...คิดน้อง "หนู" เมื่อปอ ๑ แม้ไม่ได้ซาบซึ้งถึงปอสอง ไปหลงรัก น้องแอน คนแสนงอน แต่พี่สาวเธอไม่อ่อน จึงถอนตัว พอปอ ๒ แอบชอบมอบใจ "นุช" ต้องแย่งยุทธ กับเพื่อนไปถ้วนทั่ว ทุกทีเห็นหัวใจไหวสั่นรัว แต่นุชมัว มีทั่วท่านจึงผ่านเลย ขึ้นปอ ๓ ถามใจว่าเข็ดไหม ใจก็ตอบหัวใจว่าเฉยเฉย จึงมอบรักให้ "แอน" คำแสนเชย ริอ่านกล้าเปิดเผยความรักไป แต่พี่สาวน้องแอนมาหมิ่นศักดิ์ กีดกันนักความรักเราหักได้ จึงเบนเบี่ยงเสี่ยงมาลัยสาว "สอง" ไป คนที่ย้ายมาใหม่จากในเมือง ปั่นรถถีบไปหาเธอที่หน้าบ้าน พ่อเธอปล่อยหมาระรานพานเกิดเรื่อง จะฝืนยื้อยุตไปก็เปล่าเปลือง เกรงผู้ใหญ่ขุ่นเคืองมีเรื่องราว แต่ปอ ๔ ยังมีใจให้น้องสอง จึงลอบมอง "สอง" สวย มิหมวยขาว ผิวเธอสีน้ำผึ้งสะอึ้งผ่าว คนสวยขาว หมองหมดไม่จรดมอง พอปอ ๕ น้อง "ตา" ช่างน่าสน ผ่านตาจนหลงสิเน่บุพเพต้อง กลับไปฝันถึงน้อง "ตา" นิตยาน้อง และหมายปองครองใจใส่กรงทอง ปอ ๖ แล้วไม่แคล้วต้องลาจาก น้องตามีทีท่ายากชักขุดข้อง ยิ่งโตก็ยิ่งขี้เหร่มิชวนมอง จึงแอบรับน้อง "ปอง" มาคล้องใจ พอเรียนจบครบแล้วซึ่งปอ ๖ ได้ไปพบสาวสด อดไม่ไหว วาเลนไล มอ ๑ จึงบึ้งไป บอกการ์ดนี้พี่ให้ นิด มิผิดตัว เป็นครั้งแรกที่ใจมันเต้นตื่น แต่ฝืนกลืนกลัดกินให้สิ้นทั่ว อายุเราสิบสามแล้วก็พอเนาว์นัว และหน้าตาก็ว่าชัวร์ ไม่น่าชัง ถึงจะมีความรักแรกแปลกไปมาก แต่ไม่อยากเรียนป่าดงเหมือนกรงขัง จำใจลาแล้วแก้วตาถ้าจะฟัง จงกลบฝัง รู้สึกดีที่มีมา พอเริมเรียนมอ ๑ ถึงเมืองใหญ่ มองคนงามอยู่ที่ใดมิถามหา เห็นกันจนวุ่นวายละลายตา แต่คิดว่าจะหา ไว้สักคน เด็กบ้านนอกมาอยู่เมืองเรื่องที่เศร้า คือความเหงาที่เร้าอารมณ์หม่น เรียนพิเศษวันแรกก็แปลกยล ได้พบคนนามน่าชิด "อริสา" เขียนกลอนอ้อนอ่อนหวานทุกวานวัน ส่งสื่อกันในวันที่พบหน้า ตนเรานั้นมาเรียนกวดวิชา และได้ผลเข้าท่าและเข้าที เรียนมอ ๑ ที่ใหม่ใจบรรเจิด สาวแบ่งใจให้เปิดประตูที่ ไม่คิดหมายว่าจักได้ครึ่งใจมี เธอมอบจี้ครึ่งใจให้ วาเลนไท เก็บเอาจี้หัวใจไว้คนละครึ่ง อยู่มอ ๑ มีแฟนมาดแมนไหม เธอดาวเด่นของชั้นปีรุ่นพี่ไคล้ ไม่ทันข้ามเทรมสองไป ขอใจคืน หยิ่งโว้ย โหลยโท้ยและโลเล เชิญไปหาคนเท่อย่าได้ฝืน แต่อย่ากลับมาจะซ้ำให้ล้มครืน เจอหน้ากันก็เป็นอื่นไม่อยากมอง ไม่ได้เธอเพื่อนเธอก็พอไหว "ดวงกมล" คนใกล้ไม่เป็นสอง ได้แต่ทอดสะพานตาให้ท้าลอง และเราก็จดจ้องมองไปมา เมื่อจะจีบเพื่อนแฟนเก่าเราลำบาก มอ ๒ จึงเปลี่ยนฟากให้หลากกว่า คนชื่อ "ตาล" หวานสนิท นาม นิตยา นับแต่เริ่มเอ่ยมา มีสามคน เป็นลูกสาวไฮโซในจังหวัด จะรวบรัดเกรงว่าโกลาหล จึงให้ไปตัดสินใจในบัดดล จะรักคนที่รูปลักษณ์หรือทรัพย์มี เราไม่มีอะไรให้เขาปลื้ม แค่ยิ้มยืมถ้อยคำกวีศรี ว่ารักพี่คือความปรารถนาดี ถ้าไม่อยากปรารถนานี้ พี่ขอยอม คบกันได้เกือบปีมีอันเปลี่ยน เราตามเรียนรู้ทุกอย่างจนผ่ายผอม ข้าวแกงธรรมดาก็มิเคยประนีประนอม เราจึงยอมอกหัก รักมากมาย พอไปถึงมัธยมปีที่สี่ อริสาคนที่แบ่งใจให้ ในมอหนึ่ง มาร่วมชั้นชักบรรลัย เพราะหัวใจ ไหวหวั่นทุกครั้งมอง แต่กำเนิดเป็นชายชาติไม่เสียสัจ จะจำใจก็จะตัดไม่ขัดข้อง เลยตั้งใจหารักแท้ที่ควรครอง ก็มาต้องชะตากัน "จุวัณณีย์" คนนี้เป็นคนใหม่ตอนมอ ๔ จากถิ่นที่ห่างไกลพร้อมเพื่อนพี่ เจอหน้ากันวันแรกแจกไมตรี รอยยิ้มพลีมอบให้จากใจจริง แล้วก็เริ่มกระบวนหน้าด้านเข้า ทุกเช้าไปยืนเฝ้าดังผีสีง คือให้ความคุ้นเคยเป็นฐานอิง และใกล้ชิดติดจริงเป็นสิ่งตาม ไม่นานก็ก่อเริ่มความผูกพันธ์ แกล้งหายไปหลายวันเพื่อสอบถาม ว่าที่ทำมานี้มีผลตาม ที่ตั้งจิต คิดนิยาม ความว่าไร แล้วเราก็ได้ผลดังใจคิด เราคบคิดอย่างแฟนแนบแน่นได้ ตั้งแต่นั้น วันมอ ๔ ถึงปีปลาย และสืบสายไปจนมหาลัย พอเรียนจบพบใครใจไม่ตอบ เพราะคนที่คิดมอบมีความหมาย คิดหวังถึงคู้ชีวิตมิผิดราย แต่สวรรค์ตลกร้าย ไม่ได้ครอง แต่อย่างไร ๙ ปีก็ดีมาก และคู่ใดไหนอยากจะทุกข์หมอง รักต้องเกิดจากรัก จึงตรึงตรอง เวลาหมดก็ต้องปล่อยกันไป วันเลิก "ระวี" ที่ฉันรัก ก็ลองมีความรักหลายครั้งใหม่ เริ่มจากน้องชื่อ ติ้ง น้อง "บอล" ใบ และน้อง ซัง น้อง ไปร้ น้องใบบัว จนมาเจอน้องเอ๋ เล่ห์ตลก ไม่เคยคิดสั่นสะทกในใจทั่ว ความงามฉายผ่านความดีที่ในตัว หลงมอบรักให้หมดหัวใจที่มี ฝ่านมาได้เจ็ดปีชี้ได้ชัด ไม่เคยทำเรื่องสื่อมสัจวิบัติศรี ให้เกียรติคนที่หมายจะกลายมี เป็นว่าที่แม่ของลูกถูกครรลอง จึงยึดถือประเพณีเป็นศรีศักดิ์ มิให้รักเป็นสิ่งที่ต้องลองของ เป้าหมายมิได้อยู่ที่เนื้อกายครอง แต่อยู่ที่ครรลองจารีตงาม วันนี้ไปงานแต่งวันแห่งรัก ฉันถามทักตัวเองไยหักห้าม ไม่คิดถึงซึ่งวันที่อาจงาม จะปล่อยตามความเสรีเข้าทีหรือ จึงเขียนย้อนมาเล่าประวัติศาสตร์ มาบอกให้นุชนาถของพี่รู้ ว่าไม่นานเกินรอหนพธู ขันหมากจะไปสู่ขอสมหน้าตา พระจันทร์ ๑๓ มิถุนาย์ ๕๔ / แทนคุณแทนไท
15 มิถุนายน 2554 09:40 น. - comment id 1199112
เข้ามาอ่านดู ป๊าดธ่อ..... เซ็งเลย ไม่มีชื่อคนรู้จักอยู่ในนี้ซ๊ากกกคน
15 มิถุนายน 2554 09:42 น. - comment id 1199114
พระจันทร์ ๑๓ มิถุนาย์ ๕๔ / ทนคุณไท ^ ^ ^ ใครเนี่ย ...อิอิ คนเราเวลาอายุมากขึ้นมักรำลึกถึงความหลังเช่นนี้แล
15 มิถุนายน 2554 09:43 น. - comment id 1199115
เอี๊ยดดดดดด..............เบรคหัวทิ่มเลย พี่มัสลิงขา ไปไงมาไงคะพี่......ฮา ถึงว่าฝนเหงหลังพี่ไหวๆ...
15 มิถุนายน 2554 10:01 น. - comment id 1199120
ฝนจ๋า.....พี่มัสลินเข้ามาอ่านงานเขียน เห็นแทนไทเขียนกลอน ตั้งใจอ่าน มาก นึกว่าจะมีชื่อคนรู้จักบ้าง.....อิอิ.... ที่ไหนได้....ฮ่าฮ่า.....ดำน้ำไปโน่นแระ..... วัยเด็กถึงวัยชรา จะมีสาวๆถึงร้อยมั๊ย ที่นับมาเนี่ยก็หลายคนแล้วนะ ตั้งใจหน่อยน้องรัก ตั้งใจ เน้น เน้น เลย อายุเหลือไม่เท่าเดิมแล้วนะ.....เข้าวัดดีกว่า จริงมั๊ยหนูฝน ฮ่า ฮ่า
15 มิถุนายน 2554 10:32 น. - comment id 1199127
ขอบทั้งสองท่านที่มีน้ำใจ มาเยี่ยม มาซ้ำ มาเติม สุดทำให้เธอลืมเงา "คนเก่า" ได้ สุดสร้างนัยน์เธอฉายประกายฝัน ฉันไร้ความสามารถจนจะดลมัน ถ้ารักฉันไม่ลงก็จงชัง ! "อย่า" : - สินี เต็มสงสัย
15 มิถุนายน 2554 11:03 น. - comment id 1199132
สาวๆ มากมายเกินจะนับเลย...
