ณ.ขอบซ้าย.ปลายฝน.หลังหม่นไม้ ผีเสื้อใหญ่.วัยโรยรา.มากล่าวขาน จากเรื่องเล่า.เคล้าเหตุผล.ก่นตำนาน แห่งเมืองม่าน.ด่านฝัน...สวรรค์..ไกล.. ว่า..มีเมือง.เรืองนาม.อร่ามรุ่ง กว่าเถื่อนทุ่ง.ทิวเถาว์.ลำเนาไม้ อีกแสงสี.ที่กระจ่าง.พร่างอำไพ ดั่งเทพ.ไท้.เสพสถาน.พิมานแมน ดุจสวรรค์.สรรค์สาน.วิมานนั่น ให้สิ่งอัน.พรรณดื่น.นับหมื่นแสน ระยิบยับ.พรับพราย.คล้ายดาวแดน ทั่วทุกแคว้น.จากแดนทุ่ง.ล้วนมุ่งไป.. เมื่อคำเล่า.เข้าสิ่งอ้าง.ทางสวรรค์ ดั่งเปิดฝัน.ปั่นแสงเงา.เจ้าหม่อนไหม จึงคิดพราก.จากดิบดิน.ถิ่นพฤกษ์ไพร สู่เมืองใหญ่.ด้วยใจหมาย.ตะกาย.ดาว ครั้นเติบกล้า.ท้าทาย.สยายปีก รู้เลี่ยงหลีก.หลบหล่ม.ล้อลมหนาว จึงโผผิน.บินจากขอน.ก่อนฟ้าพราว สู่เรื่องราว.เขาเล่าอ้าง.ในทางจร ผ่านคืนวัน.ฝันยังสวย.ด้วยใจมุ่ง หวังเรืองรุ่ง.มุ่งเมืองใหม่.ไกล.สิงขร อีกไม่นาน.หากพ้นผ่าน.ด่านดงดอน คงข้ามขอน.เข้าเขตเมือง.รุ่งเรืองตา. ครั้นยามบ่าย.ถึงชายขอบ.รอบเมืองนั่น ด้วยปีกฝัน...พลัน.เร่งร่าง..กาง.ถลา จึง.รีบรุด.สู่จุดว่าง.กลาง.นครา ดั่งเขาว่า.อร่ามเรือง.เหลืองอำไพ เพราะไม่คุ้น.เลยหมุนคว้าง.กลางถนน เกิดสับสน.บนปีกบาง..เส้นทางไหน ทุกสิ่งเห็น.ล้วนห่าง.ต่างดิบไพร เหลียวมองใบ.ดอกไม้บาง.ก็พรางตา จึงเลี่ยงหลบ.พบมุมว่าง.ขอบทางเท้า หวังพักเงา.ให้กายร่าง..สร่าง.องศา ที่.รุ่ม.ร้อน.พอผ่อนคลาย.ปลายเวลา ก่อนขอบฟ้า.ละ.ตะวัน.หันหาดาว .......... หลังเหตุร้าย.กรายกล้ำ.ขย้ำยอก เมื่อมวลหมอก.บอกเหตุผล.ให้ลมหนาว ผีเสื้อน้อย..เจ้าย่อยยับ.กับ.เรื่องราว ณ.ทางเท้า..ที่ก้าวย่าง..หว่าง.ผู้คน อนิจจา..เจ้าปีกบาง..ร่างแหลกเหลว ใต้ปลายเปลว.ส่องสว่าง.ข้างถนน ใช่ดงดิน..ถิ่นพฤกษ์ไพร.ในแดนตน ด้วยเหตุผล..บนฝันกว้าง.เกินทาง..ธาร.. ....... ณ.ขอบขวา.ห่าฝน.หลังหม่นไม้ ผีเสื้อใหญ่.วัยโรยรา.มากล่าวขาน จบเรื่องเล่า.เคล้าเหตุผล.ก่นตำนาน แห่งเมืองม่าน.ด่านฝัน...สวรรค์ไกล ...........................................................
28 มกราคม 2551 12:16 น. - comment id 816202
สวัสดีค่ะคุณปางสีฝุ่น อ่านเรื่องผีเสื้อนี้แล้ว นึกถึงกลอนเก่าเรื่องนึง ที่ ป เขียนไว้น่ะค่ะ concept เรื่องคล้ายๆ กัน แต่ ป เขียนไม่ได้ความเท่าไร ..อิอิ..แต่ ไหนๆ แล้วก็เลยเอามาลงแลกอ่านด้วยค่ะ ยาวน้ำท่วมทุ่งไปหน่อยนะคะ .....แมงเม่า..... อันตำนานขานกล่าวเล่าเอาไว้ เรื่องแมงเม่ากับไฟใคร่กล่าวถึง ให้แง่คิดใคร่ครวญหวนคำนึง เพราะลึกซึ้งเกี่ยวข้องกับผองเรา จากตัวเล็กเจ้าเติบใหญ่จนได้ที่ ปีกก็มีบินได้ไม่อายเขา อยากเห็นโลกสดใสไม่ซบเซา จะมัวเศร้าไปใยใคร่โผบิน จึงกางปีกกระพือขึ้นสู่ฟ้ากว้าง มองเส้นทางอย่างท้าทายใคร่ถวิล ทั้งสีแสงแรงกล้าน่ายลยิน จักโบยบินไปถิ่นไกลดั่งใจปอง เพราะยังอ่อนต่อโลกวิโยคจิต เจ้าไม่คิดอันตรายภัยทั้งผอง เพราะแสงไฟที่เห็นว่าน่าลิ้มลอง มันร่ำร้องเรียกเจ้าเข้าบีฑา เมื่อเจ้าผกโผผินบินเข้าเล่น ก็ไม่เว้นจะแผดเผาเจ้าหรอกนา ปีกจะไหม้ไฟจะรมขมอุรา สิ้นชีวาเพราะร้อนนั้นไม่บรรเทา คำโบราณก็สอนไว้ให้ตระหนัก อย่าหาญหักไฟฟ้อนอาจย้อนเผา ไม่รู้ความจะลามไหม้เพราะวัยเยาว์ ต้องนั่งเศร้าเสียใจไปอีกนาน หากอ่อนหัดต้องเรียนรู้ให้กล้าแกร่ง จะเพิ่มแรงแฝงพลังแห่งสังขาร มองสิ่งใดด้วยใจมั่นทันเหตุการณ์ เมื่อพบพานก็ผ่านพ้นให้คนลือ จึงจะนับว่าเจ้านั้นเข้าขั้น ต่างโจษจันกันไปใจนับถือ จะรู้โลกต้องขยันหมั่นฝึกปรือ อย่าไขสือเกียจคร้านเรื่องการเรียน แล้ววันหนึ่งถึงคราวเจ้าสามารถ ดูเก่งกาจอาจผยองครองบังเหียน แม้นไฟฟอนร้อนเฉียดมาเบียดเบียน เจ้าก็เปลี่ยนปรับได้ดั่งใจเอย.
28 มกราคม 2551 14:15 น. - comment id 816244
น่าเศร้าดีแท้
28 มกราคม 2551 14:22 น. - comment id 816253
.. ..พูดได้คำเดียวว่า เยี่ยมยอด ..แมงเม่า.. ให้แง่คิด ดีมากเลย ไว้เขียนให้อ่านอีกนะ ป. ชื่นชม ครับ ชื่นชม จากใจ เจ้าฝุ่น
28 มกราคม 2551 14:34 น. - comment id 816262
... โอ้...โอเลี้ยง..เจ้ามีมี่.. น้องสาวเรา ก็เล่นใส่กลบท ซะ ตั้งรับไม่ทัน เลยเก็บพับ เคล็ดลับวิชา กลบท พญานาค ทั้งหลายแหล่ เข้าลิ้นชักก่อนนะซี เจ้าตัวป่วน เอ๊ย!! เอ้า..ขยันๆๆ เข้าไว้ น้องเอ๊ย!! ว่าแต่ว่า...ช่วงนี้ พี่ฝุ่น สนิมจับ ว่ะ..เจ้ามีมี่...
28 มกราคม 2551 14:38 น. - comment id 816265
.. สวัสดี..พิมญดา ผีเสื้อตัวนี้ โผบินผิดที่ผิดทางไปหน่อย เลย...เอวัง หนะ อย่าได้โศกา หรือ อาดูร ไปเลยนะ...
