ชีวิตนี้ใครเล่าเป็นผู้ลิขิต ยากจะคิดจะแก้ข้อสงสัย คนข้างบนหรือเราเขาหรือใคร ที่ทำให้ชีวิตผิดแปลกกัน ไม่สมหวังในรักก็หนักจิตร คล้ำควรคิดผู้ลิขิตบนฟ้านั่น ทำไมหนอต้องเป็นเราเพียงเท่านั้น เหตุใดกันเธอและฉันยากเข้าใจ บ้างก็อ้างโชคชะตาฟ้าลิขิต แต่ไม่คิดย้อนดูเพราะไฉน บ้างก็อ้างที่เป็นอยู่นี่เพราะใคร ถ้าไม่ใช่พรมลิขิตชีวิตตน หากมัวคิดเช่นนี้ไยดีเล่า หากมัวเอาพรมลิขิตสถิตไว้ ต้องตัดสินชีวิตด้วยจิตใจ จิตของใครถ้าไม่ใช่จิตของเรา อยากจะทำสิ่งใดไยรออยู่ อยากจะคู่กับใครไยรอเล่า อยากจะเป็นอะไรใจของเรา เพียงอย่าเอาพรมลิขิตสถิตน
28 มีนาคม 2552 23:28 น. - comment id 968048
29 มีนาคม 2552 07:23 น. - comment id 968086
คิดว่าทั้งพรหมลิขิตและตัวเราเองมีส่วนทั้งสองอย่างนะคะ พรหมลิขิตทำให้เราได้พบกัน แต่ตัวเรานั้นจะรักษาความสัมพันธ์ได้นานแค่ไหน เรากำหนดเองและเลือกเอง
29 มีนาคม 2552 12:36 น. - comment id 968227
...เฝ้ามองความเป็นไปในชีวิต ตามที่สิทธิ์ของหัวใจให้เรียงร้อย เก็บความรักภักดิ์จิตประดิดประดอย สองมือสอยสรวงสวรรค์ผันชะตา...
30 มีนาคม 2552 12:28 น. - comment id 968635
คนทุกคนเกิดมามีเวรกรรมติดตัวมาทุกคน เราไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำอะไรไว้บ้างใน ชาติก่อน หรือแม้แต่ชาตินี้เราก็อาจจะลืมไป บ้างว่าเคยทำกรรมกับใครไว้บ้าง เพราะไม่ ได้ใส่ใจ ไม่ได้คิดทีจะจดจำเอาไว้ แต่บาง คนก็ไม่ลืมว่าตัวเองทำอะไรกับใครไว้บ้าง แต่อะไรก็ตามที่ทำไปแล้ว เราก็ไม่สามารถ ย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อีก จึงต้องปล่อย ให้เวรกรรมที่เราทำไว้เหล่านั้นสะสมไว้ บางคนอาจจะคิดว่าทำบุญสามารถลมล้างได้ แต่ความเป็นจริงแล้วบุญกับบาปมันหักล้าง กันไม่ได้ เพราะเป็นคนละส่วนกัน แต่เรา สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ด้วยการ สวดมนต์ภาวนา แผ่เมตตาจิตให้กับสัพสัตว์ และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง อย่างน้อยเราก็จะสะบายใจ และได้บุญ