เพ็ญพโยมโลมดินสิ้นศรีศักดิ์ เสมือนภักดิ์ผ่อนบำเรอละเมอถึง บูรพานั่น...จันทร์หงายคล้ายรำพึง สาดแสงถึงแดนประจิมพริ้มสายตา คลื่นลมแรงปะทะผิวสยิวนัก สุดจะหักใจหลงปลงสเน่หา หนึ่งสาวงามข้ามเขตรักปักมนตรา ทอดสายตาเป็นสะพานสานไมตรี โอ้ฝั่งของไม่เป็นรองผองมนต์เสน่ห์ ซ้อนสนเท่ห์ในเล่ห์รักลุ่มสักขี ริมท่าน้ำ ณ ยามดึกนึกเปลี่ยวฤดี เพียงสายนทีกับสองเราเคล้ากายา จวบราตรีพี่สะท้านกาลอุษาสาง เห็นแสงจางส่องนทีพี่หลงผวา แอบสะอื้นกลืนระทมข่มน้ำตา ต้องร้างลาน้องคนงามยามรุ่งอรุณ โขงพยาน..สานใจไม่สิ้นสูญ ศรีโคตรบูรณ์หน่อเนื้อคอยเกื้อหนุน ให้รักงามท่ามอุษาคเนย์เห่การุณ อ่อนละมุลแม้จำพรากจากแสนไกล .แบบว่า....ยิ่งกว่าจินตนาการอีก...อิอิ
9 มิถุนายน 2553 17:37 น. - comment id 1134553
9 มิถุนายน 2553 18:31 น. - comment id 1134573
เอ้าๆๆ กลับมาก่อน จินตนาไปถึงไหนแระท่านขันที
9 มิถุนายน 2553 21:56 น. - comment id 1134626
หวัดดีขอรับ ท่าน จอมปราชญ์ แหมะ ... น่าร้องเป็นเพลง นะเนี่ยะ... ไพเราะยิ่ง ....ท่าน แบบว่า...อิอิ
9 มิถุนายน 2553 22:07 น. - comment id 1134630
อยากไปเที่ยวลาว หลังจากดูสบายดีหลวงพระบาง และมาอ่านกลอนนี้ยิ่งอยากไป
9 มิถุนายน 2553 23:53 น. - comment id 1134662
ไพเราะมากๆเลยค่ะ บรรยายให้เห็นภาพได้ดีทีเดียว อ่านแล้วอินตามไปกับเนื้อเรื่อง ชอบและซึ้งใจมากค่ะ
10 มิถุนายน 2553 08:52 น. - comment id 1134751
งดงามมากครับ..ชอบครับ
10 มิถุนายน 2553 11:03 น. - comment id 1134873
ใครน้าว่าจะพาคุณพี่ไปเที่ยวเมืองลาว อิอิ
11 มิถุนายน 2553 05:58 น. - comment id 1135434
ฝั่งโขงเมื่อยามค่ำแลงฟ้าส่งสีแดงค่ำรอน ๆ เสียงแคนผู้ใดเว้าวอนอ้อนคำฮักเหมือนอ้ายเรียกเอิ้น ชอบมากเลยกลอนนี้ เคยไปดูไหลเรือไฟครั้งนึงด้วยนะ