15 มิถุนายน 2554 12:51 น. - comment id 1199143
ข้าแต่ศาลที่เคารพ ขอค้านๆๆ ปอ 1 จารุณี ปอ 2 อรอนงค์ ปอ 3 ปานวาด ปอ 4 ลืม555 ปอ 5 เจี๊ยบ ปอ 6 คชาพร มอ 1 นิตยา มอ 1 อลิสา (ควง 2อิอิ) มอ 2 ดวงกมล มอ 3 นิตยา (ถ่านไฟเก่า) ตามรายงานประวัติเลิฟส่วนบุคคลแปอ1-มอ3จ้งไว้เช่นนี้น๊า
15 มิถุนายน 2554 22:19 น. - comment id 1199239
ย้อนความหลังคงไม่ไหว แค่ในบ้านกลอนนี่ก็มากโขที่ไปชีกอเขา ทีนี้เขาก็รู้ ๆ เห็น ๆ อยู่ก็เลยไม่มีใครเชื่อน้ำมนต์สักคน เอาเถอะ ความพยายามอยู่ที่ไหน ต้องพบความสำเร็จสักครั้งหรอกน่า ยากนักหนาตอนที่โผล่เข้าไปเขาก็บอกว่า นั่นแน่ มาอีกแระ ๆ เชื่อเขาเลยรายนี้
16 มิถุนายน 2554 09:02 น. - comment id 1199312
บัญชีรายชื่อเยอะจัง อิอิ สวัสดียามเช้าค่ะ
16 มิถุนายน 2554 09:04 น. - comment id 1199314
คุณมณีจันทร์ ดีใจทีแวะมาครับ หวังว่าจะสบายดีครับ เป็นไปตามอัตราส่วนประชากรครับ "ผมแม้ไร้น้ำยา ใช่ว่าไร้หวใจ ได้ชอบ ปลื้ม และรักมาแล้ว ผมว่าเป็นความใจดีของวาสนาครับ" คนที่กล่าวถึงทั้งหมด ในชีวิตจริงคือเพื่อนกันหมดแล้ว เหลือไว้แค่คนสุดท้ายครับ
16 มิถุนายน 2554 09:07 น. - comment id 1199316
คุณฤกษ์ บ่นอะไรครับ พิจารณาใจและอย่าใส่ใจปากคนให้มากนัก อย่าขมขื่นใจเอาใจช่วยครับ สักวันๆ
16 มิถุนายน 2554 09:10 น. - comment id 1199318
ผู้หญิงไร้เงา "ความทรงจำครับ" ใครผู้ว่าผู้ชายลืมง่ายเนอะ
16 มิถุนายน 2554 10:34 น. - comment id 1199334
......... ปาร์ตี้ ลิสต์ เยอะจังเลยคุณแทนฯ ขอให้มีความสุขจ้า .............
16 มิถุนายน 2554 12:05 น. - comment id 1199343
สงสัยจะแก่จริงนะเนี่ย หุหุ
17 มิถุนายน 2554 10:08 น. - comment id 1199434
เล่าลงลึกในละเอียดสักสามเดือนยังไม่น่าจะหมดนะนั่น อิอิ
17 มิถุนายน 2554 12:39 น. - comment id 1199479
ความจำดีจังค่ะ
17 มิถุนายน 2554 19:32 น. - comment id 1199576
สวัสดีเจ้า คุณแทนคุณแทนไท : อยากได้ยางลบจ้า ^o^ อดีตมีมากมาย เรื่องดีร้ายให้จดจำ ถูกใครเขากระทำ ให้เจ็บชำจำฝังใจ อยู่ไหนนะยางลบ มาช่วยกลบล้างหทัย เรื่องทุกข์สุมทรวงใน ลบทิ้งไปให้สักที เหลือไว้เพียงความสุข ความสนุกที่เคยมี อีกทั้งคุณความดี เพื่อนฝูงที่เคยให้กัน ใครหนอมียางลบ อยากจะพบสักหนึ่งวัน จะรอขอแบ่งปัน สักครึ่งอันก็ยังดี หิ่งห้อยจะขอบคุณ ที่การุณในครั้งนี้ ขอพรให้โชคดี สุขทวีนิรันดร มีความสุขสม่ำเสมอเจ้า
18 มิถุนายน 2554 10:31 น. - comment id 1199636
คุณยาแก้ปวด เล่นน้องจารุณีเลยเหรอ นั่นหนะดาราเลยนะ คิดไปได้
18 มิถุนายน 2554 10:33 น. - comment id 1199637
คุณดิน เรียงลำดับตามวัยครับ ไม่ใช่ตามความสำคัญ อารมณ์แบบเด็กๆ
18 มิถุนายน 2554 10:34 น. - comment id 1199638
ยืนยันว่าใช่ครับคุณวุ้นเส้น แต่เรียกพี่ก็ได้ครับ 555 อย่าเรียกน้าเรียกลุงเลย
18 มิถุนายน 2554 10:35 น. - comment id 1199639
คุณเพียงพลิ้ว จำไว้แต่ความรู้สึกสวยๆครับ ลงลึกเดี๋ยวไม่ฮาม....
18 มิถุนายน 2554 10:36 น. - comment id 1199640
คุณก้าว...ที่กล้า ช่างจำครับ สุดแท้แต่ว่าอยากจำหรือไม่ด้วยนา
18 มิถุนายน 2554 10:37 น. - comment id 1199641
คุณหนูหิ่ง จะลบไปทำไม อะไรที่ไม่ใช่ก็ปล่อยไว้งั้นหละ ไม่นานก็เลือนไปเอง... เคยเห็นจดหมายป่าวครับ พอนานๆไป กระดาษเก่า หมึกก็จาง และค่อยๆหายไป "บางสิ่งเรารู้ว่ามี แต่ไม่คิดถึงมันก็ได้"
22 มิถุนายน 2554 22:14 น. - comment id 1200469
ถ้าอายุร้อยปีจะมีกี่คนเนี้ยะ
25 มิถุนายน 2554 17:57 น. - comment id 1200717
ขณะหนึ่ง ขณะนี้ ๑๗.๑๙ นาฬิกา ด้วยความเคารพ และขออภัยที่ผมใช้ข้อความจารจดความรู้สึกผ่านตัวอักษร แทนที่จะทายทักผ่านโทรศัพท์ อาจารย์ครับ อาจารย์คือพ่อผู้ให้ชีวิตการศึกษาแก่ผม นับแต่อายุสิบแปดปีที่ไม่ได้พบอาจารย์อีก ผมใช้ชีวิตและพยามเตือนสติตัวตามแบบอย่างที่อาจารย์เคยสะกิดไว้เสมอ "จงพิจารณาสิ่งที่ทำ อย่างยุติธรรม ถ้าได้ยุติธรรมแล้ว จงภูมิใจในสื่งที่จะทำ" บัดนี้ ล่วงเวลามาจะยี่สิบปีแล้ว ทุกครั้งที่พบผ่านความรู้สึกขัดแย้ง ถดถอย และกำลังจะสิโรราบ ผมได้ถ้อยคำอาจารย์ ปลุกให้หลุกขึ้นเสมอ อาจารย์ครับ วันก่อนผมโทรไปหาอาจารย์ด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้ยินเสียงในรอบยี่สิบปี แต่พลาดหวังครับ เพราะอาจารย์แม่รับสาย และอธิบายว่าอาจารย์มาทำกิจกิจกรรมเยาวชนอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ขณะฟังครั้งแรก ผมดีใจยิ่งนักที่อาจารย์มาอยู่ใกล้ผมเช่นนี้ คิดจะได้ไปกราบเท้าและบอกเล่าวันเวลาที่ผ่าน และไถ่ถามสารทุกข์ให้หายระลึกถึง แต่แล้ว ความผิดหวังก็มาสวัสดีโดยไว เพราะอาจารย์แม่แจ้งให้ทราบว่า อาจารย์ไม่ใช้มือถือครับ อีกทั้งจะติดต่ออาจารย์ได้ก็ต่อเมื่ออาจารย์ติดต่อมาเท่านั้น อาจารย์ครับ สุขภาพอาจารย์เป็นยังไงบ้าง ผมอยากให้อาจารย์แข็งแรง และอยู่เป็นแรงบันดาลใจดีดีให้คนรุ่นหลังนานๆ ผมเป็นศิษย์ที่ใช้ไม่ได้จริงๆ นอกจากขาดการติดต่ออาจารย์แล้ว ยังไม่ได้ปรนนิบัติรับใช้ตามสมควรที่บุคคลผู้เป็นศิษย์ควรทำ นับแต่วันที่ผมจากอาจารย์มา จนถึงวันนี้ ประมาณกาลแล้วอาจารย์คงอายุแปดสิบแล้ว อาจารย์ครับ ผมพบข่าวสารของอาจารย์ ว่าชายอายุแปดสิบ ยังเป็นผู้มีแรงช่วยเหลือสังคมอยู่เป็นอาจินต์ ผมแอบภูมิใจที่ชาตินี้ได้เกิดเป็นศิษย์อาจารย์ครับ ชีวิตผม จากเด็กวัด เด็กชายขอบ ได้เข้ามาศึกษาเล่าเรียน มีความรู้ประดับสมอง มีสังคมที่กว้างกว่า มีทัศนะที่ถ้วนทั่ว และปัจจุบันมีการงานที่วิถีชีวิตที่ภาคภูมิ ทั้งหมดนี้ผมกราบอาจารย์แทบเท้าครับ สำหรับโอกาสทั้งมวลในส่วนที่ทำให้ผมมีให้ผมเป็น นอกจากบิดารมารดาผู้ให้กำเนิดแล้ว ผมมีอาจารย์เป็นพระในใจผมเสมอในจิตระลึกถึง อาจารย์ครับ อาจารย์จำได้ไม๊ครับ วันหนึ่งที่ชายขอบของจังหวัด ชายคนหนึ่งรถมอเตอร์ไซเสียอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง นั่นหละครับวาสนาดีที่บุญคุณจากฟากฟ้าที่ทำให้พบได้พบอาจารย์ผู้มีจิตโอบเอื้อ ผมจำได้ครับวันนั้น อาจารย์แวะด่ำน้ำที่บ้านผม ตอนนั้นผมคงจะสิบขวบแล้วกระมัง อาจารย์พาเด็กนักเรียนประจำจังหวัดมาเข้าค่ายบริเวณหน้าทะเลบ้านผม แล้วรถมาเสียอยู่ตรงที่ได้พบอาจารย์พอดี ผมจำได้ อาจารย์มองไก่แจ้ที่ผมเลี้ยงไว้ด้วยความชื่นชม และอาจารย์เล่าว่า ที่บ้านในเมือง อาจารย์ปลูกไม้หลากพันธ์ ทั้งไม้ยืนต้น ไม้ดอก ไม้ผล อีกทั้งชอบไก่แจ้มาก ชอบเวลาเห็นไก่เขี่ยใบไม้ตามโคนต้นมังคุด อาจารย์ว่า นั่นคือความสบายใจที่ได้อยู่กับธรรมชาติเช่นนั้น วันนั้น ผมมองอาจารย์ และนึกอบอุ่นในรู้สึกนึกคิดและคำพูดอีกหลายอย่างที่อาจารย์ถามไถ่ ผมได้แต่เล่าให้อาจารย์ฟังว่า อีกไม่นานผมจะจบ ป ๖ แล้ว และที่นี่ผมโม้ไปว่าผมเรียนเก่งที่สุดในตำบล โม้จนแม้ปรามว่า พูดยกตัวเองมากเกินไป แต่ยังไงหละครับ คนสอบได้ที่หนึ่งก็ต้องเก่งที่สุดในตำบลซินะ ผมได้เถียงค้านแบบเด็กๆในใจ ก่อนอาจารย์กลับ ผมบอกอาจารย์ว่า ไก่แจ้ผมมีหลายตัว ผมจะให้อาจารย์ไปตัวนึงนะครับ แล้วผมก็โปรยข้าวแปลกเอ่าซุ่มจับให้อาจารย์ได้ตัวนึง ผมจำได้ครับอาจารย์ ไก่แจ้หนุ่มตัวนั้น สร้อยขนสวยมากๆ แถมเดือยก็กำลังยาวพอดี สีน้ำเงินแดง หางจะเป็นดำเหลือบน้ำเงิน ผมจับได้ ยังนึกเสียดายเลย ว่าตัวนี้สวยจริงน่าจะให้ตัวอื่น แต่ไม่รู้เป็นไงผมไม่ยักเปลี่ยนใจ มอบให้อาจารย์ไปโดยแค่นึกเสียดายเหมือนเด็กหวงของเล่นนิดๆก็เพียงนั้น อาจารย์ครับ ก่อนกลับผมถามอาจารย์ว่า "อาจารย์ครับ พวกพี่ที่มาเข้าค่ายมาจากโรงเรียนอะไรครับ" "เบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช" คือคำตอบที่อาจารย์บอกผม แล้วบอกผมว่าถ้าไปในเมืองก็แวะไปหาได้นะ อาจารย์ครับ ผมยอมรับครับว่านั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้ยินชื่อโรงเรียนที่ไพเราะเช่นนี้ และเป็นโรงเรียนที่ผมใช้ตอบคำถามครูว่าจบปอหกแล้วจะเรียนที่ไหน ครูประถมผมยังเอ่ยเลยว่าน่าลองนะ แต่อย่าหวังมาก เพราะสอบเข้ายาก ซึ่งผมยังนึกสงสัยเลยว่าทำไมต้องสอบ ผมสอบปอหกได้ที่หนึ่ง ก็น่าจะขึ้นมอหนึ่งได้เลยซินะ ทำไมไม่เหมือนสอบปอห้าได้ขึ้นปอหก ผมนี่มันเพี้ยนจริงๆครับอาจารย์