อานุภาพวาบหวาม...แห่งความรัก
จ้อง - เจรียงคำ
แสงแดดฉาบอาบแผ่กระแสอุ่น
ส่องละมุนโลมไล้...คละใบคลี่
คราลมไหวใบเอี้ยวเขียวขจี
แสงสุรีย์ลัดลอดทอดถึงธาร
เสมือนเสี้ยวรอยสบ...แรกพบหน้า
ประกายตา รุกลอด สอดประสาน
และโลมเล้าเข้าคลึงทึ้งดวงมาน
ปล่อยจินตนาการให้ซ่านเซ็น
ลอยละล่องท่องปลิวโฉบทิวหญ้า
สกุณาร่อนเคียงเพียงแรกเห็น
ทะยานขึ้นชื่นชมสายลมเย็น
วาดใจเป็นปีกบินสุดจินตนา
แสงแดดอ่อนทอนแสงหรี่แรงลอด
ใจไม่จอดทอดแสงแรงปรารถนา
ครั้นใจปักรักแล้วแก้วกานดา
ฝังตรึงติดนิทราข้ามราตรี
เย็นเยียบลมพรมไล้ยอดไพรพฤกษ์
ขณะดึกพลิ้วโบกเหมือนโยกหนี
ต้องระดมลมรักสักกี่ที
ถึงแย้มคลี่ใจเธอให้เผลอรัก
จันทราฉายแสงผ่องส่องธารทิพย์
ไหวระยิบโยงเก็จแพรเพชรถัก
ทอสุดสายหมายนำเข้าพำนัก
ณ ตำหนักหัวใจ..ใครคนนั้น
อานุภาพวาบหวาม...แห่งความรัก
ไหลทะลักล้นในห้วงใฝ่ฝัน
เพียงเศษเสี้ยวเวลา..สบตากัน
ก็ป่วนใจไหวหวั่นข้ามวัน-คืน
หลังพบรักแนบชิดในนิทรา
ปรารถนาแวบแรก..แปลกเมื่อตื่น
อยากออกไปตรงที่มีเธอยืน
สบนัยน์ตาเริงรื่น...ชื่นหัวใจ
อานุภาพวาบหวามตามประชิด
เฝ้าแผลงฤทธิ์ฟาดฟันให้หวั่นไหว
หากแววนั้นวันก่อนซ่อนความนัย
ขอได้ไหมประสงค์ ..คิดตรงกัน
หากวันก่อนแววนั้นหวั่นและไหว
เหมือนกันไหม..ประสงค์..คือหลงรัก
~ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ~