ ว่างๆอยู่กับสิ่งนี้แล้ว ทั้งรัก ทั้งมันส์ ไม่เบื่อ >_< รักมิตรกลอนครับ
19 กรกฎาคม 2554 12:48 น. - comment id 1203951
สิ้นราษี หมองคล้ำ ดำทั้งหน้า วจีกล้า ผู้ฟัง ยังหดหาย พวกลูกขุน พลอยพยัก มักกลับกลาย แตกทำลาย ทั้งพรรค ปรักพัง โต้คารม กันเอง เก่งทั้งนั้น เอ่ยอ้างชั้น ผู้ใหญ่ ใจยังหวัง ลูกพรรคโต ขึ้นมาก จึงอยากดัง ถูกเก็บขัง ไม่ยอม พร้อมปฏิวัติ... อิอิ พรรคเก่าแก่ดีแต่คนแก่แตกแน่
19 กรกฎาคม 2554 13:48 น. - comment id 1203958
รอปรองดองครองขมยังตรมหมอง แขวนจนพองสองแยกแตกแขนง พรรคนิ่งหน้าหลังน่วมอ่วมสำแดง รอพลิกแพลงแจ้งจบพบสำนวน เง้อ.. อะ อาจานฤกษ์คร๊าบ วิ วิจารณ์งานพ้มด้วยคร๊าบ ท่านพากระผมเผลอ จนได้T_T ตั้งใจเขียนงาน รอผู้พบพานมาสบตา อยู่นะคร๊าบบบ >_<
19 กรกฎาคม 2554 21:10 น. - comment id 1203990
ขอชมว่าเยี่ยมยอดค่ะ..... สิ้นรัศมีไต้....... เหลือเถ้าไฟในกองฝุ่นที่กรุ่นร้อน ลมพัดผ่านพาไปไร้ตะกอน เสี้ยวเศษขอนของไต้ไม่เหลือเลย.. .อิอิ...ขอร่วมแจมหน่อยนะคะ.....
19 กรกฎาคม 2554 21:45 น. - comment id 1203997
สุดยอดจริงๆ...จินตนาการล้ำเลิศ ตามไม่ทันจริงๆครับ
19 กรกฎาคม 2554 22:29 น. - comment id 1204003
เรียน คุณSalukphin มิ่งมิตรกลอน พักผ่อนบ้างนะครับ เพิ่งถึงบ้านพักใหญ่ กราบขอบคุณที่ร่วมแจม ผมรักกลอนจริงๆ หวังว่าจะแฮปปี้เช่นเดียวกันนะครับ เน็ตต่อไม่ติด ใช้มือถือ กดตอบยิกๆ ช้าหน่อยนะคร้าบ อิอิอิอิ
19 กรกฎาคม 2554 22:38 น. - comment id 1204004
สวัสดีมิ่งมิตรคุณดวงจันทร์ครับ กระผมขอยกเครดิตนี้ต่อครูแก้วที่รักยิ่งในบ้านกลอนครับ คำพระที่ท่านว่าไว้ ท่านเองได้จำแนกให้เข้ากับกลอน จิตกลอนหนึ่งเดียวนั่นแล มิตรดวงจันทร์ ขอให้มีความสุข สลับยล ให้กำลังใจหมั่นเรียนไปด้วยกันนะครับ รักมิตรกลอนเพื่อนกันครับ
20 กรกฎาคม 2554 15:06 น. - comment id 1204027
............ ไพเราะมากจ้า ...............
20 กรกฎาคม 2554 17:16 น. - comment id 1204039
แบบคลาสสิกๆหน่อย
20 กรกฎาคม 2554 19:13 น. - comment id 1204042
มิ่งมิตรคุณdin มาเยี่ยม สวัสดีครับ เพิ่งถึงบ้าน ฝนตกลมไหว แทบจะดันบ้านหงายเงิบ เลยครับ ทานข้าวด้วยกันครับ เย็นนึ้กำลังนึก อะไรแซ่บๆอยู่จ้ะ
20 กรกฎาคม 2554 20:16 น. - comment id 1204045
ขอบคุณครับคุณยาแก้ปวด ผมว่าชอบงานเขียนพอๆ กับภาพยนตร์ ก็เพราะเหตุนี้แลขอรับ กระผมเพิ่งมาสนใจไฝ่รัก จริงๆจังๆ(โดยเฉพาะช่วงหลังเลิกงาน) ยังน้อยความรู้และประสบการณ์งานเขียน หากผิดพลาดประการใดช่วยชี้แนะ จะหมั่นฝึกฝนในทางที่ถูกที่ชอบ ไปเรื่อยๆครับ