28 มกราคม 2551 14:41 น. - comment id 816267
มาชมตำนานผีเสื้อค่ะ
28 มกราคม 2551 17:59 น. - comment id 816363
สวัสดี เฌอมาลย์ ขอบคุณนะที่แวะมาทักทายกัน หวังว่า สบายดีนะ ครับผม
28 มกราคม 2551 18:02 น. - comment id 816365
ฮือๆๆ สงสารผีเสื้อค่ะ เข้าใจหาคำมาแต่งนะคะ
28 มกราคม 2551 19:09 น. - comment id 816389
สวัสดี ช่ออักษราลี เดินซื้อของ มองเห็น ผีเสื้อตัวหนึ่ง ริมฟุตบาท ก็เลย ลองเขียนดู ครับ รออ่านกลอน ท่านอยู่นะครับ
28 มกราคม 2551 22:29 น. - comment id 816451
ท่านน้อง ปางฯ นี่ขนาดสนิมจับ นะน้องท่าน ยังไพเราะขนาดนี้ สงสัยต้องร่ำสุราล้างสนิมกันสักหน่อยแล้ว..... เมื่อไรจะคลอดกลอนรักหวานซึ้งบ้างละน้องท่าน อยากอ่านอะ........
29 มกราคม 2551 10:42 น. - comment id 816553
เด้กๆ เคยไปจับผีเสื้อ มันดอมดมราวดอกไม้ โดยทำอุปกรณ์ขึ้นเลย ใช้ถึงพาสติกมัดกับไม้ จับได้เยอะแล้วก็ปล่อยมันไป
29 มกราคม 2551 12:18 น. - comment id 816630
น่าสงสารผีเสื้อเจ้าตัวน้อย ปีกเจ้าย่อยยับกลางทางเดินหน ฝ่าเมืองฟ้าพาแดนแสนผู้คน จนตัวตนแหลกยับกับทางเดิน..
29 มกราคม 2551 16:06 น. - comment id 816733
จากก่อนเคยหลงใหลในผีเสื้อ หลงรักในผวยปีกที่โอบเอื้อเกสร มาวันนี้ได้ฟังตานานกลอน ดอกแดดเลยยากกอดหมอน (แล้วนอนตาย) หุหุ ล้อเล่นค๊า... ไพเราะคะ...ตำนานผี............เสื้อ หวัดดีจ้า...
29 มกราคม 2551 19:08 น. - comment id 816869
คารวะ ท่านพี่ แจ๊ค เถียงนาน้อย คอยท่านพี่ มาร่ำรี้สุราขม แล้วชมจันทร์ มันผายลม ( เห็นตายชัก ) ว่าจะลอง หัดเขียน กลอน รัก โรแมนสะติก ซะหน่อย ว่าแต่ว่า ... ยกให้ ท่านพี่ ผู้กำลัง อินเลิฟฟฟฟฟ ร่ายลำนำรัก ให้น้องๆ ได้ชื่นฉ่ำหัวใจ ก่อนดีกว่า ด้วยว่า เจ้าฝุ่น กำลังมองหาความรักอยู่ นี่แหละ ท่านพี่
29 มกราคม 2551 19:10 น. - comment id 816872
สวัสดี อัสสุ ผีเสื้อ พูดถึงแล้วก็ให้ สงสาร วงจรชีวิต ก็ไม่ได้ยืนยาวซักเท่าไหร่ แถมยังต้อง เป็น อาหาร พวกนก อีก แต่ ความสวยงามของมัน นั้น ยากที่จะ ปฏิเสธ นะ ช่วงนี้ สบายดีนะ อัสสุ
29 มกราคม 2551 19:13 น. - comment id 816876
สวัสดี ยาแก้ปวด แถวบ้านบ้านผม มักจะพบเห็น บ่อย ผีเสื้อ มรณะ และ ชาตะ ชาตะ ในสวน แต่ มรณะ ที่ริมฟุตบาท ... เลยเกิดไอเดีย..ทดลองเขียนดู ครับ สบายดีนะ ช่วงนี้
29 มกราคม 2551 19:21 น. - comment id 816883
โอ้ สหาย ดอกแดด อย่าเพิ่ง กอดหมอนข้าง ตาย นะ ว่าแต่ว่า..เรา ยังมี..คดี.. ลอยฟ่องกลางท้องฟ้า อะไรนั่น อยู่นะ สหาย ดอกแดด เพื่อนผู้น่ารัก( น่าทุบ สิไม่ว่า ) ของเรา